ผู้จัดการรายวัน -- เวียดนามกำลังพยายามส่งออกข้าวให้ได้อีกประมาณ 1 ล้านตันใน 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เพื่อให้ได้เป้า 4.6-4.7 ตัน ซึ่งในขณะนี้ขาดอยู่เพียงประมาณ 300,000 ตันเท่านั้น
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ ซึ่งอ้างตัวเลขสมาคมอาหารเวียดนาม หรือ VietFood ในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค.นี้ คนงานที่ท่าเรือไซ่ง่อนขนข้าวสารลงเรืออีก 150,000 ตัน ทำให้ยอดส่งออกทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีรวมเป็นกว่า 3.7 ล้านตัน
สมาคมกล่าวว่า ระยะที่ผ่านมาผู้ค้าในประเทศได้เซ็นสัญญาขายข้าวให้แก่ลูกค้าในต่างแดนระหว่าง 600,000-700,000 ตัน เพื่อส่งมอบในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.ปีนี้ แต่ VietFood ไม่ได้แยกแยะประเภทข้าวที่เซ็นสัญญาส่งให้แก่ลูกค้าดังกล่าว
ปัจจุบันผู้ส่งออกในเวียดนามกำลังมองหาลูกค้าในแอฟริกากับตะวันออกกลาง เพื่อขายข้าวปริมาณที่เหลือ เพื่อให้ถึงเป้าหมาย เวียดนามนิวส์ กล่าว
เมื่อต้นปีขณะที่ราคาข้าวสาร 5% ในตลาดโลกพุ่งขึ้นเฉียด 1,000 ดอลลาร์ต่อตันนั้น เวียดนามได้สั่งให้หยุดส่งออก เพื่อสำรวจปริมาณที่ผลิตได้จริงในประเทศ ซึ่งได้ทำให้เสียโอกาสที่จะทำรายได้มหาศาล
ทางการอนุญาตให้ส่งออกได้อีกครั้งหนึ่งในเดือน มิ.ย.หลังจากพบว่า ชาวนาทั่วประเทศจะสามารถผลิตข้าวเปลือกได้เกินเกินปริมาณคาดการณ์ และรัฐบาลได้เพิ่มเป้าส่งออกทั้งปีจาก 4.5 เป็น 4.6-4.7 ล้านตัน
สมาคมอาหารเวียดนาม กล่าวว่า ปริมาณส่งออกในขณะนี้ลดลงราว 7.4% แต่สามารถทำมูลค่าถึง 2,200 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 90% เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ปีที่แล้วทั้งปีการส่งออกข้าวของเวียดนามมีมูลค่าเพียง 1,600 ล้านดอลลาร์เท่านั้น และสมาคมอาหารฯ กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้ราคาข้าวส่งออกของเวียดนามเฉลี่ย 620 ดอลลาร์ต่อตัน
สำนักงานใหญ่สถิติเวียดนาม (General Statistics Office) เปิดเผยตัวเลขในเดือน ก.ย.ว่า ปีนี้ชาวนาจะผลิตข้าวได้ทั้งหมด 38.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นราว 7.2% จากปีที่แล้ว แม้ว่านาข้าวในฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว ซึ่งเป็นการทำนาฤดูสุดท้ายในประเทศจะได้รับความเสียหายจากสภาพภูมิอากาศเลวร้ายและการทำลายของศัตรูพืชก็ตาม
สมาคมอาหารฯ กล่าวว่า ราคาข้าวน่าจะขยับสูงขึ้นอีกในช่วงปลายปี เนื่องจากมีความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดข้าวใหญ่ที่สุดในเอเชีย และในหลายประเทศแอฟริกาที่ประสบภาวะภูมิอากาศแห้งแล้ง
ปี 2549 เวียดนามส่งออกข้าว 4.65 ล้านตัน แต่เมื่อปีที่แล้วส่งได้เพียง 4.5 ล้านตัน ตกเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ถัดจาก ไทย และ อินเดีย
รัฐบาลเวียดนามห้ามส่งออกข้าวในเดือน เม.ย.ขณะที่ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงและหาซื้อไม่ได้ ตลาดข้าวภายในเกิดความปั่นป่วน ราคาข้าวถีบตัวขึ้นสูง ชาวเวียดนามออกกว้านซื้อกักตุนด้วยเกรงว่า จะเกิดยุคข้าวยากหมากแพง
นักวิชาการหลายรายได้ออกวิจารณ์รัฐบาล ว่า ดำเนินนโยบายข้าวผิดพลาด ทำให้เวียดนามพลาดโอกาสสำคัญจะทำรายได้มหาศาลช่วงที่ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูง และปล่อยให้ข้าวไทย ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญโกยเงินแต่ฝ่ายเดียว
ชาวนาเวียดนามก็โอดครวญ ว่า ปีนี้เงินเฟ้อในระดับสูงทำให้ราคาปุ๋ยและยาฆ่าแมลงแพงขึ้นหลายเท่าตัว เช่นเดียวกับค่าจ้างคนงานในการปักดำและเก็บเกี่ยว มีโอกาสที่ชาวนาจำนวนมากจะขาดทุนย่อยยับ