ผู้จัดการออนไลน์-- กัมพูชาได้เคลื่อนกำลังทหารกองพลน้อยที่ 43 กับกำลังผสมกองพลน้อยที่ 795 เข้าประจำการบนเขาพระวิหาร ทำให้กำลังพลที่นั่นเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 600 เมื่อวันพฤหัสบดี (17 ก.ค.) นี้ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายเพิ่มทวี
กำลังพลจำนวนไม่น้อยเป็นอดีตทหารฝ่ายกัมพูชาประชาธิปไตย (Democratic Kampuchea) หรือ "เขมรแดง" ที่เข้าร่วมกับกองทัพรัฐบาล หลังสงครามกลางเมืองสงบลง เป็นที่เข้าใจกันว่าทหารเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ และจำนวนไม่น้อยเคยประจำที่ปราสาทพระวิหารมานานนับสิบปี
เจ้าหน้าที่กัมพูชา กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า การเสริมกำลังดังกล่าวก็เพื่อยันกับกองกำลังของฝ่ายไทยราว 400 คน ซึ่งขณะนี้ยังคง “อยู่ในดินแดนกัมพูชา”
“เราเสริมกำลังเพิ่มเข้าปราสาทพระวิหาร เมื่อวาน เพื่อหยุดยั้งทหารไทยไม่ให้ล้ำเข้ามาในเขตปราสาท” พ.อ.แกมอูน (Kem Oun) รองผู้บัญชาการกองพลน้อย 43 กล่าวกับผู้สื่อข่าวของนิตยสารข่าวรายปักษ์พนมเปญโพสต์ในวันพฤหัสบดีนี้
“ตอนนี้พวกเขาอยู่ในดินแดนของเรา อยู่ในวัดของเรา และละเมิดอธิปไตยของเรา แม้ในท่ามกลางการป้องปรามของทหารฝ่ายเราก็ตาม” นายทหารเขมรคนเดียวกัน กล่าว
“แต่ทหารเราได้รับคำสั่งให้อดทนและหลีกเลี่ยงการปะทะ นอกเสียจากพวกเขา (ไทย) จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” พ.อ.อูน กล่าว และยังเปิดเผยอีกว่า ผู้บัญชาการทหารของฝ่ายไทยได้นัดพบกับฝ่ายกัมพูชาในบ่ายวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้ออกคำแถลงยืนยาว่าทหารไทยตั้งอยู่ในดินแดนของไทย
แต่ พ.อ.ฮิม จัน (Him Chan) รองผู้บังคับการกรมตำรวจชายแดนที่ 795 กล่าวกับพนมเปญโพสต์ ว่า ทหารไทยยังอยู่ในวัดที่สร้างอยู่บนเนินลาดห่างจากเขตปราสาทพระวิหารราว 200 เมตร ทหารไทยนอนกันที่นั่นในคืนวันพุธ นอนอยู่ใกล้ๆ กับทหารกัมพูชา “เพื่อแสดงความก้าวร้าวรุกรานและก่อปัญหา”
“เราได้พยายามผลักดันให้พวกเขาออกไปจากที่นั่น แต่พวกเขาไม่ยอมไป.. ที่นั่นเป็นดินแดนกัมพูชา” พ.อ.จัน กล่าว
ฝ่ายกัมพูชาได้ยอมรับหลักการที่จะเปิดการเจรจากับไทยในวันจันทร์ (21 ก.ค.) นี้ ในความพยายามหาทางเลี่ยงการเผชิญหน้าทางทหาร แต่ทหารกัมพูชาที่ประจำการบนปราสาทพระวิหารกล่าวว่า สถานการณ์ได้เลวร้ายลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สรุน เมา (Srun Mao) อดีตทหารเขมรแดงที่ประจำการร่วมอยู่ในกองพลน้อย 795 เอามือแตะๆ ที่ปืนกลกึ่งอัตโนมัติ AK-47 และบอกกับนักข่าวว่า ไม่ได้ใช้มันมาสัก 10 ปีแล้ว จนกระทั่งสนิมเริ่มจับ
“แต่ผมพร้อมแล้วและอยากจะใช้มันเร็วๆ” อดีตทหารเขมรแดง กล่าว
หลังจาก นายพลตาม็อค (Ta Mok) ผู้บัญชาการทหารคนสุดท้ายของกองกำลังฝ่ายเขมรแดง ถูกฝ่ายรัฐบาลจับกุมที่เมืองอันลองแวง (Anlong Veng) ใกล้กับชายแดนไทยในปี 2546 กองกำลังหลายร้อยคนได้เข้าร่วมกับกองทัพรัฐบาลกัมพูชา และส่วนใหญ่ยังคงประจำในพื้นที่ชายแดนติดกับไทย
ผู้สื่อข่าวของพนมเปญโพสต์ กล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีนี้ ชาวบ้านและพ่อค้าแม่ขายได้พากันอพยพออกจากพื้นที่ในขณะที่ทหารกัมพูชากับทหารไทยกำลังเผชิญหน้ากันเป็นวันที่สาม
ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า สองฝ่ายยังคงเสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่เรื่อยๆ
“ชาวบ้านพากันอพยพออกจากพื้นที่เพราะพวกเขากลัว” นายแก้ว วรรณนาค (Keo Vannak) ราษฎรที่เมืองสะเอม (Sa Em) เมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้เขาพระวิหารมากที่สุด กล่าวกับพนมเปญโพสต์ในวันพฤหัสบดีเช่นเดียวกัน
ราษฎรได้อพยพออกจากเขตเขาพระวิหารเข้าสู่เมืองแห่งนี้ โดยรถบรรทุกที่เต็มไปด้วยสัมภาระ
“ผมเกรงว่าจะมีการปะทะ ซึ่งจะทำลายข้าวของของผมทุกสิ่งทุกอย่าง” นายวรรณนาค กล่าวขณะยืนอยู่ข้างๆ รถปิกอัพที่เต็มไปด้วยสิ่งของเครื่องใช้ในครัวเรือน
นายศรีลาภ (Srey Leap) ซึ่งทำงานอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า กำลังจะกลับบ้านที่ จ.เสียมราฐ.. “ผมอยู่ที่นั่นไม่ได้จนกว่าจะมีความมั่นคงปลอดภัยและความขัดแย้งยุติลง”
ฝ่ายกัมพูชา กล่าวหาว่า ทหารไทยได้ล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชา ตั้งแต่วันที่มีการจับกุมชาวไทยจำนวน 3 คน ฐาน “เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย”
กัมพูชา กล่าวหาว่า ปัจจุบันทหารไทยราว 400 คน ยังคงอยู่ในดินแดนกัมพูชาขณะที่ไทยกล่าวว่าทหารไทยตั้งอยู่ในดินแดนไทย และกำลังทำการเก็บกู้กับระเบิด พนมเปญโพสต์กล่าว
วันพุธที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายผดุงความสงบ ขณะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่กล่าวว่าอาจจะมีการเสริมกำลังเข้าพื้นที่อีก นิตยสารข่าวฉบับเดียวกันกล่าว