“สมเด็จสีหนุ” กลับจีน ฮุนเซน-ท่านผู้หญิงไปส่ง

ASTVผู้จัดการออนไลน์ — สมเด็จพระนโรดมสีหนุ เสด็จยังกรุงปักกิ่ง ในวันพฤหัส (3 ก.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อเข้ารับการตรวจพระวรกายตามกำหนดในการป้องกันการลุกลามของโรคมะเร็ง ไปจีนคราวนี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กับ ท่านผู้หญิง บุนรานี เดินทางไปส่งเสด็จถึงท่าอากาศยานเมืองเสียมราฐ

ตามรายงานจากพระราชสำนักกัมพูชา อดีตพระราชานโรดมสีหมุนี กับอดีตพระราชินี โมนิคมุนีนาถ ได้โดยเสด็จไปยังกรุงปักกิ่งพร้อมกันด้วย แพทย์จีนจะทรงถวายการตรวจพระวรกายอดีตสมเด็จพระราชินี เช่นดียวกัน

สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ทรงมีพระชนมายุ 86 ชันษา ทรงทุกข์ทรมานจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง มาตั้งแต่ปี 2536 ทรงเข้ารับการรักษามาตั้งแต่ปี 2548 และ เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ทรงรับการรักษาอีกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งสมเด็จพระสีหนุทรงบันทึกในเว็บไซต์ของพระองค์ ว่า เป็นการรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่

เนื่องจากอาการประชวร ทำให้พระองค์ต้องรับการตรวจพระวรกายทุกๆ 3 เดือน อดีตพระราชาเสด็จกลับประเทศกัมพูชาในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเสด็จกลับเพียงครั้งเดียวนับ ตั้งแต่เสด็จไปพำนักในกรุงปักกิ่งในเดือน พ.ย.2550

แพทย์ที่ถวายการรักษามีความกังวลว่า อดีตพระราชาอาจจะประชวรด้วยโรคมะเร็งอีกเป็นครั้งที่ 4 จึงต้องถวายการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้มิให้เนื้อร้ายลามขึ้นมาอีก นายอึม ดาราวุธ เจ้าหน้าที่ประจำราชสำนักเขมร กล่าวกับวิทยุเสียงอเมริกาภาคภาษาเขมร

สมเด็จพระนโรดมสีหนุ มีกำหนดการจะเสด็จกลับประเทศกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งในเดือน ก.พ. 2010 นายดาราวุธ กล่าว

นายกรัฐมนตรีกับภริยาได้เดินทางไปยังเมืองเสียมราฐวันเดียวกัน เพื่อส่งเสด็จทั้งสองพระองค์โดยเฉพาะ หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับอดีตพระราชามีความแน้นแฟ้นมากขึ้น

สุดสัปดาห์ก่อน ท่านผู้หญิงได้นำคณะสภากาชาดกัมพูชาเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสีหนุ ที่เมืองเสียมราฐ อดีตพระราชาได้พระราชทานเงิน 5,000 ดอลลาร์ สำหรับสภากาชาด กับอีก 5,000 ดอลลาร์ เป็นของขวัญสำหรับสตรีหมายเลข 1 โดยเฉพาะ ฐานเป็นผู้นำในการบำเพ็ญประโยชน์และดูแลทุกข์สุขของพสกนิกร

สมเด็จพระสีหนุ ทรงยกย่องสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นอย่างสูง ต่อความสำเร็จในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า รวมทั้งความสามารถในการป้องกันเอกราชและอธิปไตยของกัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร

เมื่อ 46 ปีก่อนหน้านี้ “เจ้าสีหนุ” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้นำกรณีปราสาทพระวิหารขึ้นฟ้องร้องต่อศาลระหว่างประเทศในกรุงเฮก และศาลได้ตัดสินให้ปราสาทเก่าแก่คริสต์ศตวรรษที่ 11 ตกเป็นของกัมพูชามาตั้งแต่บัดนั้น

ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก แต่หลังจากนั้นเพียงข้ามเดือน รัฐบาลไทยได้ทำบันทึกถึงศาลโลก ขอสงวนสิทธิ์ที่จะโต้แย้งเกี่ยวกับดินแดนรอบๆ ปราสาท ซึ่งได้เป็น “ดินแดนพิพาท” มาตั้งแต่บัดนั้น