ASTVผู้จัดการออนไลน์-- ไต้ฝุ่นลูปี๊ตได้เร่งความเร็วขึ้นเป็นระดับ 4 ในบ่ายวันอาทิตย์ (18 ต.ค.) นี้ และ ได้เปิดเผยให้เห็นนัยน์ตาเล็กๆ แบบ "ตาเข็ม" (Needle Eye) ของมัน ณ จุดศูนย์กลาง ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความเร็วและแรงที่ไม่ปกติธรรมดา นักพยากรณ์ในฟิลิปปินส์กล่าวว่า ลูปี๊ตอาจจะปั่นความเร็วกับความแรงขึ้นสู่ระดับ 5 ในไม่ช้า
"ระดับ 5" หรือ C5 (Category 5) หมายถึงความหายนะ ไต้ฝุ่นระดับนี้มีสามารถทำให้เกิดพายุรอบๆ พัดเร็วและรุนแรงถึง 250 กม./ชม. สามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางให้เป็นจุลมหาจุลในพริบตา
ลูปี๊ต เป็นคำในภาษาตากาลอก (Tagalog) หรือภาษาท้องถิ่นของชาวฟิลิปปินส์ มีความหมายตรงตามตัวว่า "โหดร้าย" และ "รุนแรง" ก่อตัวขึ้นเห็นได้ชัดเจนในวันที่ 14-15 ต.ค. และสามารถ ทวีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 หรือ C1 (Category 1) ในวันที่ 16 และ เร่งตัวเองขึ้นสู่ระดับ 4 ได้ในอีก 2 วันถัดมา
ในวันอาทิตย์เช่นกัน ฟิลิปปินส์ซึ่งกำลังจะเป็นด่านแรกในการทดสอบพลังของไต้ฝุ่นลูปี๊ต ได้จัดส่งทีมกู้ภัยฉุกเฉินขึ้นเหนือพร้อมสิ่งบรรเทาทุกข์ สภาประสานความร่วมมือกอบกู้วิบัติภัยแห่งชาติ หรือ NDCC (National Disaster Coordinating Council) กล่าวว่า คนกับสิ่งของซึ่งรวมทั้งอาหาร ยารักษาโรค ผ้าคลุมกันฝน ถูกส่งไปเพิ่มตาม "พื้นที่ยุทธศาสตร์" ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุป้าหม่า
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์กล่าวในบ่ายวันอาทิตย์ว่า ไต้ฝุ่นลูปี๊ตได้ทวีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางขึ้นถึง 175 กม./ชม และ ทำให้เกิดลมแรงมหาศาลถึง 210 กม./ชม. ในอาณาบริเวณห่างจากแผ่นดินราว 1,000 กม. และ มีทิศทางเคลื่อนตัวเบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะเบนหัวกลับทิศการเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก สู่ทะเลจีนใต้ในอีก 12 ชั่วโมงข้างหน้า
“ผู้ที่อยู่ในจุดที่ยากลำบากในการเข้าถึงต่างๆ ควรจะอพยพออกมาเสียตั้งแต่ยังมีเวลาอยู่.. การช่วยเหลือจะยุ่งยากมากเมื่อเกิดพายุอีก” นายปริสโก นิโล (Prisco Nilo) ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยา กล่าวระหว่างแถลงข่าว
พ.อ.เออร์เนสโต ตอร์เรส (Ernesto Torres) โฆษกสภาประสานงานกู้ภัยพิบัติแห่งชาติกล่าวเตือนทำนองเดียวกันว่า ราษฎรที่กลับภูมิลำเนาในพื้นที่เสี่ยงภัยแห่งต่างๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ควรจะรีบออกไป เพื่อให้พ้นอันตรายดินเลื่อน ดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ที่อาจจะเกิดจากไต้ฝุ่นลูปี๊ต
ในวันเสาร์ (ตรงกับวันอาทิตย์ตามเวลาในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่นร่วม (Joint Typhoon Warning Center) ของกองทัพสหรัฐฯ ที่อ่าวเพิร์ล รัฐฮาวาย ได้พยากรณ์ ไต้ฝุ่นลูกนี้จะเคลื่อนตัวผ่านปลายสุดของเกาะลูซอน (Luzon) ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่อยู่เหนือสุดในกลางสัปดาห์หน้า และ เคลื่อนเข้าทะเลจีนใต้หลังจากนั้น
แผนภูมิที่ใช้ขอมูลดาวเทียมที่จัดทำโดย JTWC ได้แสดงให้เห็นไต้ฝุ่นลูปี๊ตในเขตทะเลฟิลิปปินส์ ในวันอาทิตย์ (18 ต.ค.) นี้ ขณะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 26 กม./ชม. และ แผนภูมิที่จัดทำโดยศูนย์เตือนความเสี่ยงจากพายุโซนร้อน (Tropical Storm Risk) ในกรุงลอนดอนก็ได้แสดงทิศทางการเคลื่อนตัวในทางเดียวกัน
สำนักพยากรณ์ชั้นนำทั้งสองแห่งกล่าวว่า ในวันจันทร์ (19 ต.ค.) ไต้ฝุ่นลูปี๊ตจะเริ่มหันหัวไปทางตะวันตก และเคลื่อนผ่านปลายสุดของเกาะลูซอนในราววันพฤหัสบดี (22 ต.ค.) และ เคลื่อนเข้าทะเลจีนใต้ในวันรุ่งขึ้น
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางเวียดนามได้ออกเตือนเกี่ยวกับโอกาสที่ไต้ฝุ่นลูปี๊ตจะพัดเข้าถึงฝั่งอีกลูกหนึ่งในช่วงสุดสัปดาห์หน้า เพราะว่าโอกาสที่พายุจะเคลื่อนขึ้นเหนือ ผ่านเกาะไต้หวันเข้าสู่แผ่นดินใหญ่จีนเช่นไต้ฝุ่นมรกต (Morakot) ในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมามีน้อยลง
ในฟิลิปปินส์ ลูปี๊ตกำลังจะทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือ ในบริเวณเดิมที่ไต้ฝุ่นสองลูกคือ "อันดอย" (Andoy) หรือ เกดสะหนา (Ketsana) กับ "ปีเป็ง" (Pepeng) หรือ ป้าหม่า (Parma) พัดเข้าถล่มในช่วงกลางเดือน ก.ย. ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้ และ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกันราวกว่า 900 คน รวมทั้งในเมืองหลวงมะนิลาด้วย ทั้งนี้เป็นตัวเลขรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี
ส่วนในเวียดนาม ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาพายุป้าหม่าเพิ่งพัดเข้าทำความเสียหายให้แก่บ้านเรือนราษฎรและจมเรือประมงในเขต จ.กว๋างนีง (Quang Ninh) ที่อยู่ติดชายแดนจีนกับในนครหายฟ่อง (Hai Phong) ในเวลาต่อมา ซ้ำเติมความบอบช้ำที่ไต้ฝุ่นเกดสะหนาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่สัปดาห์สิ้นเดือน ก.ย.
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ พายุป้าหม่าได้พัดเข้าสร้างความเสียหายใน อ.เกาะบาหวี (Ba Vy) ร้อยละ 80 ของบ้านเรือนราษฎรในอำเภอเกาะแห่งนี้ถูกทำลายยับเยิน ก่อนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งอีกครั้งหนึ่ง อ่อนตัวลงเป็นดีเปรสชั่น และสลายตัวไปขณะเคลื่อนผ่านที่ราบปากแม่น้ำแดงทางตอนใต้ของกรุงฮานอย
เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ เวียดนามยังคงเยียวยารักษาบาดแผลในหลายจังหวัดภาคกลางที่ไต้ฝุ่นเกดสะหนา ซึ่งมีความแรงระดับ C2 พัดทำลายระหว่างวันที่ 28-29 ก.ย.