เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการรายวัน -- สหภาพยุโรปกำลังหารือเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่าให้หนักยิ่งขึ้น หลังจากรัฐบาลทหารจับนางอองซานซูจี และนำตัวผู้นำของฝ่ายค้านในพม่าขึ้นไต่สวนเมื่อวันจันทร์ (19 พ.ค.) ความเคลื่อนไหวยังมีขึ้นหลังจาก นายฮาเวียร์ โซลานา (Javier Solana) ประธานคณะกรรมการวิเทโศบายต่างประเทศของอียูออกเรียกร้องให้มีการลงโทษระบอบทหารพม่าหนักยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศของอียู เปิดเผยว่า จะมีการหยิบเรื่องพม่าขึ้นหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ระหว่างการประชุมในสัปดาห์หน้าในเมืองหลวงของเวียดนาม และจะต้องหารือเป็นพิเศษกับฝ่ายจีนที่กำลังจะพบปะสุดยอดกับอียูในสัปดาห์นี้ด้วย
“เราพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า” นายจอห์น คาฮูต (John Kohout) รัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ค (Czech Republic) กล่าวเมื่อวันจันทร์เมื่อเดินทางถึงกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียม เพื่อร่วมหารือกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอียู ซึ่งในปัจจุบันสาธารณรัฐเช็กกำลังทำหน้าที่ประธานของสหภาพฯ
“อันดับแรกสุดก็คือ เราจะเรียกร้องให้ทางการพม่าปล่อยนางอองซานซูจี” นายคาฮูต กล่าว
ทางการทหารพม่าเริ่มไต่ส่วนคดีนางอองซานซูจีตอนสายวันจันทร์ (18 พ.ค.) ที่ผ่านมา ภายในเรือนจำอิงเส่ง (Insein) กรุงย่างกุ้ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่หนา ทางการห้ามนักการทูตจากตะวันตก รวมทั้งเจ้าหน้าที่พรรคฝ่ายค้านเข้ารับฟังการไต่สวนครั้งนี้
ผู้สนับสนุนนางซูจีหลายสิบคนไปชุมนุมกันในบริเวณใกล้กับเรือนจำแห่งนั้น เพื่อขอเข้าไปรับฟังการไต่สวน แต่ตำรวจปราบจลาจลได้นำลวดหนามวางกั้นถนนทุกสายที่มุ่งไปยังเรือนจำแห่งนั้น
คณะปกครองทหารพม่าเอาหูทวนลมเสียงประณามที่กระหึ่มไปจากทั่วโลกและดำเนินคดีผู้นำฝ่ายค้านวัย 63 ปีต่อไปในข้อหากระทำผิดต่อกฎระเบียบการกักบริเวณ ซึ่งอาจจะทำให้นางซูจีหมดโอกาสที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ อย่างสิ้นเชิงกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า
ผู้นำฝ่ายค้านในพม่าถูกจับกุม หลังจากชาวอเมริกันผู้หนึ่งว่ายน้ำข้ามบึงใหญ่เข้าไปยังบ้านพักเมื่อต้นเดือนนี้
“การไต่สวนเริ่มขึ้นแล้ว..” แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ทางการที่ไม่ให้ระบุชื่อกล่าวกับเอเอฟพี โดยไม่ยอมให้รายละเอียดใดๆ อีกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่ดำเนินการกันเป็นการภายใน
นักการทูตตะวันตก กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ห้ามเอกอัครราชทูตจากกลุ่มสหภาพยุโรป คือ ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนีและอิตาลี ไม่ให้เข้าไปยังบริเวณเรือนจำ ขณะที่นักการทูตเหล่านั้นพยายามเข้าไปรับฟังเป็นประจักษ์พยาน
ทนายความกล่าวก่อนหน้านี้ ว่า นางซูจี ซึ่งเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2534 จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล
นายจอห์น วิลเลียม เยตทอว์ (John William Yeatthaw) ชาวอเมริกันวัย 53 ปีว่ายน้ำไปยังบ้านพักของนางซูจี และพักอยู่ที่นั่นระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค.ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนำตัวออกไป
ยังไม่มีการแถลงเกี่ยวกับแรงจูงใจที่ทำให้ชายผู้นี้กระทำการดังกล่าว แต่ทางการกำลังจะไต่สวนคดีของเขาเช่นเดียวกัน ในข้อหาละเมิดกฎระเบียบการตรวจคนเข้าเมือง
ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ได้เห็นรถยนต์จากสถานทูตสหรัฐฯ คันหนึ่งแล่นเข้าไปในเรือนจำอิงเส่งเมื่อวันจันทร์ แต่ยังไม่สามารถขอการยืนยันจากเจ้าหน้าที่คนใดได้ และ ยังไม่ทราบว่า นายเยตทอว์ ได้รับความช่วยเหลือทางกงสุลอย่างไรหรือไม่
ทางการพม่าได้กักตัวนางซูจีให้อยู่ในบ้านพักเป็นเวลารวมกันประมาณ 13 ปี ในช่วง 19 ปีมานี้ คำสั่งกักบริเวณครั้งล่าสุดซึ่งเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน กำลังจะครบกำหนดลงในวันที่ 27 พ.ค. นี้
ไม่มีผู้ใดให้คำตอบได้ว่า การไต่สวนคดีนางอองซานซูจีจะใช้เวลานานเท่าไร และผลจะออกมาเป็นอย่างไร ขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศกำลังโหมการวิพากษ์วิจารณ์และ สหภาพยุโรปกำลังหารือเพิ่มมาตรการลงโทษพม่าให้แรงขึ้นไปอีก
การตัดสินใจของบรรดารัฐมนตรีสหภาพยุโรปมีขึ้นเพียงไม่นานหลังจาก บรรดาเอกอัครราชทูตกลุ่มอียูในกรุงย่างกุ้งถูกปฏิเสธจากทางการไม่ให้เข้ารับฟังการไต่สวนคดีนางซูจี
นายโซลานา ซึ่งเคยเป็นทูตพิเศษของอียูและเดินทางเข้าพม่าหลายครั้งในช่วงกลายปีมานี้กล่าวว่า สถานการณ์ล่าสุดย้ำให้เห็นว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะยกเลิกการคว่ำบาตร แต่เป็นเวลาที่จะต้องเพิ่มการคว่ำบาตรให้หนักยิ่งขึ้น น ถึงแม้จะมีบางฝ่ายกังขาว่า จะสามารถมีมาตรการอะไรออกมาได้มากกว่านี้อีกหรือไม่
นายคาร์ล บิลด์ (Carl Bindt) รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน กล่าวว่า จะมีการยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่จะมีขึ้นในกรุงฮานอย ในวงประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอียู-อาเซียน ที่เวียดนามเป็นเจ้าภาพ
“ปัญหาของเราเกี่ยวกับการคว่ำบาตรพม่า ก็คือ เราได้คว่ำบาตรเกือบจะทุกอย่างแล้วเท่าที่จะทำได้ในขอบเขตของสหภาพยุโรป” นายบิลด์ กล่าว
“ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพม่าเกือบจะไม่มีอยู่เลย และสิ่งนี้ได้ทำให้มีความซับซ้อนต่อปัญหานี้ แต่เราจะมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค” รมว.ต่างประเทศสวีเดน กล่าว
นายบิลด์ ไม่ได้กล่าวอย่างเจาะจงว่าหมายถึงประเทศใดบ้าง แต่ นายฌ็อง อาเซลบอร์น (Jean Aselborn) รมว.ต่างประเทศลักเซมเบิร์ก กล่าวว่า จะต้องหารือเป็นกรณีพิเศษกับจีน “เพื่อให้พวกเขาได้กดดัน (รัฐบาลพม่า) ต่อไป”
การประชุมสุดยอดระหว่างอียูกับจีน มีกำหนดขึ้นในกรุงปราก ของสาธารณรัฐเช็กวันพุธ (20 พ.ค.) นี้
ในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศของอียูได้ประกาศยืดเวลาคว่ำบาตรต่อคณะปกครองทหารพม่าต่อไปอีก 1 ปีเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน แต่ก็ประกาศเช่นกันว่าพร้อมที่จะลดหรือยกเลิกมาตรการ ถ้าหากมีความคืบหน้าในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในประเทศนี้
มาตรการคว่ำบาตรของอียูที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2549 รวมถึงการห้ามบุคคลสำคัญเดินทางเข้ายุโรป อายัดทรัพย์สินของบรรดาผู้นำและญาติๆ ห้ามขายอาวุธให้รัฐบาลทหารพม่า นอกจากนั้นยังรวมถึงบางมาตรการเพื่อลดทอนความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างค่ายยุโรปกับกลุ่มอาเซียนทั้งกลุ่มที่มีพม่าร่วมเป็นสมาชิกอีกด้วย
อียูได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเมื่อปี 2550 หลังจากรัฐบาลทหารปราบปรามการเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างรุนแรง รวมทั้งห้ามนำเข้าไม้ซุงและไม้ทุกประเภท โลหะ และเร่ธาตุต่างๆ อัญมณีจากพม่า และ ห้ามบริษัทธุรกิจจากอียูเข้าลงทุนในพม่าในแขนงต่างๆ เหล่านี้
ในปี 2551 บริษัท โตตาลออย (หรือโททัลออยล์) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส และถือหุ้นใหญ่ในแปลงสำรวจ-ผลิตในอ่าวเมาะตะมะ (Mottama) ได้ประกาศจะไม่ถอนตัวออกจากการลงทุนในพม่า
โตตาลให้เหตุผลว่าทันทีที่ถอนออกไปก็จะมีบริษัทน้ำมันของประเทศอื่นๆ เข้าแทนที่อยู่ดี ขณะที่กลุ่มบีพี บริษัทน้ำมันอังกฤษก็มีผลประโยชน์ในประเทศนี้
บริษัท เชฟรอน (Chevron Corp) ประกาศสัปดาห์ที่แล้วยืนยันว่าจะขยายการลงทุนในประเทศต่างๆ รวมทั้งพม่า ไทย กัมพูชา และเวียดนามต่อไป
หลายปีมานี้เชฟรอนที่มีผลประโยชน์ในแปลงสำรวจอ่าวเมาะตะมะ ต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรรุนแรงต่อรัฐบาลทหารพม่า รวมทั้งลงโทษบริษัทจากสหรัฐฯ ที่เข้าไปมีผลประโยชน์ในพม่าด้วย