ฮานอยปิดร้านหมาย่างหลังอหิวาต์ระบาด

ผู้จัดการออนไลน์ -- เมื่อสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขที่ออกตรวจตราสุขอนามัยอาหาร ได้สั่งปิดร้านค้า 63 แห่งจากทั้งหมดประมาณ 100 แห่ง ที่จำหน่ายเนื้อสุนัขในเขตเมืองหลวงและชานเมือง และคาดว่า จะมีการปิดร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ที่ไม่ถูกสุขอนามัยอีกเป็นจำนวนมาก หลังการแพร่ระบาดของโรค หนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ รายงานโดยไม่เปิดเผยแหล่งข่าว

หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ กล่าวด้วยว่า ร้านอาหารจำนวน 4 ใน 5 ร้านที่จำหน่ายเนื้อสุนัขบริเวณถนนเญิตเติ่น (Nhat Tan) กรุงฮานอย ซึ่งเรียกกันว่า “ถนนเนื้อสุนัข” ถูกสั่งปิด หลังจากเจ้าหน้าที่พบว่า เขียงที่ใช้ชำแหละสกปรก และผักที่ใช้ประกอบอาหารล้างไม่สะอาด รวมทั้งกะปิกุ้งซึ่งเป็นเครื่องปรุงยอดนิยมในเวียดนามก็บรรจุในภาชนะที่ปนเปื้อน

ในเขต อ.ห่าดง (Ha Dong) กรุงฮานอย ผู้จำหน่ายเนื้อสุนัข 23 ราย ทั้งหมดถูกสั่งปิด คาดว่าจะมีการสั่งปิดร้านเพิ่มขึ้น อธิบดีกรมอนามัยและความปลอดภัยด้านอาหาร กระทรวงสาธารณสุขกล่าว

ทางกระทรวงได้ย้ำถึงการบริโภคอาหารที่ถูกสุขลักษณะ และน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว รวมทั้งการคัดแยกผู้ป่วย เพื่อเป็นการควบคุมการระบาดของโรค นายงา กล่าว

เนื้อสุนัขเป็นที่นิยมบริโภคของชาวเวียดนาจำนวนไม่น้อย ซึ่งเชื่อว่า หากบริโภคเนื้อสุนัขและเนื้อเป็ดในช่วงครึ่งที่ 2 ของเดือนตามจันทรคติจะช่วยปัดเป่าโชคร้ายต่างๆ ได้

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเวียดนาม กล่าวว่า การรับประทานเนื้อสุนัขที่มีการปนเปื้อนและอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ รวมไปถึงการนำอุจจาระไปทำเป็นปุ๋ยสดรดพืชผักต่างๆ นั้น อาจทำให้การแพร่ระบาดของโรคท้องร่วงรุนแรงมากยิ่งขึ้น

การรับประทานเนื้อสุนัข หรืออาหารอื่นๆ จากร้านค้าที่ให้บริการ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคท้องร่วงฉับพลัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้ออหิวาตกโรค เพิ่มมากขึ้นถึง 20 เท่า นายฌ็อง-มาร์ค โอลิฟ (Jean-Marc Olive) ผู้แทนองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประจำเวียดนาม กล่าว

ปัจจุบันมีชาวเวียดนาม ถูกหามส่งโรงพยาบาลนับพันคน เนื่องจากอาการโรคท้องรวงเฉียบพลัน แต่เจ้าหน้าที่ WHO กล่าวว่า รัฐบาลเวียดนามยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุของการแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้

“โรคอหิวาตกโรคนี้ อาจจะกลายเป็นโรคที่พบได้บ่อย ด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นและชื้น ทางตอนเหนือของเวียดนามในช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย.อาจจะทำให้ปัญหาดังกล่าวมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น” นายโอลิฟ กล่าวทางโทรศัพท์จากฮานอย

โรคนี้เกิดจากปัญหาในด้านของสุขอนามัยพื้นฐานในเวียดนาม ซึ่งจากการที่เศรษฐกิจเติบโตมากกว่า 8% ในปีที่แล้วได้ทำให้ประชาชนในภูมิภาคต่างๆ ย้ายเข้าสู่เมืองมากขึ้น

จากรายงานของ WHO กล่าวว่า ภัยคุกคามของโลกในอดีตอย่างอหิวาตกโรค ซึ่งไม่พบว่าเกิดขึ้นในประเทศอุตสาหกรรมมามากกว่า 1 ศตวรรษแล้ว แต่สามารถรักษาหรือบรรเทาได้โดยการดื่มน้ำและเกลือแร่ทดแทนนี้ โดยทั่วไปจะไม่มีอาการที่รุนแรงมากนัก ผู้ป่วยเพียง 20% เท่านั้นที่จะมีอาการรุนแรงถึงขั้นถ่ายเหลว อาเจียนหรือเป็นตะคริว

การสูญเสียน้ำในร่างกายอย่างรวดเร็วนั้นสามารถนำไปสู่ภาวะที่ร่างกายขาดน้ำและช็อกได้

ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม การปนเปื้อนในกะปิที่ทำจากกุ้งซึ่งเป็นเครื่องปรุงยอดนิยมในเวียดนามก็ทำให้มีผู้ป่วยอหิวาตกโรคเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 157 รายในช่วงเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ปีที่แล้ว

การใช้อุจจาระคนทำปุ๋ยสด เป็นการปฎิบัติที่ผิดสุขลักษณะ ซึ่งอาจจะทำให้ผักที่ได้เกิดการปนเปื้อนล้างไม่สะอาดก็อาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการแพร่ระบาด นายโอลิฟ กล่าว

อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลได้ห้ามการนำอุจจาระของคนไปใช้เป็นปุ๋ยสดรดพืชผักตั้งแต่ปี 2537

จากรายงานบนเว็บไซต์ของ WHO วันที่ 22 เม.ย.เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นมา มีรายงานพบผู้ป่วยที่มีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงถึง 2,490 รายซึ่งส่วนใหญ่พบมากในกรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศ

ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ป่วยมากถึง 377 รายที่ตรวจพบว่าเป็นอหิวาตกโรค แต่ยังไม่มีผู้ใดเสียชีวิต

ในฮานอย มีรายงานพบผู้ป่วยมากกว่า 1,000 ราย ที่มีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดในรอบ 50 ปี นายเหวียนฮวีงา (Nguyen Huy Nga) อธิบดีกรมเวชศาสตร์ป้องการ กระทรวงสาธารณสุข กล่าว

“สาเหตุของการเกิดอหิวาตกโรคนี้ยังคงไม่ทราบแน่ชัด ผักที่ไม่ได้ผ่านการปรุงให้สุก เนื้อสุนัขและกะปิอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดของโรคดังกล่าว” นายงา กล่าวในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์