กรณีเทศบาลตำบลเอราวัณ
กาญจนบุรี โพสต์เฟซบุ๊กเตือนพบเสือโคร่งขนาดใหญ่ ระบุว่าเมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา เมื่อออกตรวจพื้นที่รอบเขื่อน ได้พบเสือโคร่ง บริเวณทางลงสันเขื่อนศรีนครินทร์ฝั่งซ้าย อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี โดยวิ่งหนีลงบันไดลิงฝั่งโรงไฟฟ้า และได้แจ้งเตือนทุกคนในบริเวณใกล้เคียงให้ระมัดระวังความปลอดภัยทันที
วันรุ่งขึ้น 22 ม.ค.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ได้ประสานทางองค์กรแพนเทอร่า (PANTHERA THAILAND) ซึ่งเป็นองค์กรทำงานวิจัยเกี่ยวกับเสือโคร่ง ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์บริเวณนี้ เพื่อตรวจสอบเสือตัวดังกล่าวจากลายของเสือ ว่าเป็นเสือตัวไหนอย่างไร เคยพบหรือไม่ในกล้องดักถ่ายสัตว์ป่า ก็ได้รับการยืนยันต่อมาว่า เป็นเสือโคร่งที่เคยถ่ายติดกล้องดักถ่ายสัตว์ป่าของคณะวิจัยฯ ในพื้นที่ป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565
ระบุได้ว่าเป็นเสือโคร่งเพศผู้ แต่จากการตรวจสอบ “ลายของเสือ” ไม่พบว่ามีข้อมูลจากฐานข้อมูลของเสือตัวนี้จากแหล่งอื่นแต่อย่างใด จึงตั้งชื่อให้เป็น SLT002M
นายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กล่าวว่า การตรวจพบเสือโคร่งของคณะนักวิจัยฯ นั้น จะมีการจำแนกลายของเสือจากข้อมูลของฐานข้อมูลที่มีอยู่ของสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เป็นพื้นฐาน และบางครั้งพบว่าการเคลื่อนตัวของเสือที่เข้ามาในพื้นที่เขตฯสลักพระ บางตัวพบว่าเคลื่อนย้ายมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เป็นต้น
“ถ้าตัวที่พบในกล้องไม่พบว่าเคยมีข้อมูลที่อื่นก็จะตั้งชื่อตามพื้นที่ที่ตรวจพบครั้งแรก และการที่พบเสือมาปรากฎตัวที่สันเขื่อนศรีนครินทร์ช่วงตี 2 อาจเพราะว่าปลอดคนและเป็นเส้นทางที่เชื่อมกับป่าเอราวัณ สลักพระได้ง่าย"
วันเดียวกันนี้ นายกิตธิสิทธิ์ ทุมมาส นายกเทศมนตรีตำบลเอราวัณ นายวีระพล เนตรสุวรรณ ประธานสภาฯ และนายธีรศักดิ์ นุชนารถ สมาชิกสภาเทศบาลฯ ร่วมสำรวจพื้นที่ โดยมีนายชาญณรงค์ จันทมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ (อขศ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ กฟผ. เขื่อนศรีนครินทร์ นำทีมเข้าสำรวจพื้นที่บริเวณดังกล่าว ร่วมกับหัวหน้า/ ผู้แทน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ (อุทยานแห่งชาติเอราวัณ, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์)
สรุปรายงาน ดังนี้
- บริเวณโดยรอบ Work shop ,ลานไกโรงไฟฟ้า พบรอยอุ้งเท้าเสือโคร่งมีความยาวประมาณ 7 เซนติเมตร
- ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเสือโคร่งเดินไปทิศทางใด คาดว่ามุ่งหน้ากลับขึ้นเขาตับเต่าประมาณ ร้อยละ 80 และยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ บริเวณเดิมประมาณร้อยละ 20 ซึ่งติดตามค่อนข้างยาก โดยจะต้องตามรอยเท้าในบริเวณพื้นที่ที่เป็นดินและทราย
- ทางเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ได้ดำเนินการตรวจสอบเทียบลายเสือโคร่ง ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่าเดินทางมาจากเขาตับเต่า (พื้นที่รับผิดชอบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ) และติดตามโดยองค์การแพนเทอราประเทศไทย (Panthera Thailand) (องค์กร NGO สิ่งแวดล้อม)
ทั้งนี้ กฟผ. เขื่อนศรีนครินทร์ ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงให้ระมัดระวัง และทางผู้รักษาบริเวณได้กำหนดมาตรการปิดเส้นทางจราจรบริเวณฝั่งซ้ายเขื่อนศรีนครินทร์ทั้งหมด โดยให้ใช้เส้นทางจราจรทางขึ้นสันเขื่อนฝั่งขวาเท่านั้น และผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ที่พักบ้านเอราวัณ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ให้ออกจากพื้นที่บ้านพัก โดยให้เข้าพักโซนบ้านไพฑูรย์ และบ้านริมอ่าง
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ( 23 ม.ค. 2566) นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 เปิดเผยว่า คณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ,เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ,เจ้าหน้าฝ่ายปกครองอำเภอศรีสวัสดิ์,นายกเทศบาลตำบลเอราวัณ,ผู้นำชุมชนหมู่ที่ 4 ต.ท่ากระดาน ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีได้รับแจ้งจากพนักงานแผนกรักษาความปลอดภัยเขื่อนศรีนครินทร์ พบเสือโคร่งเดินผ่านกล้องวงปิดบริเวณสันเขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อเวลาประมาณ 01:39 น. ของวันที่ 22 มกราคม 2566
จากการตรวจสอบ 4 จุด ใน 4 พิกัด จุดที่ 1 พบเสือโคร่งจากกล้องวงจรปิด เวลาประมาณ 01:39 น. จุดที่2 พบเสือโคร่งจากกล้องวงจรปิด เวลาประมาณ 01:51 น. จุดที่ 3 เจ้าหน้าที่เขื่อนศรีนครินทร์แจ้งว่าพบตัวเสือโคร่ง เวลาประมาณ 01:55 น. และจุดที่ 4 เวลาประมาณ 14:30 น. เจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ พบรอยตีนเสือโคร่ง ขนาดอุ้งตีนกว้างประมาณ 7 ซม. (ดินแข็ง) ทิศทางมุ่งหน้าไปที่เขื่อนสันเขื่อน คาดว่าจะเป็นขณะที่เดินออกมาจากป่า
คณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโดยรอบพื้นที่บริเวณด้านหน้าสันเขื่อนศรีนครินทร์ ในเบื้องต้นแล้วไม่พบร่องรอยเสือโคร่งในจุดอื่นแต่อย่างใด จึงมีความเห็นร่วมกันว่ามีแนวโน้มประมาณ 80% ที่เสือโคร่งตัวดังกล่าวจะกลับคืนสู่ป่าธรรมชาติ และแนวโน้มประมาณ 20 % ที่เสือโคร่งจะยังอยู่ในพื้นที่บริเวณหน้าสันเขื่อนศรีนครินทร์
ทั้งนี้คณะเจ้าหน้าที่ได้ขอให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ติดตามตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ให้กับชุมชนในแต่ละพื้นที่ ให้ระมัดระวังอันตราย และอย่าตื่นตระหนก หากผู้ใดพบเห็นเสือในบริเวณใกล้เคียงให้แจ้งหน่วยที่เกี่ยวข้องทราบทันที
อ้างอิง
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช
เทศบาลตำบลเอราวัณ
กาญจนบุรี