ASTVผู้จัดการออนไลน์ - หลายอย่างจะต้องอดทนรอคอย และ ต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างหนัก แต่ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดอีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า เวียงจันทน์ก็จะมีแพทย์หญิงสุดสวยเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง “หมอนาง” จันดาลี สิดพะไซ ซึ่งกำลังศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ นครเซี่ยงไฮ้ จะได้กลับไปเป็นหมอที่บ้านเกิด
จะเป็นหมอก็ต้องเข้าเรียนแพทย์ศาสตร์ จะเป็นนักเรียนแพทย์ได้ใช่มีเงินเพียงอย่างเดียวแล้วเป็นได้ แต่จะต้องสอบเข้าเรียนให้ได้ และสอบได้แล้วก็จะต้องเรียนให้ได้ ซึ่งใครๆ ต่างทราบดีว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ “นิงนาง” สาวสวย เจ้าของมงกุฎมิสลักซ์ 2004 (Miss Lux 2004) ทำได้ เธอสามารถเอาชนะน้องตี๋พี่หมวยนับพันนับหมื่นคน
แต่ไม่ว่าจะเรียนหนักอย่างไร “หมอนาง” ก็ยังเจียดเวลามาคุยกับมิตรรักแฟนๆ ผ่าน hi5 ที่แฟนคลับจัดทำให้เป็นสื่อกลางในการสื่อถึงกัน นอกเหนือจากวินโดว์ไลฟ์ของเธอที่เอาไว้คุยกับเพื่อนสนิท
ไฮไฟว์ “นิงนาง+ลิตเติ้ลแองเจิล” (Ning Nang+ Little Angel) ร้อนระอุ เมื่อเสือสิงห์กระทิงแรดผ่านไปพบ และอดไม่ได้ที่จะแห่กันเข้าไปทัก ซึ่งเมื่อเห็นภาพของสาวสวย ส่วนใหญ่มักจะเก็บอาการไม่อยู่ เปิดฉากไล่งับไล่ขวิดท่าเดียว เปิดหน้าตัวเองล่อนจ้อน เป็นที่สนุกสนานของบรรดาผู้ที่ผ่านเข้าไปพบเช่นเดียวกัน
บางรายออกอาการร้อนรุ่ม มือไม้สั่น จิ้มคีบอร์ดผิดๆ ถูกๆ หลายรายอ่านชื่อ “Nang” เป็น “แน่ง” บ้าง หรือ “แหน่ง” บ้าง มีสุดโต่งที่สุดที่เข้าไปทัก “หมอนาง” ว่า “น้องนั่ง”.. กลายเป็นเรื่องสนุกสนานของประชาคมชาวลาว ที่อ่านภาษาไทยรู้เรื่อง
เท่าที่ปรากฏอยู่บนหน้าโฮมเพจ ตั้งแต่เดือน เม.ย.2550 จนถึงปลายเดือน ก.ค.นี้ มีผู้เข้าไป “แอด” เป็นเพื่อนเกือบ 17,000 ราย มีการ “ทักทาย” กว่า 4,000 ครั้ง มีทั้งเพื่อนๆ กับพวกพ้อง พวกตะเข้ตะโขงก็ไม่น้อย แต่ “หมอนาง” ก็เพียรพยายามตอบสั้นบ้างยาวบ้าง
แต่ทั้งนี้ต้องขอเตือน.. ยังไม่มีกระทิงเปลี่ยวตัวไหนประสบความสำเร็จ และต้องยกย่องจิตใจอันมั่นคงของนักเรียนแพทย์สาวสวยจากเวียงจันทน์
สิ่งหนึ่งที่จันดาลีบอกกับทุกคนอยู่บ่อยๆ ก็คือ “เรียนหนัก” หรือ “อยากกลับบ้าน” หรือไม่ก็.. “คิดถึงบ้าน” ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ต่างกับข้อความที่ปรากฏบนเว็บไซต์แฟนคลับ อันแสดงให้เห็นถึงความรักความผูกพันแน่นแฟ้นกับครอบครัวที่รออยู่เบื้องหลัง ที่มีคุณพ่อซึ่งเป็นนายแบงก์ใหญ่ คุณแม่ น้องสาวกับน้องชาย และ ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อสองปีที่แล้วหมอนางยังมีคุณตากับคุณยายอีกสองคน
เพราะฉะนั้น บรรดาตะเข้ที่เข้าไปแล้วจ้องจะงับท่าเดียว ก็จะจ๋อยและเลื้อยกลับออกไปจาก hi5 ของหมอนาง ทุกตัวตน
ตามข้อมูลในแฟนคลับ เมื่อปี 2547 จากมหาวิทยาลัยแห่งชาตินครเวียงจันทน์ “จันดาลี สิดพะไซ” บินลัดฟ้าไปในนครเซี่ยงไฮ้ทันทีไม่มีเว้นวรรค เรียนภาษาจีนจนถึงขั้นแตกฉาน ก่อนจะสอบเข้าเรียนแพทย์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังจากการประกวด Miss Lux ซึ่งจัดขึ้นในเดือน ก.ค.2547 โดยบริษัทยูนิลีเวอร์ประเทศไทยฯ
ต้องนับว่าเป็นการประกวดสาวงามระดับชาติครั้งแรก ตั้งแต่ลาวเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2518
ในเดือน ต.ค.ปีเดียวกัน จันดาลียังลัดฟ้าไปประกวด Miss International Beauty Pageant 2004 ในนครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และ เป็นครั้งแรกที่มีสาวงามจากลาวไปร่วมการ
ประกวดความสวยความงามบนเวทีระดับโลก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รางวัลอะไรกลับบ้านก็ตาม แต่ก็เป็นประสบการณ์อย่างใหญ่หลวง
แฟนพันธุ์แท้จะต้องจำได้ดี ขณะยังเรียนอยู่ดงโดก สาวจันดาลีได้เป็นหนึ่งในบรรดา Miss Beer Laos 2003 ภาพของเธอปรากฏบนปกปฏิทินเบียร์ยี่ห้อนี้ ซึ่งมีการเผยแพร่ไปทั่วประเทศ
ตั้งแต่นั้นมาสาวนางก็ได้เป็นดาราหน้ากล้องอีกหลายงาน รวมทั้งรับบทนางเอกในมิวสิกวิดีโอของวงโอเวอร์แดนซ์ (Overdance) ที่กำลังโด่งดังในช่วงนั้น
ก่อนหน้านั้นในปี 2546 นักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ยังได้เคยร่วมไปกับเรือเยาวชนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตระเวนทั่วภูมิภาคนี้จนถึงประเทศญี่ปุ่น
เรียนเก่ง อายุไม่ทันเท่าไรก็มีโอกาสได้ออกท่องโลก ประสบการณ์และความรู้รอบด้าน จึงไม่น่าแปลกใจที่คณะกรรมการประกวดมิสลักซ์ในปีถัดมา เทคะแนนให้กับสาวนางอย่างหมดใจ
ถึงแม้หลายเสียงจะบอกว่าเธอไม่ใช่สาวสวยที่สุดบนเวทีนั้นก็ตามที
สองปีมานี้ “หมอนาง” ดูผอมลงอย่างชัดเจน.. ระหว่างปิดเทอมร้อนปี 2550 สาวสวยได้ขึ้นปรากฏบนปกนิตยสารรายเดือนฉบับหนึ่งในเวียงจันทน์ พร้อมข้อความว่า “จันดาลี : จ่อยแต่ยังสวย” อันเป็นนิยามที่เข้าใจได้ง่าย ..เจ้าตัวบอกกับแฟนๆ ว่า ความผ่ายผอมนั้น เป็นผลพวงจากการเรียนหนัก
อย่างไรก็ตาม ภาพชุดล่าสุดที่เราได้รับมา บอกให้รู้ว่า สถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้นได้ผ่านไปแล้ว “หมอนาง” กลับมาดูสดชื่นแจ่มใส มีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่วันเกิดครบรอบ 24 ปี เพิ่งจะผ่านมาหมาดๆ ในวันปีใหม่ประเพณีเดือน เม.ย. หมอนางดูสวยเด็ดขาด อายุมากขึ้นก็ยิ่งสวยขึ้น พร้อมกับวุฒิภาวะที่เพียบพร้อมมากขึ้น
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ใครจะเข้าไปเสิร์ฟๆ ดูไฮไฟว์ “Little Angel” บ้างก็ย่อมได้ แต่ต้องขออนุญาตย้ำเตือนอีกครั้ง.. “อย่าเปิดหน้าชก” เก็บอาการให้ดี และอาจจะได้คุยกับ “หมอนาง”
ซึ่งเราเองยังไม่ประสบความสำเร็จ!!