เอเอฟพี - หลังจากไต้ฝุ่นเกดสะหนาเข้าพัดถล่มเวียดนามภาคกลางในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตชาวเวียดนามจนถึงวันที่ 4 ต.ค.นี้ พุ่งขึ้นเป็น 162 คนแล้ว และยังมีบุคคลสูญหายอีก 13 คน รวมทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีก 616 คน ทั้งนี้ เป็นการรายงานของคณะกรรมควบคุมอุทกภัยและพายุแห่งชาติ กรุงฮานอย
นาข้าวที่จมอยู่ใต้น้ำ ซากสัตว์วัวควายที่ล้มตาย และซากเรือประมงที่พังเสียหาย ล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเวียดนาม และการดำเนินชีวิตของผู้ประสบภัย นับได้ว่าไต้ฝุ่นเกดสะหนาเป็นภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบปีของเวียดนาม ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนและยังทำให้อีกหลายคนต้องไร้ที่พักอาศัย
“ผลผลิตทางการเกษตรที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงนี้ก็เสียหายไปหมด” นายอูโก บลังโค (Ugo Blanco) ผู้ประสานงานตอบโต้ภัยพิบัติของสหประชาชาติ กล่าว
เพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากที่ไต้ฝุ่นเข้าถล่ม 14 จังหวัดของเวียดนาม ไปเมื่อวันอังคารที่ 29 ก.ย.หน่วยงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยยังคงเร่งดำเนินการจัดหาน้ำสะอาด อาหาร และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เช่น มุ้ง ผ้าห่ม ให้กับผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง แต่ นายบลังโค กล่าวว่า นอกจากการจัดเตรียมเครื่องดำรงชีพเหล่านี้แล้ว เวียดนามจำเป็นที่จะต้องเริ่มคิดเกี่ยวกับผลกระทบในระยะกลางและระยะยาวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากภัยพิบัตินี้ และทำอย่างไรจึงจะช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ชนบทซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุให้กลับมาทำงานได้อย่างเดิม
ไต้ฝุ่นเกดสะหนาสร้างความเสียหายไปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างต่ำ 293 คน ในฟิลิปปินส์ ก่อนที่จะพัดเข้าถล่มเวียดนามในเวลาต่อมา และเรื่อยไปจนถึงกัมพูชาและลาว ที่พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นเกดสะหนาในเขมร 17 คน และลาว 24 คน
เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งรัฐบาลได้ประเมินว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวกว่า 30,000 เฮกตาร์ ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย และเกือบครึ่งที่เสียหายไปนั้นอยู่ใน จ.บิ่งดิ่ง ผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ บนพื้นที่เกือบ 60,000 เฮกตาร์ ได้รับความเสียหายเช่นกัน ส่วนใน จ.กว๋างจิ และ จ.เถือะเทียนเหว ได้รับผลกระทบในส่วนของการเพาะเลี้ยงปศุสัตว์มากที่สุด โดยมีสัตว์ปีกตายไปกว่า 150,000 ตัว วัวควาย 1,600 ตัว และหมู 2,800 ตัว นอกจากนั้น พายุได้พัดทำลายเรือไปมากกว่า 500 ลำ ส่วนใหญ่เป็นเรือประมงใน จ.กว่างหงาย และพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเกือบ 2,300 เฮกตาร์ ถูกน้ำพัดท่วมหายไปหมด
“อีก 2-3 วันเราถึงจะรู้ว่าเราเสียปลาและกุ้งไปเท่าไหร่” นายฝ่ามโจว (Pham Chau) เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการซ่อมตาข่ายที่พัง และมีบางส่วนที่พัดหายไปกับน้ำ โดยปกติภรรยาของเขาจะนำปลาและกุ้งที่เลี้ยงไว้ไปขายในตลาด แต่หลังจากพายุพัดถล่มเขายังไม่มีรายได้เข้ามาเลย ตอนนี้จึงใช้ชีวิตจากเงินที่เก็บออมไว้
“ตอนนี้เงินเก็บแทบจะไม่มีแล้ว” นายโจา กล่าว โดยธุรกิจเลี้ยงสัตว์น้ำส่วนหนึ่งมาจากการกู้เงินธนาคารเพื่อนำมาลงทุน ซึ่งเขาอาจจะต้องไปกู้ซ้ำอีกครั้งเพื่อนำมาปรับปรุงกิจการที่เสียหายเพราะพายุ ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนหลายคนต้องมีหนี้สินพอกพูนเช่นเดียวกันกับนายเจา และยังคงมีเกษตรกรอีกหลายคนที่ยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายของตนเองได้ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเวียดนามได้วางแผนที่จะมอบเงินช่วยเหลือกว่า 460 พันล้านด่ง หรือประมาณ 25.6 ล้านดอลลาร์ ให้กับพื้นที่ประสบภัย ซึ่งส่วนหนึ่งจะนำไปซื้อเมล็ดพันธุ์ทางการเกษตรไว้เพาะปลูก ส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย และสำรองเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมโรคที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในภายหลัง.