ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- แม่ทัพภาค 2 ของไทย พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ ได้พยายามโทรศัพท์ถึง 3 ครั้ง ปลายสัปดาห์ผ่านมา เพื่อกล่าวขอโทษต่อ พล.อ.เจียดารา (Chea Tara) รองผู้บัญชาการกองทัพเขมร ซึ่งไม่พอใจในการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายไทยในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ที่ระบุว่า หากมีการรบเกิดจริง ไทยก็จะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน สื่อที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลรายงานเรื่องนี้อ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหาร
แหล่งข่าวเดียวกันนี้ กล่าวว่า การที่แม่ทัพภาค 2 ของไทยโทรศัพท์ไปขอโทษนั้น มีขึ้นหลังจาก พล.อ.ดารา แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายไทย แล ขอให้แม่ทัพภาค 2 ของไทยถอนคำพูดดังกล่าว
นอกจากนั้น การพบปะเจรจาระหว่างทหารฝ่ายไทยกับฝ่ายกัมพูชาในวันศุกร์ (6 พ.ย.) แม่ทัพภาค 2 ของไทยเป็นฝ่าย “วิงวอน" ขอร้องไม่ให้มีการสู้รบ หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล ที่มีความใกล้ชิดกับพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลรายงานเรื่องนี้โดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวทางทหาร
รอง ผบ.กองทัพกัมพูชา ได้เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ว่า ไม่เพียงแต่ แม่ทัพภาค 2 ของไทยจะขอโทษเท่านั้น ก่อนหน้านี้ ระหว่างการพบเจรจาสองฝ่าย แม่ทัพของฝ่ายไทยยัง “วิงวอน” มิให้มีการสู้รบอีกด้วย “ผมจึงขอให้ วีร์วลิต ถอนคำพูดด่วนที่สุด ไม่เช่นนั้นทหารฝ่ายเขมรจะประกาศสงครามกับเขา” ดืมอัมปึล อ้างคำกล่าวของ พล.อ.ดารา
“ระหว่างการพบปะสองฝ่ายบ่ายวันศุกร์ที่เรือนแดง (ปราสาทพระวิหาร) พลโท วีร์วลิต เป็นคนพูดเองวิงวอนไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาเปิดการสู้รบหรือใช้กำลัง แต่เรากำลังรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีฮุนเซน จะรบหรือไม่รบขึ้นอยู่กับว่าท่านจะสั่งมาอย่างไร” พล.อ.ดารา กล่าวกับดืมอัมปึล
ในการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ คราวเดียวกันนี้ แม่ทัพภาค 2 ของไทยได้เปิดเผยว่า ตนเองได้ขอให้ฝ่ายกัมพูชาระมัดระวังคำพูดในการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การทำให้เกิดความไม่เข้าใจ
พล.อ.ดารา กล่าวต่อไปว่า ในอีก 30 นาทีต่อมา แม่ทัพภาค 2 ของไทยได้โทรศัพท์ไปหาถึง 3 ครั้ง กล่าวแสดงความเสียใจ และย้ำว่า “ที่บางกอกโพสต์รายงานนั้น ไม่ใช่จุดยืนของฝ่ายไทย”
“พวกเขาขอโทษฝ่ายเรา และเราให้อภัย ก็เพื่อที่จะทีความสัมพันธ์อันดีต่อกันต่อไป” รอง ผบ.กองทัพกัมพูชา กล่าว
การพิพาททางวาจาระหว่างฝ่ายทหารยังมีขึ้นหลังจากเกิดความตึงเครียดในระดับรัฐบาล หลัง
จากไทยได้เรียกทูตประจำกัมพูชากลีบ และ กัมพูชาได้ตอบโต้ด้วยมาตรการเดียวกัน ดืมอัลปึลกล่าว
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ได้รายงานในฉบับวันเสาร์เกี่ยวกับผลการพบเจรจาระหว่างทหารทั้งสองฝ่ายโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า “พวกเราตกลงจะหลีกเลี่ยงการใช้กำลังและให้เน้นไปที่การแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยการเมืองกับการทูต”
สัปดาห์ที่แล้ว รอง ผบ.กองทัพกัมพูชา ได้ให้สัมภาษณ์ดืมอัมปึล ขู่จะฆ่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หากไปชุมนุมที่บริเวณใกล้ปราสาทำพระวิหารและล่วงล้ำเข้าไปใน “พื้นที่ทับซ้อน” โดยขู่จะยิงทันที
การกล่าวเตือนของนายทหารระดับสูงนี้ ได้สะท้อนคำสั่งของ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในสัปดาห์ปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ให้ทหารทุกหน่วยประจำการที่ชายแดนไทย ยิงคนไทยทุกคนที่ล้ำเขตแดน ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือพลเรือน
“ถ้าหากพวกเขาอยากได้ที่ดินใกล้ปราสาทพระวิหาร ผมขอบอกว่า ได้โปรดรีบมา และ เรายินดีต้อนรับจะให้พวกเขาได้ตายที่นั่น ถ้าหากไม่เชื่อ ก็ให้รีบมาเลย” หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล อ้างคำกล่าวของรองผู้บัญชาการกองทัพ
ขณะเดียวกัน พล.ตี สุขะ (Ti Sokha) นายทหารที่รับผิดชอบชายแดนด้าน จ.ไพลิน (ตรงข้าม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี) ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ โดยกล่าวว่า สถานการณ์ทางด้านไพลินยังเป็นปกติดี “การทำมาค้าขายระหว่างประชาชนทั่วไปยังดำเนินไปตามปกติ ไม่เปลี่ยนแปลงและไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ถ้าหากไทยต้องการปิดชายแดน ไทยนั่นแหละจะเป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์” พล.ต.สุขะ กล่าวเมื่อวันเสาร์ และย้ำด้วยว่า ราว 90% การค้าขายที่ชายแดนด้านนั้นเป็นการซื้อสินค้าจากประเทศไทย