xs
xsm
sm
md
lg

อินเดียเงียบกรณี "ซูจี" สูบก๊าซพม่าลูกเดียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#3366ff>บ้านร้าง-- ภาพถ่ายวันที่ 4 ก.ค.2552 มองข้ามทะเลสาบอินยา (Onya Lake) ในกรุงย่างกุ้ง บ้านพักของนางอองซานซูจีเป็นบ้านร้าง มีเพียงหญิงรับใช้สองคนดูแล เจ้าของบ้านถูกจำคุกระหว่างดำเนินคดี หลังจากมีชาวอเมริกันสติเฟื่องวัย 54 ปีคนหนึ่งว่ายข้ามน้ำไปและพักอยู่ที่นั่นถึง 2 คืน แม้ว่าเจ้าของบ้านจะได้ขอร้องให้ออกไปก็ไม่ยอม ทางการดำเนินคดีเจ้าของบ้านแทนที่จะเอาผิดกับการจัดเวรยาม รปภ.</font></b>

นิวเดลี (เอเอฟพี)-- ท่ามกลางเสียงรียกร้องและความห่วงใยของประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับความเป็นไปของนางอองซานซูจี สัญลักษณ์ประชาธิปไตยในพม่า อินเดียเพื่อนบ้านกลับนิ่งเงียบแบบรู้เห็นเป็นใจ

ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนตัวยงของนางซูจี อินเดียเริ่มเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับคณะปกครองทหารพม่าในช่วงคริสตศตวรรษที่ 1990 อันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ความมั่นคงปลอดภัยกับการพลังงานเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญอันดับต้น แทนความห่วงใยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

ขณะที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลพม่าในการจัดการกับกบฏชนกลุ่มน้อยแบ่งแยกดินแดนที่ปฏิบัติการตามตามแนวชายแดนที่ไกลหูไกลตาระหว่างสองประเทศ อินเดียยังจับตามองแหล่งน้ำมันและก๊าซในพม่า และหวาดวิตกว่าจะพ่ายแพ้แก่จีนในการแข่งขันทางยุทธศาสตร์ในย่านเอเชีย

"อินเดียกำลังใช้วิธีการนิ่งเงียบซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกต้องในปัญหาพม่า เพราะว่าอินเดียจะต้องสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่กว่า ในการส่งเสริมประชาธิปไตยกับสิทธิมุนุษยชน" นายกันวาล สิบาล (Kanwal Sibal) อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอินเดียกล่าว

แต่กลุ่มประเทศประชาธิปไตยตะวันตกไม่ได้มองเช่นนั้น

ทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ได้โต้แย้งว่าจีนกับอินเดียจะต้องใช้ต้องใช้ศีลธรรมนำในการใช้พลังทางเศรษฐกิจกับพม่าเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศนั้น คาดว่านางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับฝ่ายเจ้าบ้านระหว่างการเยือนสัปดาห์หน้า
<br><FONT color=#3366ff>ภาพแฟ้มสำนักข่าวมิสซิมา (Mizzima) วันที่ 3 มี.ค.2552 พล.อ.หม่องเอ (Maung Aye) ผู้นำหมายเลข 2 ไปเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ได้รับการต้อนรับจาก รองประธานาธิบดีฮาเหม็ด อันซารี (Hamid Ansari) คราวนั้นอินเดียเซ็นสัญญาลงทุน 120 ล้านดอลลาร์ สถาปนาข่ายการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างสองประเทศ อินเดียต้องถ่วงดุลอำนาจกับอิทธิพลจีนที่ขยายเข้าสู่ถิ่นของอินเดีย </font></b>
แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งนิวเดลีและปักกิ่งต่างก็ไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจอะไรต่อเสียงเรียกร้องที่ให้ใชมาตรการทางการทูตเข้าแทรกแซงในพม่า

"อินเดียไม่ออกความเห็นอะไรอีก เกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศอื่นๆ และมุ่งหวังที่จะมีสัมพันธ์อันใกล้ชิดต่อไป เพื่อให้มีปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน" นางมารี ลาล (Marie Lall) ผู้จัดการร่วมโครงการเอเชีย (Asia Programme) ที่สถาบันชาธัมเฮ้าส์ (Chatham House) ในกรุงลอนดอนกล่าว

ในปี 1993 อินเดียเคยมอบรางวัลยาวฮาห์ลาล เนห์รู (Yawaharlal Nehru) ซึ่งเป็นรางวัลด้านสิทธิมนุษยชนที่ตั้งขึ้นเป็นเกียรติแด่อดีตผูนำให้แก่นางอองซานซูจี แต่หลังจากนั้นมาก็เริ่มออกเยือนพม่าและขณะเดียกวันด็ได้ปูพรมแดงครั้งแล้งครั้งเล่าต้อนรับการเยือนของบรรดาผู้นำจากพม่าซึ่งรวมทั้ทง พลเอกอาวุโสตานฉ่วย (Than Shwe) ด้วย

นอกเหนือจากความสัมพันธ์ด้านการเมืองแล้ว อินเดียยังเข้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทั้งในด้านพลังงานและการก่อสร้างระบบสาธารณูโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ในพม่า ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าส่วนหนึ่งเป็นการสร้างสมดุลกับการเข้าไปปรากฏตัวของจีนในพม่า

"อินเดียมีความเป็นกังวลอยู่เสมอๆ ต่อการที่จีนเข้าไปมีอำนาจอิทธิลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งด้านกาารเมืองและการทูตในถิ่นของตนเอง" นายอุทัย พัสการ (Uday Bhuskar) ผู้อำนวยการมูลนิธิมาริไทม์ (Maritime Foundation) ในกรุงนิวเดลีกล่าว
<br><FONT color=#3366ff>ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 14 ก.ค.2552 นายกรัฐมนตรีอินเดีย นายมันโมหัน ซิงห์ ไปร่วมงานฉลอง 220 ปีการปฏิวัติฝรั่งเศส บริษัทน้ำมันฝรั่งเศสมีกิจการในพม่าได้ ทำไมบริษัทอินเดียจะมีบ้างไม่ได้หรือ? </font></b>
ยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียทั้งสองประเทศ ต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อแหล่งน้ำมันและก๊าซในพม่า ขณะที่ต่างมุ่งแสวงหาแหล่งพลังงานเพื่อนำไปสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศ

เจ้าหน้าที่อินเดียปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอดว่า การเข้าไปร่วมมือกับพม่า ทั้งๆ ที่ระบอบปกครองทหารมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูง นั้นได้สร้างความด่างพร้อยขึ้นในระบอบประชาธิปไตยของอินเดียเอง

"ประเด็นสิทธิมนุษยชนนับเป็นไม้เท้าที่สะดวกสำหรับโลกที่พัฒนาแล้วในการใช้ตีประเทศที่กำลังพัฒนาเมื่อพวกเขาเห็นว่าได้เวลาที่เหมาะสม" แหล่งข่าวในรัฐบาลอินเดียกล่าวกับเอเอฟพี

"ถ้าคุณจะมองกลับไปดูประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศตะวันตกบางประเทศบ้าง (ก็จะเห็นว่า) มันไม่ได้ดีไปกว่าประเทศที่พวกเขากำลังพากันวิพากษ์วิจารณ์มากนัก" แหล่งข่าวเดียวกันกล่าว ทั้งยืนยันอีกว่ารัฐบาลอินเดียได้หยิบยกเรื่องประชาธิปไตยหารือกับคณะปกครองทหารพม่าเสมอๆ ในการพูดคุย "หลังฉาก"
<br><FONT color=#3366ff>ภาพรอยเตอร์วันที่ 28 ใมิ.ย.2552 ประธานกลุ่มทาทามอเตอร์แห่งอินเดีย นายราทัน ทาทา เดินทางกลับหลังแถลงข่าวประกาศเปิดสายการผลิตรถจากัวร์กับแลนด์โรเวอร์ในอินเดีย ทาทาประกาศก่อนหน้านี้จะเปิดสายการผลิตรถบรรทุกในพม่า รัฐบาลอินเดียเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อพม่าอย่างสิ้นเชิงแล้ว   </font></b>
นางลาลแห่งชาธัมเฮ้าส์ได้ชี้ให้เห็นประเด็นที่มีการใช้สองมาตรฐานจำนวนหนึ่ง ซึ่งสหรัฐ อังกฤษและฝรั่งเศสใช้ในความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารและเผด็จการทั่วโลก โดยใช้กันมาหลายทศวรรษแล้ว

"เรากำลังมองไปที่จีน --ประเทศที่มีจำนวนนักโทษการเมืองมากกว่าในพม่า มองในแง่นั้นอินเดียไม่ได้ปฏิบัติแตกต่างจากที่โลกตะวันตกกระทำมานานหลายทศวรรษแต่อย่างไร" นางลาลกล่าว

นักวิชาการผู้นี้ยังได้แสดงความกังขาต่อการคว่ำบาตร (ต่อพม่า) ที่ดำเนินการโดยโลกตะวันตก ซึ่ง "วิธีการคว่ำบาตรระหว่างประเทศไม่ได้นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงใดๆ"

"ระบอบพม่าจะไม่รับฟังใครเกี่ยวกับกิจการภายในของพวกเขา-- แม้กระทั่งจีน แต่ความเป็นจริงก็คือการถูกโดดเดี่ยวจากโลกตะวันตกเป็นสิ่งที่ (ระบอบทหารพม่า) ต้องการอยู่แล้ว.
กำลังโหลดความคิดเห็น