สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2567 – 2569 ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย ผ่านการพัฒนาศักยภาพตลอดสายของผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน (Value Chain) ควบคู่กับการเป็นกลไกตอบโจทย์ประเทศเพื่อปรับตัวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล้ำจากการมีความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เศรษฐกิจ และตลาดทุนไทย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานสัมมนาและกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “นโยบายและทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทย” และ นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการ ก.ล.ต.กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมด้วยนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าวถึง “ทิศทางการกำกับและการพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความยั่งยืนของประเทศ” เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญกับตลาดทุนเป็นอย่างมาก โดยได้วางทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทยที่จะสามารถดึงศักยภาพและประสิทธิภาพของระบบตลาดทุนออกมาได้อย่างเต็มที่ นำไปสู่การพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยได้เล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ดังนี้
- ด้านเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยรัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบการจัดตั้ง Thailand ESG Fund ที่ได้ประโยชน์ ทั้งผู้ระดมทุนและผู้มีเงินออม ควบคู่กับการส่งเสริมด้าน ESG ของประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลจะผลักดัน (1) นโยบายการกระตุ้นตลาดตราสารหนี้สีเขียว (2) การระดมทุนเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และนโยบายการจัดหาเงินทุนที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึง (3) กลไกการเงินสีเขียวและการจัดทำมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Thailand Taxonomy) เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
- ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยรัฐบาลได้เห็นชอบในหลักการที่ลดอุปสรรคของการส่งเสริมระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น ความเหลื่อมล้ำของภาษี อันจะส่งผลให้การแข่งขันในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเท่าเทียมกัน ลดภาระแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในฝั่งของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผู้ออกและเสนอขาย (issuer) รวมทั้งผู้ลงทุน อีกทั้งเป็นการสนับสนุนให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุนผ่านโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (investment token) เพื่อส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น”
นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ประเด็นที่แผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ฉบับนี้ มุ่งเน้นและให้ความสำคัญมาก คือ การเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย ผ่านการยกระดับบทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ร่วมตลาดทุนรวมกับการยกระดับศักยภาพของ ก.ล.ต. ในการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายเพื่อคุ้มครองผู้ลงทุน ควบคู่ไปกับบทบาทการพัฒนาตลาดทุนในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการเข้าถึงตลาดทุนในวงกว้าง เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีและยั่งยืน โดยในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ ส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและขาดไม่ได้คือความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ตลาดทุนไทยสามารถพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และตอบโจทย์ของประเทศได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพต่อไป การสื่อสารกับทุกภาคส่วนในตลาดทุนไทยในวันนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การแถลงแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างผู้มีส่วนได้เสีย ผู้ร่วมตลาดทุนทุกภาคส่วน อันจะส่งผลให้ระบบของตลาดทุนไทยทำงาน ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั้งในสภาวะปัจจุบันและในอนาคต เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจที่มั่นคง เข้มแข็ง และยั่งยืนต่อไป”
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ภายใต้บริบทปัจจุบันและในระยะ 3 – 5 ปี ข้างหน้า ก.ล.ต. ตั้งเป้าหมายยกระดับความน่าเชื่อถือของตลาดทุนไทย (trust & confidence) ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องดำเนินการด้านการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมมากขึ้น การตรวจจับความผิดปกติได้ทันการณ์และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษได้รวดเร็วด้วยโทษที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังต้องสอดประสานความร่วมมือ (harmonization) กับผู้ร่วมตลาด เพื่อยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพการทำหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องใน value chain ของตลาดทุน โดย ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่าการยกระดับทั้งองคาพยพนี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนให้แข็งแกร่งขึ้น เป็นรากฐานในการช่วยบรรเทาผลกระทบและปรับวิกฤตเป็นโอกาส นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมุ่งผลักดันให้ตลาดทุนไทยมีพัฒนาการที่ต่อยอดจากเดิม โดยปรับเปลี่ยนจุดมุ่งเน้น หรือ shift focus เพื่อตอบโจทย์ประเทศในการปรับตัวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล้ำจากการมีความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมั่นว่าเป้าหมายการสร้างสมดุลระหว่างการกำกับดูแลและการพัฒนาตลาดทุนไทย จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อความยั่งยืนของประเทศต่อไป”
แผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ปี 2567 – 2569 มุ่งบรรลุเป้าหมายหลัก 4 ด้าน ดังนี้
(1) ตลาดทุนมีความน่าเชื่อถือ (trust and confidence)
(2) ตลาดทุนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
(3) ตลาดทุนเป็นกลไกสำคัญสู่ความยั่งยืน (sustainable capital market)
(4) ผู้ลงทุนมีศักยภาพในการสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดี
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้กำหนดให้มีแผนองค์กรนวัตกรรมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ (enabler) ที่จะช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนและผลักดันภารกิจให้เกิดผลสัมฤทธิ์และบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีเสวนาในหัวข้อ “ร่วมสร้างและพัฒนาตลาดทุนเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” โดย ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ เลขาธิการ ก.ล.ต. ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองที่สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างผู้ที่มีบทบาทหลักในการพัฒนาตลาดทุนไทยเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศ