เวียดนามมีเสือเหลืออยู่ในป่าอีกเพียง 200 ตัวเท่านั้นเมื่อเทียบกับอินเดียที่ยังคงมีอยู่ 1,500 ตัว และอีกประมาณ 5,000-7,000 ตัวในป่าทั่วโลก โดยสาเหตุหลักเกิดจากการล่าสัตว์อย่างผิดกฎหมายซึ่งทำให้สัตว์ป่าหายากในธรรมชาติจำนวนมากลดลงอย่างรวดเร็วถึง 95% เมื่อเทียบกับเมื่อต้นศตวรรษที่แล้ว
ตามข้อมูลของโครงการ Education for Nature ซึ่งดำเนินการโดยกองทุนเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าโลก หรือ World Wildlife Fund ในเวียดนามเสือเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ในขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากเสือนั้นมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สำนักงานตำรวจสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า กรณีการละเมิดกฎหมายพิทักษ์และรักษาสัตว์ป่า โดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับเสือนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเลี้ยงเสือแบบขังกรง การล่าและค้าเสืออย่างผิดกฎหมาย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2551 เจ้าหน้าที่ตำรวจสิ่งแวดล้อมได้ยึดเสือจำนวน 2 ตัวซึ่งมีน้ำหนักรวมกันกว่า 500 กก.ได้จากจากบ้านพัก 2 หลังใน จ.นิงบิ่ง (Ninh Binh) นอกจากนี้ยังพบกระดูกสัตว์อื่นๆ อีกจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค.2551 หญิงคนหนึ่งถูกนำตัวขึ้นศาลหลังจากที่ได้ทำการชำแหละเสื้อจำนวน 4 ตัวเพื่อนำไปทำเป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับกระดูก รวมทั้งยังมีซากหมีอีกจำนวน 5 ตัวไว้ในครอบครองอีกด้วย
จากการศึกษาของ ENV จุดหมายปลายทางที่สำคัญของการค้าเสือคือ ประเทศจีน ซึ่งจะนำกระดูกและชิ้นส่วนต่างๆ ไปทำเป็นยาแผนโบราณ
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่ามีเสือมากกว่า 5,000 ตัวที่ถูกขังกรงอยู่ในประเทศจีน และอีกประมาณ 60-100 ตัวในเวียดนาม
มีความกังวลว่าเวียดนามอาจจะกลายเป็นประเทศที่อุปโภคบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำมาจากเสือเป็นอันดับสองของโลกรองจากจีน
โครงการ ENV ได้ถ่ายทำหนังสั้นเกี่ยวกับการล่าและค้าเสือผิดกฎหมายในแถบเอเชีย เพื่อเป็นการสร้างเสริมความตระหนักเกี่ยวกับความจำเป็นในการปกป้องและอนุรักษ์สัตว์ป่าหายากให้แก่ชาวเวียดนาม หนังดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยกลุ่มอนุรักษ์เสือระหว่างประเทศ หรือ International Tiger Conservation (ITC).