ผู้จัดการออนไลน์-- ตำรวจกรุงฮานอยสามารถจับยึดซากเสือที่ยังมีชิ้นส่วนเกือบครบทั้งหมดได้อีก 1 ตัว ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการลักลอบล่าสัตว์ป่าหายากจากเขตป่าสงวนในประเทศนี้ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะมีความพยายามปราบปรามอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม
ซากเสือที่ประกอบด้วยโครงการกระดูกที่ยังสดๆ ส่วนหัว ลำตัว หางและขา น้ำหนักรวม 36 กิโลกรัม บนรถเก๋งคันหนึ่งที่ไปจาก จ.เหงะอาน (Nghe An) และมุ่งหน้าเข้าเมืองหลวง ชื้นส่วนทั้งหมดนี้ราคาในท้องตลาดประมาณ 600 ล้านด่ง (37,500 ดอลลาร์) เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว
เหงะอานเป็นเขตป่าสงวนฟงญา-แกบ่าง (Phong Nha-Ke Bang) ซึ่งกินอาณาบริเวณกว้างขวางตั้งแต่ จ.กว๋างจิ (Quang Tri) ขึ้นไปจนถึง จ.ห่าตี๋ง (Ha Tinh) คู่ขนานไปตามแนวชายแดนติดกับลาว
คนขับรถคือ นายเหวียนฟุกเงวียน (Nguyen Phuc Nguyen) วัย 44 ปีเป็นชาวเมืองวิง (Vinh) จ.เหงะอาน ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงฮานอยลงไปทางใต้ราว 300 กิโลเมตร ให้การว่ามี ชายคนหนึ่งให้ค่าจ้าง 300 ดอลลาร์ให้ตนนำกล่องไปยังกรุงฮานอย โดยไม่ทราบว่าภายในบรรจุซากเสือ
เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวนหาที่มาของเสือโคร่งสายพันธุ์อินโดจีนเคราะห์ร้ายตัวนี้
ตามรายงานของกองทุนพิทักษ์สัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund) เมื่อกลางปี 2551 นี้ คาดว่าในป่าเวียดนามมีเสือที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติเหลืออยู่เพียง 200 ตัวเท่านั้น ท่ามกลางความกังวลว่า เวียดนามอาจจะกลายเป็นประเทศที่อุปโภคบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากเสือมากเป็นอันดับที่สองของโลกรองจากจีน
WWF กล่าวว่าเสือที่อาศัยตามธรรมชาติในเวียดนามมีจำนวนลดน้อยลงทุกที จากการล่า
ในอินเดียที่ยังมีเสือโคร่งเหลืออยู่ 1,500 ตัว ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นสายพันธุ์เบงกอล และมีอีกประมาณ 5,000-7,000 ตัวในป่าทั่วโลก แต่จำนวนกำลังลดลงเรื่อยๆ โดยมีสาเหตุหลักจากการล่าสัตว์อย่างผิดกฎหมาย
การลักลอบล่าเพื่อการค้าทำให้สัตว์ป่าหายากในธรรมชาติจำนวนมากลดลงอย่างรวดเร็วถึง 95% จากต้นศตวรรษที่แล้ว WWF กล่าว
ในเดือน เม.ย.ปีนี้เจ้าหน้าที่ได้จับยึดเสือ 2 ตัวที่บ้านพัก 2 หลังใน จ.นีงบี่ง (Ninh Binh) ในภาคกลางตอนล่าง ทั้งสองตัวมีน้ำหนักรวมกันกว่า 500 กิโลกรัมสิ้นชีวิตแล้วและถูกแช่เย็นเอาไว้เตรียมนำไปชำแหละ
เจ้าหน้าที่ยังพบกระดูกสัตว์ป่าอื่นๆ อีกจำนวนมาก ในบ้านทั้งสองหลัง
ก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค.2551 หญิงคนหนึ่งถูกนำตัวขึ้นศาลหลังจากที่ได้ทำการชำแหละเสือจำนวน 4 ตัวเพื่อนำไปทำเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับกระดูก รวมทั้งยังมีซากหมีอีกจำนวน 5 ตัวไว้ในครอบครองอีกด้วย
การศึกษาวิจัยได้พบว่าจุดหมายปลายทางที่สำคัญของการค้าเสือคือ ประเทศจีน ซึ่งจะนำกระดูกและชิ้นส่วนต่างๆ ไปทำเป็นยาแผนโบราณ
เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเชื่อว่าการค้าสัตว์ป่าเป็นขบวนการผิดกฎหมายข้ามชาติที่ใหญ่โตมาก เคยมีการจับยึดซากเสือโคร่งสายพันธุ์เบงกอลได้ในเวียดนาม ซึ่งเข้าในว่ามีการลักลอบขนไปจากป่าในภาคเหนือของพม่า เนื่องจากไม่เคยพบเสือโคร่งพันธุ์นี้ในป่าเวียดนาม.