MEA เชื่อมั่นระบบจำหน่ายไฟฟ้าพร้อมรับมือการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน คาดจะพุ่งสูงสุด พ.ค.นี้ ด้วยการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเทรนด์การใช้พลังงานโซลาร์เซลล์ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEAหรือ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กล่าวว่า สถิติการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของ MEA ประกอบด้วย กทม. นนทบุรี และสมุทรปราการ ในช่วงฤดูร้อนนั้นจะเป็นช่วงฤดูที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุดในรอบปี
โดยคาดการณ์ค่า Peak ในระบบจำหน่ายของ MEA ไว้ที่ 9,282 เมกะวัตต์ หรือลดลง 1.7% จากปีที่ผ่านมา โดยจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่หน่วยจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA ทั้งหมดของปี 2566 คาดว่าจะมีจำนวน 51,651 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 0.2% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งแม้สถานการณ์ COVID-19 จะคลี่คลายแล้ว แต่เนื่องจากสาเหตุภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และของโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา รวมถึงเทรนด์การใช้พลังงานโซลาร์เซลล์ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จึงทำให้การพยากรณ์การใช้ไฟฟ้ามีความใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
“MEA พร้อมรับมือกับการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น MEA จึงมีการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาใช้สนับสนุนระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงและเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้า”
ทั้งนี้ MEA ใช้เทคโนโลยี Thermovision สแกนตรวจจับความร้อนของอุปกรณ์ไฟฟ้า การใช้ Drone ตรวจสอบระบบสายส่งไฟฟ้าพร้อมรองรับทั้งในทุกสถานการณ์ โดยการเชื่อมโยงกับระบบปฏิบัติการ Field Force Management หรือ FFM เชื่อมโยงกับระบบแผนที่ GIS และเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ โดยใช้ MEA Smart Life Application ที่สามารถถ่ายภาพ แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็วและแม่นยำ รวมถึงตรวจสอบทั้งระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า ตลอด 24 ชั่วโมง
ชวนประหยัดค่าไฟง่ายๆ เพื่อตัวเราเอง “ปิด - ปรับ - ปลด - เปลี่ยน”
ผู้ว่าการ MEA ได้แนะนำวิธีง่ายๆ ในการประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สภาพอากาศ มีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานมากขึ้น เป็นเหตุให้เสียค่าไฟมากขึ้น วิธีการที่จะช่วยให้ใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย คือการหมั่นดูแล บำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานและปลอดภัยอยู่เสมอ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ดี โดยยึดหลัก “ปิด - ปรับ - ปลด - เปลี่ยน”
โดยการ ปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมาอยู่ที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมควบคู่ จะเป็นการช่วยให้ประหยัดพลังงาน ปลดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน เปลี่ยนไปใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่าประสิทธิภาพสูง และหมั่นล้างเครื่องปรับอากาศ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
รวมถึงการเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่เปิด-ปิดตู้เย็นบ่อย ๆ พกกระติกน้ำแข็งไว้ดื่ม ไม่ควรกักตุนอาหารไว้ในตู้เย็นเกินความจำเป็น ตรวจขอบยางประตูตู้เย็นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED เลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า (เบอร์ 5) และควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ควรปิดสวิตช์และดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งาน หมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถ้าชำรุดต้องซ่อมแซมทันที ป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมทั้งติดตั้งสายดิน พร้อมเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า
ยิ่งช่วงนี้ที่มีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อน เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง
MEA ขอแนะนำให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายที่เกิดจากพายุ รวมถึงป้ายโฆษณากลางแจ้ง ควรมีการตรวจสอบโครงสร้างป้ายให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงมั่นคงปลอดภัย และตรวจสอบระยะห่างของป้ายโฆษณากับสายไฟฟ้าให้มากขึ้น เพราะอาจส่งผลกระทบกับระบบไฟฟ้าอาจทำให้ไฟฟ้าดับ และขอให้ประชาชนอยู่ห่างจากป้ายโฆษณา ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงใกล้แนวสายไฟฟ้า เพราะกิ่งไม้อาจหักโค่นจากลมกระโชกแรงและพาดลงมาทำให้เสาไฟฟ้าล้ม หรือสายไฟฟ้าขาด เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งขอแนะนำให้ประชาชนตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าหากชำรุดเร่งซ่อมแซมแก้ไข และสำรวจต้นไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านของตนเอง ให้กิ่งไม้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยไม่ระสายไฟฟ้าเพราะอาจทำให้ไฟฟ้าดับ รวมไปถึงอาจจะทำให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วมาตามกิ่งไม้ที่เปียกน้ำจากฝนฟ้าคะนองได้
หากใครพบเห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดหรือไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งได้ที่ ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect, Twitter: @mea_news, และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งผ่าน MEA Smart Life Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนระบบ iOS และ Android ดาวน์โหลดฟรี ได้ที่ https://onelink.to/measmartlife