xs
xsm
sm
md
lg

หลวงพระบางออกกฎห้ามโจ๋มัธยมขี่ จยย.ไปเรียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0066>ภาพถ่ายวันที่ 19 ก.ย.2552 รถจักรยานยนต์จอดซ้อนกันหลายคันที่ริมถนนบริเวณหน้าร้านอาหารฟาสต์ฟูดหรูแห่งหนึ่งในนครเวียงจันทน์ นักเรียนชอบไปแวะที่นี่หลังเรียนพิเศษในวันหยุด เศรษฐกิจที่เติบโตในอัตราสูงในช่วงหลายปีมานี้ทำให้เกิดชนชั้นกลางขึ้นมา ผู้ปกครองนิยมซื้อจักรยานยนต์ให้ลูกหลานขับขี่ไปเรียนหนังสือ ทั้งๆ ที่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ </FONT></bR>

เวียงจันทน์ไทมส์ - หลวงพระบางแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของลาวจะเริ่มต้นโครงการห้ามเด็กนักเรียนมัธยมขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนเป็นแห่งที่ 2 ของประเทศ หลังจากที่ได้เริ่มต้นโครงการในแขวงไซยะบุรีเพื่อนบ้านประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

การห้ามนักเรียนขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียน จะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการขับขี่ยวดยานพาหนะบนท้องถนน ลดปัญหาการจราจรในเมือง อีกทั้งช่วยครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่ายและรักษาสภาพแวดล้อมจากมลภาวะที่เกิดขึ้นจากไอเสียรถอีกด้วย

โครงการนี้มีขึ้นหลังจากโครงการนำร่องในแขวงไซยะบุรีไปเมื่อปี 2548 รองผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาแขวงหลวงพระบาง นายจันเพ็ง หลวงวันนา กล่าวว่า สำหรับหลวงพระบางได้เริ่มโครงการในโรงเรียนมัธยมที่อยู่ในเมืองมรดกโลก (อำเภอเมือง) ทั้งหมด 7 แห่ง

"จนถึงวันที่ 31 ต.ค. นี้ เราจะจัดการประชุมเพื่อประเมินผลทำข้อสรุปและประเมินรูปแบบการนำไปปรับใช้ในโรงเรียนเหล่านี้ ซึ่งจากการเริ่มใช้ระเบียบใหม่นี้ในแขวงหลวงพระบางเราหวังว่าจะได้ผลที่น่าพอใจ" นายจันเพ็ง กล่าว

"โครงการมีเป้าหมายที่จะช่วยบรรดานักเรียนที่ต้องการหลีกเลี่ยงกลุ่มเพื่อนที่กดดันให้แข่งมอเตอร์ไซค์หรือพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ และทำให้พวกเขาไม่สามารถขี่รถจักรยานยนต์ไปนอกเมืองไกลๆ ด้วย ซึ่งการขี่รถจักรยานนั้นเป็นเรื่องง่ายกว่า และโรงเรียนก็มีพื้นที่สำหรับจอดรถจักรยานอยู่มากมาย" นายจันเพ็ง กล่าว

นักเรียนส่วนใหญ่ที่เรียนระดับชั้นมัธยมอายุต่ำกว่า 18 ปี ดังนั้นการขี่รถจักรยานยนต์ไปเรียน เป็นการทำผิดกฎจราจรที่ห้ามขับขี่ยานพาหนะโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งใบขับขี่นั้นจะออกให้กับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

นายจันเพ็งกล่าวว่า ในจำนวนนักเรียน 7,000 คน จากโรงเรียนมัธยม 7 แห่งในเมืองหลวงพระบาง มีนักเรียนเกือบ 2,000 คนที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียน และหลังจากการสั่งห้ามมีผลบังคับใช้ นักเรียนเกือบทั้งหมดใช้การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ แทนการขี่รถจักรยานยนต์
<bR><FONT color=#FF0066>ภาพโดย VietnamExpress ในเวียดนามก็ไม่ต่างกัน บรรดาเด็กนักเรียนนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ขับขี่ปาดไปมาตามท้องถนนกรุงฮานอย ไม่สวมหมวกกันน็อกตามกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ส่วนในลาวเริ่มมีการออกข้อห้ามเรื่องนี้ เพื่อลดอุบัติเหตุและรักษาสิ่งแวดล้อม เมืองมรดกโลกหลวงพระบางเป็นแห่งที่สอง </FONT></bR>
ผู้ปกครองส่วนมากต่างชื่นชอบระเบียบข้อบังคับใช้นี้ แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจถึงการบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าว ทำให้ยังมีเด็กนักเรียนบางคนยังคงขี่รถจักรยานยนต์มาโรงเรียนอยู่ ส่วนนักเรียนที่มีบ้านอยู่ไกลจากโรงเรียนสามารถขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษได้หากครูประจำโรงเรียนเห็นว่ามีความจำเป็น

"อย่างไรก็ตามเรากำลังพยายามที่จะจำกัดจำนวนนักเรียนที่ขี่รถจักรยานยนต์มาโรงเรียน ซึ่งในอนาคตเราวางแผนที่จะสร้างโรงเรียนมัธยมปลาย 1 โรงเรียนต่อ 5 หมู่บ้าน ในพื้นที่ห่างไกลต่างๆ แต่แนวคิดนี้ยังไม่สามารถทำได้ทันทีเพราะเราไม่มีครูเพียงพอ และครูบางคนต้องสอนถึง 20 ชม.ต่อสัปดาห์" นายจันเพ็ง กล่าว

ในแขวงหลวงพระบางมีโรงเรียนระดับมัธยมอยู่ 56 แห่ง และหลายแห่งอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกล เพื่อให้เด็กง่ายต่อการเดินทางไปเรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน

"เราเริ่มต้นโครงการห้ามขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นเพราะเราเรียนรู้จากตัวอย่างในไซยะบุรีที่เป็นแขวงแรกของประเทศที่เริ่มต้นโครงการนี้" นายจันเพ็ง กล่าว

ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาแขวงไซยะบุรี นางบุนพัก อินทะปันยา กล่าวว่าโครงการห้ามเด็กนักเรียนมัธยมขี่รถจักรยานยนต์มาเรียนนี้เริ่มต้นขึ้นในเมืองปากลายเป็นแห่งแรก และ ในตอนนี้โครงการฯได้ครอบคลุมใน 10 เมือง (อำเภอ) ของแขวง และ มีผลตอบรับที่ดีมาก เห็นได้จากอุบัติเหตุลดลงและปัญหาการจราจรก็ลดลงด้วย

ผลสำเร็จในแขวงไซยะบุรี ทำให้ตัวแทนจากหลายๆ แขวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงพระบาง อุดมไซ และแขวงเชียงขวาง ต่างแสดงความสนใจในโครงการนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น