xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกมากอันดับ 2 แต่เวียดนามนับล้านยังหิวโหย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=660099>  ภาพแฟ้ม Reuters ถ่ายวันที่ 27 พ.ค.2551 คนงานกำลังขนย้ายข้าวในคลังเก็บกรุงมะนิลา ในแต่ละปีเวียดนามส่งข้าวหลายแสนตันเลี้ยงชาวฟิลิปปินส์ทั้งประเทศ ยอดสั่งซื้อต้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านตัน แต่ในขณะเดียวกันเวียดนามก็ได้พบความจริงว่า ยังมีคนในประเทศอีกนับล้านๆ ที่ยังคงขาดอาหาร และหิวโหย </FONT></CENTER>

ASTVผู้จัดการรายวัน-- ทางการเวียดนามกล่าวว่าจะเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสองของโลก แต่การสำรวจได้พบว่าสิ้นปี 2550 ยังมีราษฎรนับล้านๆ คนหิวโหยเนื่องจากขาดข้าวและอาหาร ตัวเลขนี้ยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าประเทศจะสามารถผลิตข้าวได้มากขึ้นทุกปีก็ตาม

นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการใช้ที่ดิน ลดอำนาจทางการท้องถิ่นต่างๆ ลงในการตัดสินใจใช้ที่ดินที่เกี่ยวกับการเกษตร เนื่องจากควรจะสงวนเอาไว้แก่ไขปัญหาความหิวโหยของประชากรในประเทศ อันเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์การกำจัดความยากจน

ตามตัวเลขของกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท การผลิตข้าวและอาหารในเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในหลายปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งทั้งประเทศผลิตได้ 38.1 ล้านตัน ปี 2551 ยอดการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 52.4 ล้านตัน แต่จำนวนประชากรก็ได้เพิ่มขึ้นจาก 82 เป็น 86.7 ล้านคนในช่วงเดียวกัน

เวียดนามส่งออกข้าวมากเป็นอันดับสองมาตลอด รองจากประเทศไทยเท่านั้น แต่ปี 2550 ได้พบว่าประชากรคิดเป็นราว 6.7% ของครอบครัวทั่วประเทศยังขาดแคลนอาหาร อัตราสูงขึ้นเป็น 8.7% ของครัวเรือนในเขตชนบท ปัจจุบันก็ยังมีอีกราว 1 ล้านคนที่อาศัยในเขตเขาของประเทศขาดแคลนอาหารเช่นกัน โดยต้องรับประทานข้าวโพดกับมันสำปะหลังเป็นอาหารหลัก

คาดว่าภายในปี 2563 ประชากรเวียดนามจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคน และเป็น 120 ล้านคนในปี 2573 แต่ขณะที่ประชากรเพิ่มขึ้นทุกปี พื้นที่ปลูกข้าวกลับลดลงสวนทางกัน

นักวิชาการเกษตรของกระทรวงฯ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญมากในขณะนี้ก็คือ จะต้องมีหลักประกันในระยะยาวสำหรับอาหารที่บริโภคในประเทศกับที่เหลือเพื่อส่งออก

ตามแผนการของกระทรวงเกษตรฯ ภายในปี 2555 นี้จะต้องไม่มีชาวเวียดนามขาดอาหารแม้แต่คนเดียว ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีที่นาประมาณ 3.5 ล้านเฮกตาร์ (เกือบ 22 ล้านไร่) เพื่อรองรับยุทธศาสตร์กับเป้าหมายนี้ ให้มีหลักประกันว่าจะสามารถผลิตข้าวได้ 39-40 ล้านตันต่อปี นอกนั้นยังจะต้องมีที่ดินอีกราว 1.3 ล้านเฮกตาร์ (8 ล้านไร่เศษ) สำหรับปลูกข้าวโพด
<CENTER><FONT color=#660099> ภาพแฟ้ม Reuters ถ่ายวันที่ 26 พ.ค.2551 ชาวนาใน จ.ห่าไต (Ha Tay) ใกล้กับกรุงฮานอยกำลังทำงานในนาข้าว คนในประเทศนี้ขยันขันแข็งทำมาหากิน แต่ในขณะเดียวกันอัตราส่วนครอบครัวยากจนในชนบทก็ยังสูง เช่นเดียวกันกับอัตราส่วนครอบครัวที่ขาดอาหาร หน่วยงานที่รับผิดชอบกล่าวว่า 10 ปีข้างหน้าประชากรจะทะลุ 100 ล้านคน จะต้องสงวนที่นาเอาไว้ให้มากพอในการผลิตข้าวเลี้ยงคน </FONT></CENTER>
อย่างไรก็ตามที่ดินสำหรับการเกษตรได้กลายเป็นปัญหาในช่วงหลายปีมานี้ และยังยากที่จะแก้ไขขณะที่เวียดนามมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ ซึ่งต้องใช้ที่ดินจำนวนมากและกำลังรุกล้ำผืนดินการเกษตรที่ต้องใช้ปลูกพืชอาหารเลี้ยงคน

ประมาณกันว่า ภายในปี 2563 ทั่วประเทศกำลังจะสูญเสียนาข้าวราว 600,000 เฮกตาร์ (3.75 ล้านไร่) ให้กับการพัฒนาอุตสาหกรรมและการขนส่ง ผลก็คือจะทำให้พื้นที่ปลูกข้าวลดลงจาก 4.1 ล้านเฮกตาร์ (25.6 ล้านไร่) ในปัจจุบัน เหลือเพียง 3.5 ล้านเฮกตาร์ (21.8 ล้านไร่)

กระทรวงเกษตรฯ ได้เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อความมั่นคงด้านเสบียงอาหารในระดับชาติขึ้นมาชุดหนึ่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะ เองเพื่อดำเนินการให้มีหลักประกันในเรื่องนี้

รัฐบาลเวียดนามได้ให้อำนาจตัดสินใจแก่คณะกรรมการปกครองจังหวัดต่างๆ ในโครงการใช้ที่ดินเพื่อการลงทุนของต่างประเทศ ทำให้มีการรุกล้ำที่นาของชาวนาจำนวนมาก

ในช่วงปีหลังๆ นี้เคยมีชาวนาจากจังหวัดใกล้เคียงเข้าไปชุมนุมประท้วงในกรุงฮานอยหลายครั้ง เนื่องจากถูกขับไล่ออกจากผืนนาที่ทำกินกันมาหลายชั่วอายุคน.
กำลังโหลดความคิดเห็น