ASTVผู้จัดการออนไลน์-- เส้นตายใกล้เข้ามาสำหรับโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลกล่าวว่าจะไม่อนุญาตให้มีความล่าช้าใดๆ อีกหลังจากช้ามานานเกือบ 20 ปี โดยชี้ให้บริษัทก่อสร้างและสนับสนุนเครื่องมือจากฝรั่งเศสและสเปนต้องให้แล้วเสร็จตามกำหนดและเปิดเดินเครื่องได้ในเดือน ก.พ.ปีหน้า
นายฮว่างจุงหาย (Hoang Trung Hai) รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามซึ่งกำกับดูแลการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่หนึ่งนี้ ได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับเส้นตาย ระหว่างไปเยือนสถานที่ก่อสร้างในเขตเศรษฐกิจพิเศษยวุ๋งกว๊าต (Dung Quat) จ.กว๋างหงาย (Quang Nghai) วันเสาร์ (20 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
บริษัทก่อสร้างควรจะส่งเสริมให้คนงานและเจ้าหน้าที่ช่วยกันทำงานในช่วงเทศกาลตรุษที่จะมาถึงโดยไม่หยุดพัก ทั้งนี้เพื่อให้ทันกับเงื่อนเวลากำหนดในสัญญา นายหายกล่าว
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ของทางการ ปัจจุบันโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ เกือบทั้งหมดเกือบจะแล้วเสร็จ พร้อมๆ กับการตรวจสอบคุณภาพที่กำลังดำเนินไปควบคู่กัน ไม่เฉพาะโรวกลั่นน้ำมันเท่านั้น หากยังรวมถึงบริเวณท่าเรือน้ำลึก ท่าเทียบเรือและสำนักงาน สถาบันฝึกอบรม โรงพยาบาล ตลอดจนบริเวณก่อสร้างอาคารที่พัก บ้านพักของเจ้าหน้าที่อีกด้วย
ต้นเดือน ธ.ค.นี้ โรงกลั่นยวุ๋งกว๊าตได้รับน้ำมันดิบปริมาณ 80,000 ตันจากกลุ่มปิโตรเวียดนามสำหรับการเตรียมทดลองเดินเครื่อง
บริษัทปิโตรเวียดนามออยล์คอร์ป (PetroVietnam Oil Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทลูกได้ลำเลียงน้ำมันดิบดังกล่าวที่ผลิตจากหลุมบั๊กโห (Bac Ho) หรือ "เสือขาว" นอกชายฝั่ง จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Ba Ria-Vung Tau) ทางตอนใต้ของประเทศ
ตามรายงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการก่อสร้าง จนถึงปัจจุบันมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และคนงานฝีมือไปแล้ว 1,046 คน จากที่จะต้องใช้ทั้งหมด 1,200 คน ในการเดินเครื่องในระยะแรก
สื่อเวียดนามรายงานก่อนหน้านี้ว่าโรวกลั่นยวุ๋งกว๊าตจะต้องใช้แรงงานฝีมือทั้งหมด 12,000 คน และยังคงมีปัญหาในเรื่องทรัพยากรบุคคลอย่างมาก
ตามรายงานก่อนหน้านี้ทางการเวียดนามมีความห่วงใยว่า วิกฤติการณ์การเงินในระดับโลกปัจจุบันอาจจะทำให้การก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกไม่แล้วเสร็จตามกำหนด
ปัจจุบันเวียดนามเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบขนาดใหญ่อันดับสามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลซีย ด้วยกำลังผลิต 350,000 บาร์เรลต่อวัน แต่การไม่มีโรงกลั่นในประเทศทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปกับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทุกชนิดถึง 100% เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ขาดดุลการค้าอย่างสูง
รัฐบาลโดยกลุ่มปิโตรเวียดนามถือหุ้น 100% ในโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรก ซึ่งมีมูลค่าก่อสร้าง 2,500 ล้านดอลลาร์ มีกำลังการผลิต 6.5 ล้านตัน และ บริษัทน้ำมันแห่งชาติมีแผนการเพิ่มการผลิตให้ได้ 10 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์แทงเนียน
เมื่อเดินเครื่องเต็มกำลังโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าตจะสนองความต้องการน้ำมันในประเทศได้ราว 40% ซึ่งในปัจจุบันเวียดนามมีประชากร 86.5 ล้านคน รถจักรยานยนต์อีก 20 ล้านคัน ขณะที่คาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 13-15% ต่อปีในช่วงปีข้างหน้า
เวียดนามได้ทบทวนแผนแม่บทอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมีแห่งชาติ โดยเพิ่มจำนวนโรงกลั่นขึ้นเป็น 7 แห่งจากทั้งหมดเพียง 5 แห่งตามแผนเดิม ขณะเดียวกันก็มีแผนการผนวกโครงการผลิตปิโตรเคมี เพื่อเสริมความเข้มแข็ง รองนายกฯ เวียดนามได้เปิดเรื่องนี้ในวันศุกร์ ระหว่างการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ภายใต้แผนการใหม่ เวียดนามมีแผนที่จะเพิ่มจำนวนโรงกลั่นน้ำมันให้มีกำลังการผลิตรวม 60-70 ล้านตันต่อปีในระยะ 15-20 ปีข้างหน้า โรงกลั่นแห่งที่สองซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
ในเดือน ก.ย.ปีนี้บริษัทน้ำมันแห่งชาติเวียดนามได้เปิดเผยแผน 7 ปีในการก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ หยุดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอย่างเบ็ดเสร็จและนำขุมพลังงานเข้าใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีอย่างสมบูรณ์
ตามแผนการผลิตระหว่างปี 2551-2558 กลุ่มปิโตรเวียดนาม (PetroVietnam) จะขยายการสำรวจ เร่งสูบน้ำมันดิบและก๊าซจากแปลงที่สำรวจพบแล้วกับปริมาณสำรองในแปลงอื่นๆ ขึ้นมาใช้งานระหว่าง 30-40 ล้านตันต่อปีเมื่อสิ้นสุดโครงการ
นอกจากนั้นจะขยายการลงทุนสำรวจขุดเจาะอย่างกว้างขวางทั้งในเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ ของโลก จะผลิตน้ำมันดิบและก๊าซให้ได้ปีละ 25-35 ล้านตัน เป็นน้ำมันดิบ 18-20 ล้านตันก๊าซอีก 16-17 ล้านตัน นายดิ่งลาถัง (Dinh La Thang) ประธานกลุ่มปิโตรเวียดนามกล่าวกับวีเอ็นเอ
ในไม่กี่ปีเวียดนามจะต้องใช้ก๊าซปริมาณมหาศาลเพื่อป้อนโรงงานปุ๋ยเคมีในภาคใต้ รัฐบาลยังกำหนดให้ปิโตรเวียดนามสนับสนุนก๊าซเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าให้ได้ 10-15% ของความต้องการทั้งหมด และ ป้อนโรงงานปิโตรเคมีที่กำลังจะผุดขึ้นมากับโรงกลั่นน้ำมันในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ด้วย
ในปี 2556 โรงกลั่นหงี่เซิน (Nghi Son) ด้วยกำลังกลั่น 7.5 ล้านตันต่อปี พร้อมกับโรงงานปิโตรเคมีขนาดใหญ่กว่า ก็กำลังจะผุดขึ้นใน จ.แค๊งฮว่า (Khanh Hoa) ในภาคกลางตอนบน
รัฐบาลเพิ่งจะอนุมัติโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่สามขึ้นใน จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Ba Ria-Vung Tao) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันของประเทศ
ปลายเดือน ก.ย. ปิโตรเวียดนามได้เซ็นความตกลงกับบริษัทน้ำมันเวเนซูเอลา เพื่อก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 4 ขึ้นในภาคใต้
บริษัทน้ำมันแห่งชาติกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมามีการนำก๊าซและน้ำมันดิบขึ้นมาใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีการผลิตจากเพียง 6 บริเวณจากทั้งหมด 60 บริเวณทั้งในแหล่งชายฝั่งและแหล่งน้ำลึก ทำให้เชื่อว่าจะสามารถนำขึ้นมาใช้ได้ปีละ 30-40 ล้านตันตามเป้าหมาย.