รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญงานวิจัย ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเกษตร โพสต์บนเพจ Witsanu
Attavanich เช้านี้ (2 ก.พ. 68) โดยรายงานว่า
กัมพูชาเผาโหดขึ้น ไทยรั้งอันดับ 2 เผาสูงสุดในอาเซียนเดือนมกราคม 68 (ดูกราฟภาพที่ 2) “วันนี้ประเทศกัมพูชาเผากันโหดมาก ทำให้ฝุ่นพิษพัดเข้ามาที่ภาคอีสาน ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า นอกจากนั้นภาคอีสานยังได้รับฝุ่นพิษจากภาคกลางเสริมจากฝุ่นพิษในพื้นที่ด้วย การเผาในที่โล่งแจ้งภาคเกษตรในภาคอีสานยังคงมีเยอะมาก”
ขณะที่ภาคกลางสถานการณ์ค่อนข้างหนัก เนื่องจากได้รับฝุ่นพิษรอบด้านทั้งจากฝั่งตะวันตก จากอ่าวไทย และฝุ่นพิษในพื้นที่ซึ่งยังมีการเผาในภาคเกษตรอย่างหนาตา (ภาพที่ 3 และ 4)
ส่วนภาคใต้ตอนบนยังคงได้รับผลกระทบจากฝุ่นพิษต่อเนื่องแม้จะมีจุดความร้อนจากการเผาน้อยกว่าภาคอื่นๆ
ขณะที่ค่าฝุ่นพิษ PM 2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพทุกคน (สีส้ม-แดง) ต่อเนื่องเป็นวันที่สองติดต่อกัน (ภาพที่ 6 และ 7) โดยทุกภูมิภาคของประเทศก็มีค่าฝุ่นสูงมากต่อเนื่องเช่นกัน (ยกเว้นภาคใต้ตอนล่าง) (ภาพที่ 5)
วันนี้แม้จะเริ่มได้ลมใต้จากอ่าวไทยมาช่วยพัดฝุ่นพิษออกจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ลมใต้กลับนำฝุ่นพิษที่กองอยู่ในอ่าวไทยขึ้นมา ทำให้สถานการณ์มลพิษทางอากาศยังคงมีต่อเนื่อง (ภาพที่ 4-5)
"อย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยก่อนออกจากบ้านกันและรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ฝุ่นพิษ PM 2.5 อันตรายเป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงมากมาย ป้องกันตัวเองด้วยความไม่ประมาทนะครับ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็ก คนสูงวัย และสตรีมีครรภ์ ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูงอยู่ในระดับอันตรายตั้งแต่ระดับสีส้ม สีแดง สีม่วง และสีน้ำตาล ป้องกันตัวเองและคนที่คุณรักด้วยความไม่ประมาทและรักษาสุขภาพกันนะครับ"
ปัญหาฝุ่นพิษข้ามพรมแดน จากการเผาพืชผลทางเกษตร โดยเฉพาะในช่วงฤดูเตรียมการเพาะปลูกซึ่งก็คือช่วงนี้ ฝุ่นพิษจากการเผาไหม้ เพื่อกำจัดพืชเศรษฐกิจที่ปลูกในรอบก่อน การเผานอกจากจะเป็นวิธีที่สามารถกำจัดพืชที่ไม่ออกดอกผลได้อย่างรวดเร็วและประหยัดแล้ว ยังทำให้เกิดปุ๋ยคลุมหน้าดิน ถือเป็นวิธีการเตรียมดินแต่โบราณที่ทำกันมานาน และยังนิยมทำกันอยู่ในปัจจุบัน