สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายหลังได้รับข้อมูลพบว่ามีกลุ่มนายทุนลักลอบค้าเสือ และนกหวงห้ามจำพวกนกกาฮัง และนกเงือกกรามช้าง ผู้ลักลอบอ้างว่าล่ามาจากป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) จึงทำการสืบสวนร่วมกับชุดเหยี่ยวดง กรมอุทยานแห่งชาติฯ จนทราบว่าจะมีการขายลูกเสือและลูกนกกาฮัง ลูกนกกรามช้าง ในบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเคยขออนุญาตประกอบกิจการสวนสัตว์ เมื่อปี พ.ศ. 2557 แต่ขาดต่อใบอนุญาติเมื่อปี พ.ศ.2562 โดยมีนายเคียง อายุ 67 ปี เป็นเจ้าของสถานที่ และเป็นผู้ขายสัตว์ป่าดังกล่าว
ต่อมาสายลับทำการล่อซื้อ เมื่อนายเคียงฯ นัดส่งของพร้อมจ่ายเงิน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงตัวเข้าจับกุม โดยนำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โนนสูง จว.นครราชสีมา เพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
สำหรับการสืบสวนจับกุมในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนข้อมูลการสืบสวนจากมูลนิธิฟรีแลนด์ จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17 ใน ข้อหาร่วมกันมีสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากของ สัตว์ป่าคุ้มครอง ไว้ใน ครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และมาตรา 29 ในข้อหาร่วมกันค้าสัตว์ป่าคุ้มครองและซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากพบพยานหลักฐานว่ามีการนำสัตว์ป่า ซึ่งเป็นสัตว์ควบคุมลักลอบเข้ามาจากต่างประเทศอาจเป็นความผิดในข้อหา นำเข้าซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าควบคุม (สัตว์ไซเตส) ชากสัตว์ป่าดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาต อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 23
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ ประกอบด้วย เสือโคร่ง (Panthera tigris) (สัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 181 ) เป็นสัตว์ป่าไซเตสบัญชีที่ 1 จำนวน ๒ ตัว นกกาฮัง หรือ นกกก หรือ นกกะวะ (Buceros bicornis) (สัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 9) เป็นสัตว์ป่าไซเตสบัญชีที่ 1 จำนวน 6 ตัว และนกเงือกกรามช้าง หรือ นกกู๋กี๋ (Rhyticeros undulates) (สัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 313) เป็นสัตว์ป่าไซเตสบัญชีที่ 2 จำนวน 2 ตัว (รวมสัตว์ป่าคุ้มครอง 3 ชนิด จำนวน 10 ตัว)
กรมอุทยานฯ ระบุว่าหากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับค้าสัตว์ป่า โปรดแจ้ง สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 หรือสายด่วน ศปทส.ตร. 1136
ข้อมูลอ้างอิง ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช