บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย คว้าสองรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม 2564 (TAQA 2021) ด้านภาพลักษณ์ คือประเภทความปลอดภัยสูง และรูปลักษณ์ดึงดูดใจ รวมถึงยังได้รับรางวัลเกียรติยศ Excellent Award ด้านรูปลักษณ์ดึงดูดใจ ที่ยืนยันความเป็นผู้นำด้านนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับ 1 และความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทย
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า บีเอ็มดับเบิลยูเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยได้อย่างมั่นคง นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นจากการดำเนินงานที่ผสานปรัชญาด้านนวัตกรรมที่มีมาอย่างยาวนานกับพลังแห่งทางเลือกให้แก่ลูกค้า บริษัทฯ ยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านยนตรกรรมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้องค์กรเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรม
นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้สร้างสรรค์อนาคตแห่งยนตรกรรมที่พร้อมทั้งดิจิทัลและมีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น โดยผสมผสานทั้งดีไซน์ พลังงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อ และความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้แก่ผู้ขับขี่ทุกท่าน
แนวคิด The Power of Choice ตอบโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ
มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา กล่าวว่า “สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่เราทำ เรานำเสนอคุณค่าที่เกินกว่าความคาดหวังของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็สอดคล้องไปกับความต้องการของพวกเขา ทั้งนี้ แนวคิด ‘The Power of Choice’ ยังคงเป็นรากฐานสำคัญสำหรับกลยุทธ์ของเรา ด้วยแนวคิดนี้ เราจึงสามารถนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างแท้จริงและยังคงมอบโอกาสทหลากหลายให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของรถยนต์ในฝัน”
“เราใช้หลักการของนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ในการขับเคลื่อนองค์กรพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใส่เข้าไปในรถทุกคัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางบีเอ็มดับเบิลยูมุ่งมั่นพัฒนาขึ้นจากความตั้งใจ ที่จะส่งมอบนวัตกรรมเพื่อสร้างความสุขให้กับลูกค้าในทุกครั้งที่ได้ใช้งาน”
ในปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งในระบบขับเคลื่อนแบบดีเซล เบนซิน ปลั๊กอินไฮบริด และระบบไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ BEV ไปจนถึงรถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างตระกูล M
สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู พร้อมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive บีเอ็มดับเบิลยู M4 Competition Coupé และยังได้เปิดตัวรุ่น M Performance Edition สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport X และบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport
พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการรถยนต์ไฟฟ้าของไทย ด้วยการเปิดตัวรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iX และ iX3 รถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ 100% ที่เข้ามาเปลี่ยนนิยามประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตรูปแบบใหม่ จากความโดดเด่นด้านศักยภาพอันเปี่ยมล้นของยานยนต์ที่มาพร้อมกับนวัตกรรมแห่งอนาคต
ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยูฯ มองว่า ปี 2564 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทาย แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทได้โอบรับหนทางใหม่ ๆ ในการเข้าถึงลูกค้าและยังคงรักษาคุณภาพให้เหมือนเดิมดังที่ให้คำมั่นสัญญาไว้
“หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นคือ การพร้อมปรับตัวสู่ความเป็นดิจิทัลให้มากขึ้น ด้วยการจัดแสดงนวัตกรรมในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปและกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่แคมเปญเหล่านี้ประสบผลสำเร็จและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี บริษัทจึงเล็งเห็นว่าบริการดิจิทัลของเราช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการแสวงหาแนวทางต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้นและสื่อสารพันธกิจของเราผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อทำให้ผู้คนเข้าถึงเรามากขึ้น”
เขากล่าวว่า “ในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการขับเคลื่อนแห่งอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานตามเป้าหมายด้วยการส่งมอบความพึงพอใจในการขับขี่ พร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และแนวคิดพลังแห่งทางเลือก (Power of Choice) ให้กับลูกค้า ส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค (NPS Score) ขึ้นสูงสุดทั้งด้านการขายและการให้บริการ เราตระหนักดีว่าลูกค้าทุกคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน เราจึงสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านโซลูชันส์ที่หลากหลาย เพื่อมอบความพึงพอใจสูงสุดและความสุขให้แก่ลูกค้าตลอดเส้นทางแห่งการเดินทางของพวกเขา”
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์พรีเมียม 2 ปีซ้อน โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในปี 2564 ของบีเอ็มดับเบิลยู และมินิที่ 45.5% เพิ่มจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 44.6% สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ที่ไม่เพียงให้ความสำคัญในด้านนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเป็นผลอันน่าภาคภูมิใจจากการดำเนินงานที่ยึดมั่นในความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูสามารถสร้างสรรค์ยนตรกรรมและบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทั้งในด้านเทคโนโลยีและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายและแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพอยู่เสมอ
ก้าวต่อไป รั้งแบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรม พร้อมยกระดับโซลูชันด้านดิจิทัล
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย วางแผนที่จะนำเสนอประสบการณ์อันหลากหลายให้แก่ลูกค้าใน
ปี 2565 นี้ผ่านช่องทางดิจิทัล การดูแลเอาใจใส่ลูกค้าจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการส่งมอบการบริการที่เป็นเลิศ และบริษัทจะเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้มีคุุณค่าต่อลุกค้ายิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างต่อไป นอกจากนี้ บริษัทจะยกระดับโซลูชันด้านดิจิทัลเพื่อส่งเสริมเส้นทางของผู้บริโภคผ่านช่องทางการขายและการบริการด้วยความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมแห่งยานยนต์และความเป็นดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงให้ได้มากที่สุด
ด้วยความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจากคู่แข่ง และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพอยู่เสมอ จึงทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยมหรือ Thailand Automotive Quality Award (TAQA) ประจำปี 2564 ประเภทรูปลักษณ์ดึงดูดใจ และยังครองใจมหาชนด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทความปลอดภัยสูงอีก รวม 2 รางวัล จากการสำรวจวิจัยความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ การบริการ และภาพลักษณ์จากประสบการณ์ของผู้บริโภคผู้ใช้รถตัวจริงทั่วประเทศ
ทั้งนี้ท่านสามารถคลิกอ่านเล่ม.TAQA ทั้งฉบับ E-BOOKS ได้ทีลิ้งค์ https://drive.google.com/file/d/1Bhl26iG2JlbvqZS6xu7gIiZtswawUyCe/view?usp=sharing
หรือสแกน QR Code