xs
xsm
sm
md
lg

ไปเที่ยวเวียดนาม? คิดให้ดี.. เวียดเองยังบ่นอุบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#ff0000>อ่าวฮาลองมีมนต์เสน่ห์ แต่ถามนักท่องเที่ยวที่ไปแล้วว่าอยากกลับไปอีกไหม? หลายคนส่ายหน้า แต่ไม่ใช่เพราะว่า แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติของเวียดนามไร้มนต์ขลัง แต่หากเป็นเพราะบริการของคนที่นั่นต่างหาก สื่อในเวียดนามเองก็รับรู้ความจริงนี้เป็นอย่างดี  </FONT></bR>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ปีนี้องค์การบริหารการท่องเที่ยวเวียดนามจัดรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศถึง 22 รายการ หวังฟื้นฟูให้กลับมาคึกคักโดยไว ในท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก แต่สื่อในเวียดนามได้ออกโรงวิจารณ์การท่องเที่ยวของประเทศอย่างหนัก โดยระบุว่ามีช่องโหว่มากมายต้องปรับปรุงแก้ไขยกระดับมาตรฐานให้สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านแหล่งบริการต่างๆ

หนังสือพิมพ์แทงเนียนได้วิจารณ์เรื่องนี้ และสะท้อนภาพรวมของปัญหาอย่างตรงไปตรงมาที่สุดๆ หลังไปพบเรื่องราวต่างๆ กลับมา

ผู้เขียนเล่าว่าเมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวทางภาคเหนือกับเพื่อนต่างชาติ และ รู้สึกได้ว่าพวกเขาผิดหวังทั้งที่ตอนแรกก่อนเดินทางพวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้

ระหว่างทางจากสนามบินโนยบ่าย (Noi Bai) ไปอ่าวฮาลอง รถบัสจอดพักที่ จ.หายเรื่อง (Hay Duong) ให้ผู้โดยสารได้แวะเข้าห้องน้ำหรือหาอะไรรับประทาน หลายคนก็ลงไปเข้าห้องน้ำเหมือนกันแต่กลับมามือเปล่า...

"ห้องน้ำสกปรกมาก ชั้นเลยคิดว่าของกินที่ขายแถวนี้ก็ไม่น่าจะสะอาดเหมือนกัน" นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามคนหนึ่งกล่าว

ทันทีที่เดินทางถึงศูนย์ท่องเที่ยวและบันเทิงเจิ่นโว (Tan Chua) ทุกคนจะเสียค่าเข้าชมคนละ 25,000 ด่อง (1.46 ดอลลาร์) แต่กลับไม่มีคู่มือหรือคำอธิบายว่าข้างในนั้นมีอะไรบ้าง...
<bR><FONT color=#ff0000>บึงฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem) ในย่านเมืองเก่าฮานอย ประดับไฟสวยงามในยามค่ำคืน มีเสน่หาในตัวไม่ว่าจะเป็นในฤดูกาลไหนๆ การท่องเที่ยวเวียดนามมีศักยภาพสูงยิ่ง แต่สื่อของทางการกล่าวว่าต้องจัดการให้ดียิ่งกว่าที่เป็นอยู่ </FONT></bR>
ข้างในนั้นดูมืด และก็นานกว่าจะเดินไปพบที่ๆ จัดแสดงโลมากับแมวน้ำ ซึ่งต้องเสียค่าเข้าชมอีกคนละ 80,000 ก่ง (4.67 ดอลลาร์)

ทุกครั้งที่แมวน้ำขึ้นมาจากสระ คนดูหลายสิบคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ยืนขึ้นเพื่อจะดูให้เห็นชัดๆ ทำให้คนที่นั่งแถวถัดมาลุกขึ้นยืนบนเก้าอี้ของตัวเองเพื่อดูด้วยเช่นกัน
ส่วนบรรดาคนดูที่เรียบร้อยสุภาพหน่อย ซึ่งจริงๆ จะทำเช่นนั้นบ้างก็ได้ ก็ได้แต่ทนนั่งดูหลังของคนเหล่านั้นแทน

ถัดมาที่ถ้ำเทียนก่ง (Thien Cung) ทุกคนรู้สึกเหมือนว่า เหมือนเข้าไปอบไอน้ำทั้งๆ ที่ฝนกำลังตกอยู่ข้างนอก ไม่มีใครได้ถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะทุกคนต่างติดอยู่ในแถวของผู้คนที่เข้าชม..

ทำไมผู้จัดการสถานที่ถึงปล่อยคนให้เข้าไปได้ตามใจ ไม่มีเจ้าหน้าที่มาจำกัดจำนวนคนเข้าชมเป็นรอบๆ ถ้าเกิดใครหลุดออกจากแถว ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร มันเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือสถานที่ทรมานคนกันแน่ ???

โรงแรม 3 ดาวในฮาลองก็ไม่มีอินเตอร์เน็ตให้บริการ ส่วนในเมืองซาปา (Sa Pa) ทางตอนเหนือ ถนนเต็มไปด้วยผู้คนเบียดเสียดและรถก็ติดเป็นชั่วโมงๆ ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลเลยสักคน สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งไม่มีห้องน้ำให้บริการ นักท่องเที่ยวไม่มีอารมณ์จะชื่นชมธรรมชาติหรือทำกิจกรรมใดๆ
<bR><FONT color=#ff0000>ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำใจกับการจราจรที่ติดขัดแบบหนึบหนับให้ได้ จนกว่าระบบขนส่งมวลชนจะแล้วเสร็จใอีก 5-10 ปีข้างหน้า หรือว่าจะรอจนถึงปีโน้น.. จึงจะไปเที่ยว? </FONT></bR>
กลับไปที่ฮานอย นักท่องเที่ยวในคณะก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่เมื่อถนนหลายสายจมอยู่ใต้น้ำ และ ฝนก็เทลงมาอย่างงนัก

"คงเป็นเรื่องยากที่จะเชิญใครมาเที่ยวบ้านเรา และเป็นการยากที่จะทำให้พวกเค้ารู้สึกดีระหว่างที่อยู่ที่นี่ และคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะกลับมาเที่ยวอีกครั้ง ถ้าเราไม่พยายามที่จะเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวของประเทศ.." นักเขียนของแทงเนียนกล่าว

"บางทีเราคงต้องการการประชาสัมพันธ์ครั้งใหญ่เป็นโครงการระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จะต้องมีรายละเอียดพวกนี้รวมอยู่ด้วย คือ สะอาด ห้องน้ำดี ธรรมชาติสวย โรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ถนนราบรื่น และรถติดน้อยลง .."

นักท่องเทียวที่เดินทางไปเวียดนาม มักจะมีเรื่องเช่นนี้ร้องเรียนอยู่เสมอๆ ถึงแม้ว่าที่นั่นจะมีความปลอดภัยเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินสูงที่สุดอีกแห่งหนึ่ง แต่ผู้คนทั่วไปมักไม่ค่อยมีระเบียบ ไม่ค่อยเข้าคิวเรียงตามลำดับก่อนหลัง

ระยะหลังๆ นี้บริษัทท่องเที่ยวที่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มมีมากขึ้น รวมทั้งบรรดารถรับจ้างที่คิดค่าโดยสารกับชาวต่างชาติสูงจนเกินจริง สูงเป็นสิบเท่าตัวจากค่าบริการปกติในท้องถิ่น และ นักท่องเที่ยวไม่ทราบว่าจะไปร้องเรียนได้ที่ใด.
กำลังโหลดความคิดเห็น