ASTVผู้จัดการรายวัน-- นายกรัฐมนตรีพม่า นายเวินเจียเป่า (Wen Jaibao) ได้พบหารือกับผู้นำพม่าปลายสัปดาห์ที่แล้ว เรียกร้องให้สองประเทศขยายการก่อสร้างระบบการขนส่งระหว่างกัน ตลอดจนขยายความร่วมมือด้านการพลังงานด้วย
นายเวินระบุดังกล่าวระหว่างการพบเจรจาหารือความสัมพันธ์ทวิภาคีกับ พล.อ.เต็งเส่ง (Thein Sein) นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปร่วมการประชุมระดับภูมิภาคนัดหนึ่งที่เมืองซันย่า (Sanya) จ.ไหหลำ (Hainan) ของจีน
การออกเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นขณะที่จีนกำลังจะลงมือสร้างท่อส่งน้ำมันความยาวกว่า 1,000 กิโลเมตรกับท่อส่งก๊าซจากฝั่งทะเลเบงกอลข้ามแดนพม่าไปยังมณฑลหยุนหนัน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์
ผู้นำจีนได้ยกย่องความสำเร็จในความสัมพันธ์กับความร่วมมือระหว่างสองประเทศในช่วงที่ผ่านมา และได้ยืนยันว่าจีนจะช่วยเหลือพม่าฟันฝ่าความยุ่งยากต่อไปในช่วงที่ทั่วทั้งโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวซินหัว
ขณะเดียวกันนายเวินก็ได้ "แสดงความหวังอย่างจริงใจ" ที่พม่าจะมีเสถียรภาพทางการเมือง มีการพัฒนาเศรษฐกิจและเกิดความปรองดองแห่งชาติสำนักข่าวของทางการจีนกล่าว
ผู้นำจีนได้เรียกร้องให้มีการสร้าง "เครือข่ายการขนส่ง" ระหว่างสองประเทศ เพื่อจัดสนองด้านโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ
พล.อ.เต็งเส่ง ซึ่งเดินทางไปร่วมการประชุม Boao Forum for Asia (BFA) ได้กล่าวแสดงความพอใจต่อการช่วยเหลือของฝ่ายจีนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของพม่า และแสดงคงวามพึงพอใจอย่างยิ่งต่อมาตรการต่างๆ ของจีนเพื่อต่อสู้กับวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนได้เรียกร้องให้มีการปกป้องสิทธิ์ของประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ
ผู้นำพม่ายังกล่าวว่า ฝ่ายตนจะปฏิบัติตามความตกลงร่วมมือทวิภาคีกับฝ่ายจีนอย่างจริงจัง และได้เรียกร้องให้จีนสืบต่อมีส่วนร่วมในการก่อสร้างเศรษฐกิจในพม่าด้วย ซินหัวกล่าว
ในสัปดาห์ปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บริษัทน้ำมันแห่งชาติของจีน หรือ CNPC (China National Petroleum Corp) กับรัฐวิสาหกิจน้ำมันและก๊าซพม่าหรือ MOGE (Myanmar Oil and Gas Enterprise) ได้ร่วมกันเซ็นสัญญาการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันความยาว 1,500 กิโลเมตรมีมูลค่าก่อสร้างราว 1,500 ล้านดอลลาร์กับท่อส่งก๊าซขนานกันไปอีกแนวหนึ่งด้วยเงินทุนอีกราว 1,000 ล้านดอลลาร์
ท่อน้ำมันดังกล่าวมีความหมายทางยุทธศาสตร์อย่างสำคัญ สามารถลดการพึ่งต่อ และลดอัตราเสี่ยงจากการขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางผ่านช่องแคบมะละกาที่อยู่ระหว่างมาเลเซีย สิงคโปร์กับอินโดนีเซีย
ตามแผนการของจีนการก่อสร้างท่อน้ำมันจะเริ่มทันทีในปีนี้เพื่อเปิดใช้การให้ได้ในปี 2556 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า CNPC ถือหุ้นใหญ่ 50.9% โดยจะเป็นฝ่ายที่ออกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมด หุ้นส่วนที่เหลือ 40% เป็นของ MOGE
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เมื่อมองจากสัดส่วนการถือหุ้นแล้วจะพบว่า ทางการจีนที่ต้องลงทุนแต่ฝ่ายเดียว "ยอมขาดทุนและยอมเสียเปรียบ" รัฐบาลทหารพม่าทุกทาง เพื่อให้ยุทธศาสตร์ของตนประสบความสำเร็จ
จีนกับพม่ายังมีแผนการที่จะสร้างระบบทางหลวงและการขนส่งระบบรางเชื่อมสองประเทศ ซึ่งจะทำให้จีนสามารถออกสู่ “ทะเลตะวันตก” หรือมหาสมุทรอินเดียได้.