มูจิ ประเทศไทย (MUJI) เดินหน้าตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ยั่งยืน (Sustainability Branding) ต่อยอดแนวคิดจากสินค้าไลฟ์สไตล์ ด้วยเอกลักษณ์เด่นชัด “ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ” “เป็นธรรมชาติ” “เรียบง่าย” “ไม่มียี่ห้อ” และ “ราคาสมเหตุสมผล” ปรับราคาสินค้าในไทยไปแล้ว 1,780 รายการตั้งแต่ปี 2562 ยกระดับครอบคลุมไปถึงการใส่ใจชุมชนท้องถิ่น ร่วมแบ่งปันคุณค่า (Share Value) เพื่อการสร้างสรรค์และพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน
พร้อมสนับสนุนการใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรและสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่น เดินหน้าเปิดโซน Local Food โซนผลิตภัณฑ์ขนมจากท้องถิ่นไปแล้วทุกสาขา ส่งเสริมการสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ โดยถ่ายทอดพันธกิจผ่านการจัดนิทรรศการ “What is MUJI?” ในระหว่างวันที่ 3 - 17 มีนาคม 2565 ณ บริเวณด้านหน้าร้าน MUJI ชั้น G ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์
นายอกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า MUJI เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจบนเส้นทางของความยั่งยืนนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจเมื่อปี 2523 จนถึงปัจจุบันกว่า 40 ปี ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ใช่แค่เพียงพัฒนาสินค้าที่ดีมีคุณภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมุ่งสร้างชีวิตที่ดีด้วยแนวคิดช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชน ปัจจุบันผลิตสินค้าครอบคลุมหลากหลาย ทั้งของใช้ในครัวเรือน เครื่องแต่งกาย และอาหาร โดย MUJI มีสินค้ากว่า 7,000 รายการ และขยายสาขาไปทั่วโลกและราว 1,000 สาขา ทั่ว 28 ประเทศ ในประเทศไทยเปิดสาขาไปแล้วจำนวนทั้งหมด 25 สาขา เปิดสาขาใหม่เมื่อปี 2564 จำนวน 5 สาขา และปรับโฉมใหม่สาขาเดิมด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น จำนวน 2 สาขา และมีสินค้า MUJI วางจำหน่ายกว่า 3,000 รายการ โดยการพัฒนาสินค้าของ MUJI ตั้งอยู่บนหลักการ ดังต่อไปนี้
การเลือกสรรวัสดุ เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ ผลิตจากวัสดุธรรมชาติหรือออร์แกนิก 100 % ปรับปรุงพัฒนากระบวนการผลิต MUJI ให้ความสำคัญกับการรีไซเคิล การลดกระบวนการผลิต โดยการใช้วัสดุจากธรรมชาติไม่เสริมแต่งจากสารเคมี ลดขั้นตอนการทาหรือย้อมสี ช่วยลดขยะ และการใช้สารเคมีจากกระบวนการผลิต ลดผลกระทบต่อโลกและสิ่งแวดล้อม เลือกวัสดุเหลือใช้จากภาคอุตสาหกรรม เพื่อช่วยลดต้นทุนในการผลิต ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าคุณภาพในราคาเข้าถึงได้ โดยในประเทศไทยมีนโยบายปรับราคาสินค้าให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่ายในราคาที่สมเหตุสมผลซึ่ง MUJI ได้ปรับลดราคาลงมากกว่า 1,780 รายการในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2562-2564 ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายเพื่อลดการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง MUJI ใช้บรรจุภัณฑ์แบบเดียวกันในปริมาณมาก เน้นความเรียบง่ายเพื่อช่วยประหยัดทรัพยากร บรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้าผลิตจากกระดาษเบจสีอ่อน ไม่ผ่านกระบวนการฟอกสีเยื่อกระดาษ มีความมินิมอล คงเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและและชุมชน โดยจุดเริ่มต้นจากการผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของ MUJI ผลิตจากฝ้ายออร์แกนิก 100% ทำให้ผู้บริโภคได้เสื้อผ้าสวมใส่สบาย และสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรท้องถิ่นทั่วโลก ในส่วนของมูจิ ประเทศไทยนั้น ยังได้สนับสนุนเกษตรกร และชุมชนไทย ในหลายรูปแบบ เช่น การเลือกใช้กาแฟอาราบิก้า 100% จากดอยตุง ในร้าน MUJI Coffee corner ประจำสาขามูจิ ประเทศไทย จำนวน 8 สาขา และมีการจัดโซนผลิตภัณฑ์ขนมท้องถิ่น (Local Food) ซึ่งมีสินค้าวางจำหน่ายทั้งหมด 212 รายการ นอกจากช่วยผู้ประกอบการท้องถิ่นและชุมชนในด้านช่องทางขาย MUJI ยังถ่ายทอดแนวคิดการทำธุรกิจ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ด้วย
“นอกจาก MUJI จะครองใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Sustainable lifestyle ด้วยคุณภาพของสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ดีไซน์มาพร้อมฟังก์ชันโดดเด่น มีเอกลักษณ์ ยังต่อยอดไปสู่การสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างแบรนด์ ผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และชุมชนท้องถิ่น จากแนวคิดปรัชญาเพื่อคุณภาพชีวิต ไม่ใช่แค่คำนึงถึงผู้บริโภค แต่ยังหมายถึงคุณภาพชีวิตของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย หรือ Stakeholder ทุกรายด้วย โดย MUJI ได้ดำเนินธุรกิจตามแผนการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำมาอย่างต่อเนื่อง ใส่ใจและตระหนักถึงการรบกวนสิ่งแวดล้อม โดยจะสร้างผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ตั้งแต่ขั้นตอนคัดสรรวัตถุดิบ กระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการวางจำหน่ายหน้าร้าน รวมถึงการเข้าไปร่วมกับชุมชนท้องถิ่น โดยได้รวบรวมแนวคิดและการดำเนินงานที่ผ่านมา นำมาถ่ายทอดในงานนิทรรศการ “What is MUJI?” ในครั้งนี้ เพื่อส่งต่อแนวคิดการสร้างความยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อม”นายคาโมการิ กล่าว
โดยนิทรรศการ “What is MUJI?” จัดบนพื้นที่ 250 ตร.ม. นิทรรศการในรูปแบบป๊อปอัพ แบ่งออกเป็นโซนไฮไลท์ดังนี้ MUJI Garment บอกเล่ากระบวนการผลิตเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกๆ ขั้นตอน, MUJI Local Food ผลิตภัณฑ์อาหารจากผลผลิตของชุมชนท้องถิ่น กลายเป็นสินค้าที่ช่วยเพิ่มมูลค่า โดยผ่านกระบวนการผลิตสไตล์ MUJI เพื่อส่งเสริมการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร, MUJI Local Activities รวบรวมกิจกรรมและเวิร์คช็อปที่ MUJI ได้สร้างสรรค์ร่วมกับชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย และสนับสนุนสินค้าภูมิปัญญาไทย โดยตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา และกิจกรรม “Tarad Nut” ตลาดนัด MUJI โดยเปิดพื้นที่ภายในร้าน ให้กับสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นชุมชน ได้เข้ามาจำหน่ายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นการขยายโอกาสในการขาย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อต้องการส่งเสริมและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชนท้องถิ่น เป็นต้น
ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงาน “What is MUJI?” งานแสดงแนวคิดแบรนด์ MUJI จากปรัชญาเพื่อคุณภาพชีวิต สู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน เข้าชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ณ บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ตั้งแต่วันที่ 3 - 17 มีนาคม 2565 เวลา 10.00 - 22.00 น. ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม Facebook : MUJI Thailand และ Instagram : MUJI_Thailand
ทั้งนี้ MUJI เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ในรูปแบบของธุรกิจแฟรนไชส์ โดยสามารถขยายจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในปี พ.ศ. 2556 ได้ก่อตั้ง บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจให้ MUJI ในประเทศไทยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันธุรกิจของ MUJI ในประเทศไทยกำลังเติบโต มีสินค้าจำหน่ายมากกว่า 3,000 รายการ และมีสาขาจำนวน 25 แห่ง ซึ่งรวมสาขาใหม่ ในเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ที่เพิ่งเปิดล่าสุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา