xs
xsm
sm
md
lg

ทำเนียบบริษัทกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567/ ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปัจจุบัน กิจการที่หวังจะให้การดำเนินธุรกิจของตนได้รับการยอมรับจากสังคม และมีหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุน หนีไม่พ้นที่จะต้องได้รับการประเมินเรื่อง ESG (Environmental, Social and Governance) จากหน่วยงานประเมินภายนอกที่มีความน่าเชื่อถือและมีความเป็นกลางในการประเมิน ปลอดจากการแทรกแซงโดยกิจการที่ถูกประเมิน

จากผลการสำรวจหน่วยงานผู้ประเมินและจัดระดับด้าน ESG ทั่วโลก พบว่า มีอยู่มากกว่า 600 แห่ง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของตลาด (SustainAbility, 2020)

โดยที่แต่ละสำนักผู้ประเมิน ต่างก็มีระเบียบวิธีและเกณฑ์ที่ใช้ประเมินแตกต่างกัน จึงมีความหลากหลายในผลประเมินที่ทั้งองค์กรผู้เป็นเจ้าของข้อมูลที่ถูกประเมิน และผู้ลงทุน รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่สนใจ จะนำไปใช้ประโยชน์จากผลประเมินที่ได้รับ
จากผลสำรวจของ Institutional Shareholder Services ที่เผยแพร่ผ่านเอกสาร ESG Corporate Rating Survey เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ระบุว่า ผู้ลงทุนใช้ประโยชน์จากการประเมิน ESG ของกิจการ สูงสุดสามอันดับแรก ได้แก่ การใช้เพื่อประเมินความเสี่ยงด้าน ESG (83%) การใช้เพื่อจัดทำรายงาน (79%) และการใช้เพื่อพิจารณาผลกระทบด้านความยั่งยืน (77%) ตามลำดับ

ขณะที่ผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มที่มิใช่ผู้ลงทุนใช้ประโยชน์จากการประเมิน ESG ของกิจการ สูงสุดสามอันดับแรก ได้แก่ การใช้เพื่อเปรียบเทียบสมรรถนะการดำเนินงาน หรือ Benchmarking (71%) การใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงด้านความเชื่อมั่น (63%) และการใช้เพื่อรับทราบประเด็นสำคัญสำหรับการรายงานความยั่งยืน (62%) ตามลำดับ

สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ซึ่งเป็นผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน ทำการประเมินโดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวกับ ESG จาก 6 แหล่ง จำนวนกว่า 17,037 จุดข้อมูล

สำหรับการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนกลุ่ม ESG Emerging ในปีนี้ นับเป็นปีที่ 5 ของการประเมิน โดยพิจารณาจากข้อมูลการดำเนินงานที่สะท้อนปัจจัยด้าน ESG ตามที่บริษัทเปิดเผยต่อสาธารณะ และผ่านเกณฑ์คัดกรองเบื้องต้นที่ใช้ในการประเมินหลักทรัพย์ ESG100 ตามหลักการ CORE Framework เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ลงทุน

โดยหลักทรัพย์ที่ติดกลุ่ม ESG Emerging ปี 2567 ซึ่งได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรก มีจำนวน 19 หลักทรัพย์ ประกอบด้วย ADVICE BBGI COCOCO CPNREIT GFC HUMAN KCG LHHOTEL LPF NSL Q-CON SAFE SECURE SHR TPBI TTA UP WHAUP WPH

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่คัดเลือกจากยูนิเวิร์สของกลุ่ม ESG Emerging ปี พ.ศ. 2563-2567 จำนวน 44 หลักทรัพย์ ในรูปแบบกองทุนส่วนบุคคล Thaipat ESG Emerging Private Fund ซึ่งเป็นการลงทุนในแบบ Passive Strategy ที่ให้น้ำหนักการลงทุนในหลักทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก (Small-Mid Cap) เท่าเทียมกับหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ (Large Cap) โดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงในช่วงราคาที่กว้างของหลักทรัพย์ขนาดกลางและขนาดเล็ก และการปรับสัดส่วนการลงทุน (Rebalance) ทุก 3 เดือน เพื่อการสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีอ้างอิงพื้นฐาน

ในปี 2567 นี้ นอกจากการคัดเลือกหลักทรัพย์กลุ่ม ESG Emerging แล้ว ยังได้ทำการคัดเลือกและจัดทำรายชื่อหลักทรัพย์ที่มีผลประกอบการพลิกฟื้นกลุ่ม ESG Turnaround เป็นปีที่ 2 เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ด้วยโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากหลักทรัพย์ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวและมีปัจจัย ESG สนับสนุน

โดยหลักทรัพย์ในกลุ่ม ESG Turnaround ปี 2567 ประกอบด้วย AOT BA BAFS CPF DUSIT ERW MALEE SEAFCO SPA THRE รวมจำนวน 10 หลักทรัพย์

ทั้งนี้ หลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2567 จะใช้เป็นข้อมูลนำเข้าในการปรับหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของ Thaipat ESG Index ประจำปี สำหรับใช้เป็นดัชนีเปรียบเทียบผลตอบแทนจากการลงทุน (Benchmark Index) และใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับการลงทุนแก่บริษัทจัดการลงทุนที่มีการให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนในธีม ESG โดยผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ S&P Dow Jones' Custom Indices

สำหรับรายชื่อหลักทรัพย์กลุ่ม ESG100 ที่ได้รับคัดเลือกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558-2566 ได้ทำการเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ https://thaipat.esgrating.com ให้แก่ผู้ลงทุนและผู้สนใจทั่วไป โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

หมายเหตุ: การนำเสนอข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่สถาบันไทยพัฒน์เป็นผู้ประเมิน เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้เป็นข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นคำแนะนำในการลงทุน หรือการเสนอซื้อเสนอขายใดๆ ทั้งสิ้น

บทความโดย ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์


กำลังโหลดความคิดเห็น