ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- “คุณทานมื้อเย็นหรือยังครับ?" ถ้าหากวันดีคืนดีกำลังเดินเล่นๆ อยู่ที่เมืองบั๊กห่า (Bac Ha) จ.ก๋าวบ่าง (Cao Bang) มีใครเดินเข้ามาถามด้วยคำถามเช่นนี้ ควรจะมองรอบๆ เสียก่อน ก่อนจะพูดอะไรออกไป
เพราะมื้อเย็นที่นั่นมีเมนูพิเศษสุด ที่ใครๆ ลองแล้วก็จะไม่มีวันลืม หรืออาจจะไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก
บั๊กห่า เป็นที่ชุมนุมของชนชาติส่วนน้อยในเวียดนาม ตลาดบั๊กห่า ขึ้นชื่อ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เป็นแหล่งที่หาซื้อสินค้าหัตถกรรม และผ้าทอหลากชนิดจากวัตถุดิบธรรมชาติ ตั้งแต่ฝ้ายที่ปลูกบนภูในฤดูร้อน เปลือกไม้ หรือใยไม้ที่นำไปถักทอเป็นผืนผ้า อันเป็นภูมิปัญญาเฉพาะท้องถิ่น ทั้งหมดผ่านการฟอกและย้อมด้วยสีจากใบไม้ หรือเปลือกไม้
ตลาดบั๊กห่า ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารการกิน และเมนูพิเศษสุดของที่นั่น ก็คือ อาหารที่ปรุงจากเนื้อสุนัข ไม่ไกลจากตลาดที่คับคั่งจอแจ ด้วยผู้คนมีโรงเชือด ที่นั่นจำหน่ายเนื้อกับชิ้นส่วนต่างๆ ของสัตว์ชนิดนี้
และอาณาบริเวณใกล้เคียงก็มีร้านอาหารที่ปรุงจากเมนูเนื้อสุนัขล้วนๆ แต่พิเศษสุด คือ ไส้อั่วที่ทำจากสมองของสุนัขปนเลือดสด คลุกเคล้ากับเครื่องเทศและสมุนไพรชนิดจำเพาะ ก่อนจะยัดเข้าไปในลำไส้สุนัขแท้ๆ ผึ่งเอาไว้ให้แห้งจนแข็งตัว และเมื่อนำไปทอดหรือย่างเตาถ่าน จะให้กลิ่นหอมชวนรับประทาน
ก่อนนี้ที่โรงเชือดเคยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปได้ทุกมุม และทุกขั้นตอน ตลอดจนกรรมวิธีผลิตไส้อั่วสมองหมา แต่ในปัจจุบันเจ้าของร้านได้ขอร้องอย่างอ่อนน้อม มิให้ลูกค้าถ่ายรูปทุกอย่างภายในอาณาบริเวณ โดยกล่าวว่าทางการในท้องถิ่นขอไม่ให้เผยแพร่
เหตุผลก็คงจะพอเดากันได้ การเชือดและรับประทานเนื้อสุนัข สัตว์ที่ได้รับการยกย่องเป็น “เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” นั้น ถูกคัดค้านจากประชาสังคมหลายแห่งทั่วโลก รวมทั้งมีเสียงก่นประณามและดูถูกเหยียดหยาม
นักท่องเที่ยวไทยกลุ่มหนึ่ง เพิ่งกลับจากเมืองบั๊กห่า และบอกเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนผู้ไปใหม่ได้รับฟังที่ร้าน “เฝอ 24” ในกรุงฮานอยปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
“ผมอยากจะลอง ผมพยายามจะกินเหมือนกัน ไม่มีกลิ่นสาบนะ แต่กินไม่ลง ไม่กล้าหยิบใส่ปาก นึกถึงแต่หน้าเจ้านินจาที่บ้าน” นักท่องเที่ยววัย 20 เศษ บอกกับคนอื่นๆ ในร้านเฝอที่ขึ้นชื่อริมบึงฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem) ซึ่งเขาหมายถึงสุนัขพันธุ์พิทบุลเทอร์เรียตัวโปรด
“เห็นเขาบอกว่าทำกันมานานหลายสิบปี ไม่เคยหยุด วันนี้ก็ยังขาย จะได้ยินเสียงหมาร้องมาจากหลังบ้านเป็นระยะ” นักท่องเที่ยวหนุ่มจากกรุงเทพฯ กล่าว
ภาพทั้งหมดที่นำมาประกอบเรื่องราว มาจาก www.loupiote.com เจ้าของเว็บไซต์ถ่ายเอาไว้ตั้งแต่ปี 2548 และเมื่อนำขึ้นแสดงใน www.flickr.com ได้มีปฏิกิริยาจากผู้อ่านอย่างหลากหลายทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
เจ้าของเว็บไซต์ยังได้พยายามอธิบายว่า การนำภาพเหล่านี้ออกเผยแพร่ ไม่ได้มุ่งหวังจะส่งเสริมให้มีการรับประทานเนื้อสุนัขกว้างขวางออกไป แต่ได้พยายามสะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริงอีกแง่มุมหนึ่ง
การรับประทานเนื้อสุนัขเป็นวัฒนธรรมการกินอย่างหนึ่งของผู้คนในหลายประเทศ ไม่ต่างกับเนื้อของสัตว์ชนิดอื่นๆ จึงไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไร ยกเว้นสำหรับผู้ที่เป็นมังสวิรัติ
และไม่เฉพาะเวียดนามเท่านั่น ยังมีการรับประทานเนื้อของสุนัขในจีน เกาหลี ฟิลิปปินส์ กัมพูชา พม่า และ ประเทศไทย เองด้วย
นักเรียนเก่าจากรัฐฮาวาย เคยบอกเล่าว่า ชนพื้นเมืองที่นั่นจำนวนหนึ่งยังคงรับประทานเนื้อสุนัขอย่างเคยชิน รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐนี้มิได้ห้าม เพียงแต่ต้องไม่ใช่สุนัขที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงตามครัวเรือน ไม่ใช่สุนัขจรจัด หรือสุนัขที่พบเป็นทั่วไปตามข้างถนน
แต่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีประชาคมชาวจีน ชาวเกาหลี และชาวเวียดนามโพ้นทะเล อันใหญ่โต มีกฎหมายห้ามรับประทานเนื้อสุนัข และยังห้ามฆ่าม้า ห้ามรับประทานเนื้อของสัตว์ชนิดนี้ ถึงแม้ว่าแต่ละปีสหรัฐฯ จะส่งเนื้อม้า (จากรัฐอื่น) ไปจำหน่ายในยุโรปมากมายก็ตาม
หลายคนได้พยายามอธิบายว่า สิ่งที่คนในเอเชียกระทำต่อสุนัข ก็ไม่ต่างกับที่ชาวอเมริกันกระทำต่อหมูหรือไก่งวง และชาวยุโรปกระทำต่ออาชาไนย
เคยมีผู้อธิบายว่า เนื้อสุนัขที่รับประทานกันตามร้าน เป็นสุนัขที่เลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร เช่นเดียวกับ หมู วัว แกะ หรือเป็ดไก่ รวมทั้งไก่งวง ไม่ใช่สุนัขที่ไล่จับตามท้องถนน แต่เป็นการเพาะเลี้ยงในฟาร์ม หรือเลี้ยงในกรุงขัง ซึ่งอาจจะฟังดูไม่ค่อยดี แต่ก็เป็นการปฏิบัติที่เห็นได้ทั่วไปในประเทศต่างๆ แถบนี้
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายเบื้องต้นนี้อาจจะไม่จริงทั้งหมด มีอยู่บ่อยๆ ที่ทางการไทยเคยกวาดจับและยึดสุนัขได้เต็มคันรถบรรทุก ขณะจะข้ามเข้าสู่ลาวและมุ่งหน้าไปยังเวียดนาม
ทางการเวียดนามเองก็เคยจับยึดรถบรรทุกสุนัขจากลาวและไทยที่เล็ดลอดข้ามพรมแดนไปถึงที่นั่น เจ้าหน้าที่กล่าวว่าสุนัขทั้งหมดไปจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรวมทั้งจากไทย ลาวและกัมพูชา โดยมีปลายทางที่มณทลกว่างซีของจีน
การขนย้ายสุนัขไม่ได้ผิดกฎหมายข้อใด เพราะไม่ต่างไปจากการขนย้ายหมู แพะ แกะ หรือเป็ดไก่ ไม่จำเป็นต้องแจ้งทะเบียน แต่หากผิดเทศบัญญัติว่าด้วยการควบคุมโรคติดต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่เสี่ยงต่อการติดโรคร้ายแรงอย่างสูงเช่นสุนัข
ไม่มีผู้ใดทราบที่มาที่ไปของน้องหมา (เคราะห์ร้าย?) ที่ตลาดบั๊กห่า แต่ที่นั่นมีการกินเนื้อสุนัขที่เอิกเริก และ สืบต่อกันมานานนับชั่วคน รวมทั้ง "ไส้อั่วสมองหมา" ที่ไม่สามารถหารับประทานได้ในที่อื่น ว่าแต่....
“คุณทานมื้อเย็นหรือยังครับ?”