xs
xsm
sm
md
lg

สาวธิดาวานรไม่ยอมกินข้าวป่วยร่อแร่พ่อแม่ดูแลไม่ไหว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#cc00cc>ภาพเอเอฟพีวันที่ 29 ต.ค.2552 รุชม ปะเงียง สาวธิดาวานรกับคุณพ่อคุณแม่ที่โรงพยาบาล จ.รัตนคีรี คุณพ่อบอกว่าไม่สามารถดูแลให้เธอได้ดีกว่านี้ อยู่กับความเจริญมา 2 ปีแล้วก็ยังอยากจะกลับไปอยู่ในป่าเหมือนเดิม พร้อมร้องขอความช่วยเหลือจากองค์การเพื่อการกุศลต่างๆ ให้ช่วยรับไปดูแลต่อ</FONT></bR>

เอเอฟพี - "ธิดาวานร" ฉบับเขมร ซึ่งหายตัวไปอาศัยอยู่ในป่านานกว่า 18 ปี ได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลหลังจากปฏิเสธที่จะทานอาหาร พ่อของหญิงสาวและแพทย์ที่รักษากล่าว

รุชม ปะเงียง ซึ่งในปัจจุบันมีอายุ 28 ปี ได้หายตัวไปตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ตั้งแต่ในปี 2532 ขณะที่กำลังต้อนฝูงควายในจ.รัตนคีรี ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 600 กม.

เด็กหญิงที่หายไปอยู่ในป่าจนโตเป็นสาวถูกจับตัวได้ในสภาพเปลือยและเนื้อตัวมอมแมมสกปรกขณะกำลังพยายามขโมยอาหารจากชาวนาคนหนึ่งในปี 2550 ด้วยท่าทางลักษณะเหมือนลิงคุ้ยเขี่ยพื้นดินหาเศษอาหาร

เธอไม่สามารถพูดจาเป็นภาษาที่เข้าใจได้ แต่กลับทำเสียงที่ นายซัลลูพ่อของเธอบอกว่าเป็นการส่งเสียงของสัตว์ ชาวเขมรหลายคนต่างนิยามว่าเธอเป็น ธิดาวานร หรือ ครึ่งคนครึ่งสัตว์

ปะเงียงถูกนำส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค. และเธอไม่สามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในหมู่บ้านได้ นายลูกล่าวกับเอเอฟพี

"เธอปฏิเสธที่จะกินข้าวมาเกือบเดือนแล้ว ตอนนี้เธอผอมเหลือแต่กระดูก...เธอยังคงไม่พูดไม่จา ทำท่าทางเหมือนกับลิงอยู่ตลอดเวลา เมื่อคืน(29 ต.ค.) เธอถอดเสื้อผ้าออกและไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ"

"สภาพของเธอดูแย่ลงเรื่อยๆ มากกว่าตอนที่เราพาเธอออกจากป่า เธอต้องการถอดเสื้อผ้าออกตลอดเวลาและพยายามจะคลานกลับเข้าไปในป่า" นายลูกล่าว

นายแพทย์ฮิงฟานสุคนธา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำ จ.รัตนคีรี ระบุว่าหญิงสาวมีอาการของโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท

"แพทย์ได้ฉีดยาให้เธอวันละ 2 ครั้งเพื่อบรรเทาอาการของระบบประสาท แต่เธอยังไม่สามรถควบคุมตัวเองได้" นายแพทย์สุคนธากล่าว

ส่วนนายลูบอกกับเอเอฟพีว่า ครอบครัวของเขาไม่สามารถเลี้ยงดูเธอให้ดีขึ้นได้ จำเป็นที่จะต้องขอความอนุเคราะห์จากองค์กรการกุศลช่วยนำเธอไปรักษาดูแลอย่างถูกวิธีกว่านี้

ผืนป่่าใน จ.รัตนคีรี ซึ่งมีบางส่วนถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและเป็นป่ารกชัฎ ติดชายแดนเวียดนาม แต่เป็นที่อาศัยของชนชาติส่วนน้อยบางกลุ่ม ซึ่งเมื่อก่อนนี้ฝรั่งเศสเคยว่าจ้างเป็นกองกำลังติดอาวุธ ปราบปรามชาวเวียดนามที่ก่อการเป็นกบฏต่อต้านอดีตเจ้าอาณานิคม

คนกลุ่มนี้เคยข้ามแดนจากเวียดนาม และ ปรากฎตัวในกัมพูชาเมื่อหลายปีก่อน ขอลี้ภัยไปประเทศที่สาม แต่ไม่สำเร็จ และกัมพูชาได้ส่งให้แก่ทางการเวียดนามเพื่อสงกลับไปยังถิ่นฐานเดิม

นอกจากนั้นในเดือนพ.ย. 2547 มีชาวเขมร 34 คนจาก 4 ครอบครัว ที่เคยเป็นมวลชนของฝ่ายเขมรแดงได้ออกมาจากป่า หลังจากหลบหนีไปซ่อนตัวตั้งแต่ปี 2522 หลังจากกองทัพเวียดนามบุกเข้ายึดกรุงพนมเปญ.
กำลังโหลดความคิดเห็น