ASTVผู้จัดการรายวัน/VNExpress - บริษัทมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรี (Mitsubishi Heavy Industries) จากประเทศญี่ปุ่น กลายเป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่เปิดโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินในเวียดนาม ซึ่งเป็นการเริ่มต้นอุตสาหกรรมอาอากาศยานที่วางแผนมานานหลายปี
โรงงาน MHI Aerospace Vietnam ของมิตซูบิชิ ได้ผลิตปีกของเครื่องบินส่วนที่ขยับขึ้นลงได้ (Flap) ให้กับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 ตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นายมาซาเตรุ อกิยามา (Masateru Akiyama) ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท MHI กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นายฮิเดะอะกิ โอมิวะ (Hideaki Omiya) ประธานบริษัทมิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรีได้เข้าร่วมพิธีเปิดโรงงานแห่งนี้อย่างเป็นทางการ ในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมทางลองม์ (Thang Long) กรุงฮานอย ซึ่งบริษัทตั้งเป้าผลิตชิ้นส่วนปีกสำหรับเครื่องบิน 10 ลำต่อเดือน
ทางการเวียดนามได้ประกาศข่าวใหญ่ในเดือน พ.ย.2550 ระหว่างประธานาธิบดีเหวียนมิงเจี๊ยต (Nguyen Minh Triet) เดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ โดยแผนการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้ง จะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการลงทุนมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านโดยบริษัทจากญี่ปุ่นจำนวน 3 แห่ง รวมทั้ง โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้าและโครงการรถหัวกระสุนด้วย
ในเดือน พ.ย.2551 มิตซูบิชิแถลงในญี่ปุ่นเกี่ยวกับแผนการจัดตั้งบริษัท MHI Aerospace Vietnam (MHIVA) เพื่อผลิตชิ้นส่วนสำหรับเครื่องบินพาณิชย์ โดยมีกำหนดเริ่มการผลิตในต้นปี 2552 เริ่มจากชิ้นส่วนที่เป็นอุปกรณ์บังคับการขึ้นลง (Flap) บนส่วนปีกของเครื่องบินโบอิ้ง 737
โรงงานเฟสแรกของ MHIVA ใช้เงินลงทุนเพียงประมาณ 7 ล้านดอลลาร์ กับ พนักงานเพียง 50 คน มีกำหนดเปิดดำเนินการในเดือน ม.ค.2552 จากนั้นจะเพิ่มการจ้างงานขึ้นเป็นประมาณ 200 คน
ปัจจุบันมิตซูบิชิมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในญี่ปุ่นเอง ในมาเลเซียและในจีน
ชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานในเวียดนาม จะนำไปประกอบเป็นเครื่องบิน ร่วมกับชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ผลิตขึ้นตามโรงงานที่ตั้งอยู่ทั่วโลก โดยที่แต่ละแห่งจะผลิตชิ้นส่วนของเครื่องบินแตกต่างกันไป เช่น หัวเครื่องบิน ลำตัว ประตู ปีก หาง เป็นต้น
ชิ้นส่วนทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จตามกำหนด เพื่อส่งไปสู่การผลิตขั้นสุดท้าย คือประกอบเข้าเป็นเครื่องบินที่พร้อมใช้งาน
ถึงแม้ว่าสายการบินเวียดนามจะไม่มีโบอิ้ง 737 ใช้งานในฝูงแม้แต่รุ่นเดียว แต่ก็มีโบอิ้ง 777 และ ยังได้สั่งซื้อโบอิ้ง 787-9 ไปแล้วรวม 12 ลำ
มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสตรีเตรียมการเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือน มี.ค. ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจโลก และท่ามกลางข่าวเล่าลือในอุตสาหกรรมที่ว่า ทุนญี่ปุ่น ทุนอเมริกันกับตะวันตกอีกหลายชาติ กำลังจะถอนออกไปจากภูมิภาคนี้ทั้งหมด หลังจากสถาบันการเงินใหญ่ในวอลสตรีท พังครืนลงหลายแห่งเมื่อปีที่แล้ว
การผลิตชิ้นส่วนปีกของเครื่องโบอิ้ง 737 เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านอากาศยานในประเทศนี้
ในเดือน มี.ค.2552 เช่นเดียวกัน ธนาคารเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเวียดนามหรือ BIDV (Bank for Investment and Development of Vietnam) เซ็นความตกลงความร่วมมือกับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ส ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับการเข้าถือหุ้นในบริษัทผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้ง กับแอร์บัสรวมอยู่ด้วย
ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนาม BIDV ได้ตกลงให้เงินกู้แก่สายการบินแห่งชาติรวม 7 ล้านล้านด่ง (412 ล้านดอลลาร์) เพื่อเข้าร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนประกอบเฮลิคอปเตอร์ บริษัทผลิตชิ้นส่วน กับโรงซ่อมบำรุงรักษาอากาศยาน และศูนย์การฝึกนักบินและลูกเรือ
สายการบินเวียดนามยังจะใช้เงินกูจำนวนหนึ่งจัดสร้างโรงซ่อมเครื่องบิน กับคลังสินค้าที่ท่าอากาศยานเติ่นเซินเญิต (Tan Son Nhat) นครโฮจิมินห์ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตี่ยนฟง (Tien Phong) หรือ "ผู้บุกเบิก"
เพราะฉะนั้นโครงการสร้างสนามบินยักษ์ การผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน ทั้งของค่ายยุโรปและค่ายสหรัฐฯ ตลอดจนการสร้างโรงซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ของทั้งสองค่าย จึงเป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ออก.