GC ผนึกพันธมิตรจัดงานประชุมระดับโลก “GC Circular Living Symposium 2020: Tomorrow Together” ชู Circular in Action จาก“แนวคิด”สู่“การปฏิบัติจริง” ตอบโจทย์การดูแลสิ่งแวดล้อม พลิกวิกฤตเป็นโอกาสในการปฏิวัติการใช้ทรัพยากรโลกอย่างรู้คุณค่าและยั่งยืน เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต กล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา GC ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักความยั่งยืน ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาประยุกต์ใช้ในองค์กร ภายใต้แนวคิด GC Circular Living ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่เข้ามาช่วยให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ บูรณาการหลักปฏิบัติเข้าสู่ทุกกระบวนการในการดำเนินธุรกิจพร้อมจัดทำโครงการต่างๆ ที่มุ่งเน้นให้เกิดการปฏิบัติได้จริง สร้างความร่วมมือ ขยายผล และต่อยอดได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยมี 3 องค์ประกอบคือ 1) Smart Operating การนำเทคโนโลยีแบบใหม่มาพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดย GC มีเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG)จากกระบวนการผลิตลง 20% ภายในปี 2030 และลดความเข้มข้นของการปล่อย GHG ต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ลง 52% ภายในปี2050 โดยมีเป้าหมายในการลด GHG ครอบคลุมห่วงโซ่อุปทาน (SupplyChain) ทั้งหมด GC ยังเป็นผู้นำที่มีทิศทางการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต โดยขยายขอบเขตจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ออกสู่ห่วงโซ่คุณค่าทางอ้อมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (GHG Scope 3) ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดนี้มีส่วนสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลก
2) Responsible Caring การคิดค้น พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการนำขยะพลาสติกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ก่อสร้าง ยานยนต์ที่เลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาลงเพื่อลดพลังงานและประหยัดต้นทุน
3) Loop Connecting การสร้างและขยายความร่วมมือร่วมกับทุกภาคส่วน รวมถึงผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อขยายผลสำเร็จและเชื่อมต่อธุรกิจให้ครบวงจร
โดยทั้ง 3 องค์ประกอบนี้ ต้องมี 4 ปัจจัยที่นำพาไปสู่ความสำเร็จ ได้แก่
ปัจจัยที่หนึ่ง Thought Leader ผู้นำความคิดนวัตกรและนักธุรกิจจากทั่วโลกมาร่วมแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ในการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนไปใช้เพื่อขับเคลื่อนโลกร่วมกัน
ปัจจัยที่สอง Innovation นวัตกรรมจะช่วยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ มีสินค้าที่ผลิตด้วยแนวคิดCircular Economy ออกมาได้จริง
ปัจจัยที่สาม Business Model การออกแบบธุรกิจให้เกิดขึ้นจริงและสามารถพึ่งพาตนเองได้
ปัจจัยที่สี่ Ecosystem การสร้างระบบนิเวศเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนสามารถอยู่ร่วมกันได้
โดย GC ได้นำทั้ง 4 ปัจจัยดังกล่าวมารวมไว้ภายในงาน GC Circular LivingSymposium 2020 ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 มุ่งเน้นจากแนวคิดสู่การปฏิบัติจริง (Circular in Action) เป็นการนำแนวทาง GC Circular Living มาปรับใช้ตั้งแต่ในชีวิตประจำวัน จนถึงการดำเนินธุรกิจ ต่อยอกจากการจัดงาน GC Circular Living Symposium 2019 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ (Awareness)
ภายในงานปีนี้ ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้จากผู้นำองค์กรและผู้ขับเคลื่อน Circular Economy หลากหลายวงการทั่วโลกกว่า 40 คน ทั้งในด้านวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืน การบริหารจัดการขยะอัจฉริยะ นวัตกรรมการรีไซเคิลและอัพไซเคิล การผสานทักษะของชุมชนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะ เรียนรู้แนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์สุดสร้างสรรค์ การใช้นวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับ COVID-19 รวมถึงการเปลี่ยนไอเดียเป็นธุรกิจ ในรูปแบบ SMEs/Startups
ทั้งหมดนี้ เพื่อตอกย้ำว่า Circular Living คือ แพลตฟอร์มที่สามารถตอบทุกโจทย์ และสามารถสร้างสมดุลเพื่อความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะช่วยจุดประกายความคิดในการดำเนินธุรกิจแบบหมุนเวียน GC เชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือของทุกคน จะเป็นแรงกระเพื่อมให้การนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนนี้ขยายผลออกไปสู่การปฏิบัติได้มากขึ้น
นอกจากนี้ GC ยังได้ร่วมกับ Miniwiz จากไต้หวัน ผู้นำระดับโลกด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่ม จัดกิจกรรม “Trashpresso | Funtastic Upcycling Plastics พร้อมสนุกกับเครื่องแทรชเพรสโซ-อัพไซคลิงขยะพลาสติก” เปิดประสบการณ์อัพไซเคิลพลาสติกใช้แล้วด้วยนวัตกรรมสุดล้ำแบบแทรชเพรสโซโดยการนำพลาสติกใช้แล้ว ทั้งประเภท PE, HDPE, PP และ PS เข้าสู่กระบวนการอัพไซคลิงของเครื่องแทรชเพรสโซ เมื่อเสร็จแล้วจะได้เป็นแผ่นพลาสติกอัพไซเคิลที่มีเอกลักษณ์และสามารถนำไปใช้ในงานออกแบบตกแต่งทั้งภายในและภายนอกได้ อาทิ กระถางปลูกต้นไม้ขนาดเล็ก กล่องใส่ของเอนกประสงค์ เป็นต้น ซึ่ง GC ได้รับการสนับสนุนฝาขวด HDPE จำนวน 100,000 ฝา จากพันธมิตร คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ เครือข่าย U ปรับ โลกเปลี่ยน มาใช้ในกิจกรรมเปิดประสบการณ์นี้ด้วย นับเป็นอีกก้าวของการขยายขอบเขตการจัดการขยะพลาสติกจาก PET สู่ประเภทอื่นๆ ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้
นายคงกระพัน กล่าวทิ้งท้ายว่า GC พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นด้านขยะ น้ำ หรือ อากาศของประเทศ โดยมุ่งเน้นให้มีการแก้ไขอย่างยั่งยืนและบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างจริงจัง GC
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า GC Circular Living Symposium 2020 จะช่วยพลิกโฉมอนาคต สร้างแรงผลักดันให้ทุกคนร่วมมือกันด้วยจิตสำนึกและความรับผิดชอบ พร้อมนำแนวทาง GC Circular Living ไปปรับใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวัน ในแบบ Circular in Action และ สร้างสรรค์วัฒนธรรมหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ เริ่มกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อเราทุกคนจะได้สร้าง “วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า” ร่วมกัน