ผู้จัดการออนไลน์ -- รัฐบาลกัมพูชากำลังใจจดจ่อรอผลการเจรจาระหว่างคณะผู้นำทหารระดับสูงกับฝ่ายที่ จ.สระแก้ว ในวันจันทร์นี้ ซึ่งไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวอย่างไร กัมพูชาก็มีแผนการที่จะดำเนินการขั้นต่อไป หลังจากสัปดาห์ที่แล้วได้รายงานสถานการณ์ความขัดแย้งกับไทยให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้รับทราบ
ผู้สังเกตการณ์ในกัมพูชา รวมทั้งสื่อหลายแห่งแห่งต่างมีความเห็นในทำนองเดียวกัน ว่า ปัญหา “เขตแดนทับซ้อน” กับไทย ที่ชายแดนด้านเขาวิหารนั้นแก้ยาก สองประเทศเพื่อนบ้านทำได้อย่างดีที่สุดก็อาจจะเพียงแค่หยุดยิง ถอนทหารออกไป และเจรจากันยืดเยื้อยาวนาน โดยไม่มีการเปลี่ยนสถานะเดิม (status quo) ของปัญหา
แต่บางทีการนำเรื่องนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลระหว่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง ก็อาจจะมีหลักประกันที่ดีกว่า เพราะจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้นในเขตแดนพิพาท ขณะที่การพัฒนาปราสาทพระวิหารในฐานะที่เป็นมรดกโลกก็ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น เช่นเดียวกันกับการท่องเที่ยว
นักวิเคราะห์ยังมองไม่เห็นทางออกของปัญหา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การเผชิญหน้าอาจจะลุกลามบานปลายใหญ่โตได้ง่าย เมื่อทหารจำนวนมากเผชิญหน้ากัน เสียงปืนเพียงนัดเดียวสามารถจุดชนวนการยิงต่อสู้ขึ้นมาได้
วันจันทร์นี้ รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มอาเซียนได้เริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการในสิงคโปร์
แม้ไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นสมาชิกกลุ่มอาเซียน แต่กลุ่มนี้ก็จะไม่อาจจะช่วยคลี่คลายปัญหาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยึดถือหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และไม่แทรกแซงกรณีพิพาททวิภาคีใดๆ
กัมพูชาส่งบุคคลระดับผู้ช่วยรัฐมนตรี (Secretary of State) ประจำกระทรวงการต่างประเทศที่ไม่ค่อยมีบทบาทอะไร ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่สิงคโปร์
มิหนำซ้ำในเดือนหน้านี้ สิงคโปร์ก็จะส่งไม้ต่อให้กับไทยเข้าทำหน้าที่ "ประเทศประธาน" หรือ ประธานคณะกรรมการประจำกลุ่มอาเซียนแทน
แม้ว่าจะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของสมาชิกประเทศหนึ่งที่จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับใดระดับหนึ่งไปร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี และถือเป็นมารยาทที่สามารถปฏิบัติได้หากเกิดความไม่สะดวก แต่การที่กัมพูชาส่งตัวแทนระดับต่ำกว่ารัฐมนตรีว่าการไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนในสัปดาห์นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการประท้วง
กัมพูชาต้องการแสดงความไม่พอใจที่จะต้องไปเผชิญหน้ากับฝ่ายไทยในอาเซียน ขณะที่สถานการณ์ชายแดนยังร้อนระอุ และรัฐบาลกรุงพนมเปญกล่าวหาว่าทหารไทยหลายร้อยคนยังคงอยู่ในดินแดนกัมพูชา
ผู้รับผิดชอบการต่างประเทศอย่างแท้จริง นักการทูตอาวุโสระดับ “กระบี่มือหนึ่ง” ที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาไว้วางใจที่สุด คือ นายฮอร์นัมฮอง (Hor Nam Hong) ซึ่งเป็นทั้งรองนายกฯ กับ รมว.ต่างประเทศนั้น “สแตนด์บาย” ที่กรุงพนมเปญ เงี่ยหูฟังสถานการณ์รอบด้าน
เมื่ออาเซียนไม่ใช่ที่พึ่ง กัมพูชาจึงหันไปเปิดเวทีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) อันเป็นเวทีที่มีอำนาจชี้ขาดมากกว่า
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กัมพูชาได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสถานทูต 4 ประเทศ คือ สหรัฐฯ จีน ฝรั่งเศสกับ เวียดนาม ไปดูสถานการณ์การเผชิญหน้าบนเขาพระวิหาร
สามชาติแรกเป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ส่วนเวียดนามซึ่งเป็นสมาชิกประเภทหมุนเวียน ก็กำลังทำหน้าที่ประธานคณะมนตรีฯ ในปัจจุบัน
นายเขียว กัญฤทธิ์ รัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว ในฐานะโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นอกจากได้รายงานสถานการณ์ให้ UNSC ได้รับทราบ รายงานอีกฉบับหนึ่งยังส่งถึงประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็นปัจจุบัน เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับปัญหาทั่วไปตลอดจนการเผชิญหน้าทางทหารกับไทยที่เขาพระวิหาร
นายเขียว กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (20 ก.ค.) ปฏิเสธว่า กัมพูชาไม่ได้ร้องขอให้สหประชาชาติ เข้าแทรกแซงในกรณีพิพาทขณะนี้
ในสายตาของผู้เชี่ยวชาญนั้น กัมพูชาตระหนักดีว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบทางทหาร เสียเปรียบอำนาจการยิงอย่างมาก การใช้กำลังทหารที่ชายแดนในขณะนี้มีแต่จะสร้างความสูญเสียใหญ่หลวง
ผลจากการปะทะอาจจะไม่เป็นผลดีใดๆ ต่อพรรคประชาชนกัมพูชาของรัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซนในการเลือกตั้งวันที่ 27 ก.ค.ศกนี้
ผู้สังเกตการณ์ รวมทั้งสื่อในกัมพูชาเองเริ่มตั้งคำถามขึ้นมา ว่า หากการเจรจาหย่าศึกกับไทยในวันจันทร์นี้ล้มเหลว เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน จะนำกรณีพิพาทกลับเข้าสู่การพิจารณาของศาลระหว่างประเทศกรุงเฮกอีกครั้งหนึ่ง
เวลาผ่านไป 46 ปี นับตั้งแต่ศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ขณะที่ไทยได้ยื่นประท้วงขอสงวนสิทธิ์ในการทวงคืนพื้นที่ชายแดนแถบนั้นซึ่งอยู่ในเขตสันปันน้ำของไทย แต่ตกเป็นของกัมพูชาในแผนที่ของฝรั่งเศสที่จัดทำขึ้นและเผยแพร่ในปี 1907 หรือ 101 ปีก่อนหน้านั้น
การกลับไปสู่ศาลโลกอีกครั้งที่สองจะเปิดโอกาสให้สองฝ่ายได้โต้แย้งด้วยเหตุด้วยผลและด้วยสภาพที่เป็นจริงในปัจจุบัน และได้รับความยุติธรรม อย่างเท่าเทียมกัน
นายเขียว กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ว่า รัฐบาลกัมพูชาจะพิจารณา “ใช้มาตรการต่อไป” หลังจากได้ทราบผลการเจรจาในวันจันทร์นี้