โรงพยาบาลเกาะสีชังได้รับมอบระบบไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์จากบมจ.ไทยออยล์ และบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ ที่ร่วมดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้า “รักษ์โลก” ซึ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แถมยังช่วยลดค่าใช้ไฟฟ้าระยะยาวได้อีกด้วย
กลุ่มไทยออยล์มีเจตนารมณ์ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยยกระดับด้านการสาธารณสุขของชุมชนด้วยพลังงานทดแทน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของสังคมให้ดียิ่งขึ้น จึงได้ดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้แนวคิด “Sustainable Energy for Health Care” ที่ต้องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมศักยภาพในการให้บริการทางการแพทย์และรักษาประชาชน ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านกระแสไฟฟ้า อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการใช้พลังงานทดแทนและนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ด้านวิศวกรรมของพนักงาน วางแผน ควบคุม การติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการบริหารจัดการการใช้พลังงานให้คุ้มค่าตามมาตรฐานสากล
ในอดีต ประชาชน หน่วยงานราชการ รวมถึงโรงพยาบาลบนเกาะสีชังรับกระแสไฟฟ้าจากฝั่งศรีราชาผ่านสายเคเบิลใต้ทะเล แต่การเกิดอุบัติเหตุจากการทอดสมอของเรือเดินสมุทร ทำให้สายเคเบิลใต้ทะเลที่ส่งกระแสไฟฟ้าขาดเมื่อปี 2556 ทำให้บ้านเรือนบนเกาะสีชัง รวมถึงโรงพยาบาลเกาะสีชังต้องใช้กระแสไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลแทน
ด้วยแนวความคิดที่จะดำเนินโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดังกล่าว บมจ.ไทยออยล์จึงได้ร่วม กับ GPSC จัดทำโครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับโรงพยาบาลเกาะสีชัง โดยคาดว่าจะสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านกระแสไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลฯ ในระยะยาว
โครงการประกอบด้วยการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบ On-grid ขนาดกำลังผลิต 53.46 kWp บนหลังคาอาคารโรงพยาบาลเกาะสีชัง โดยต่อเชื่อมระบบผลิตไฟฟ้าดังกล่าวเข้ากับระบบไฟฟ้าปัจจุบันของโรงพยาบาลฯ
การติดตั้งระบบดังกล่าวได้ดำเนินการตามมาตรฐานทางด้านวิศวกรรม และตามกฎเกณฑ์ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับระบบผลิตไฟฟ้าสำรองที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง (Emergency Diesel Generator) ภายใต้การดูแลของวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 บริษัท โดยติดตั้งแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562
ผลของระบบฯ ที่จัดทำขึ้นนี้สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 240,000 บาทต่อปี และยังมีอัตราการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้ประมาณ 53,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ (kg of CO2E) ต่อปี หรือเปรียบเท่ากับการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น 185 ต้น
เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการส่งมอบระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ พร้อมการจัดกิจกรรม นำพนักงานจิตอาสาทาสีรั้วและปลูกต้นไม้บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาล เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในด้านการอนุรักษ์พลังงาน สร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า อีกทั้ง ช่วยลดปัญหาก๊าซเรือนกระจก หรือ GHG (Greenhouse Gas) อีกด้วย
คุณบัณฑิต ธรรมประจำจิต รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่อาวุโส-ด้านการกลั่นและ ปิโตรเคมี บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งในหลายๆ โครงการ ที่แสดงถึงเจตนารมณ์ของกลุ่มไทยออยล์ ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยยกระดับด้านการสาธารณสุขของชุมชนด้วยพลังงานทดแทน เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของสังคมที่ดียิ่งขึ้น ตอกย้ำงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ภายใต้แนวคิด “Sustainable Energy for Health Care” ในการนำความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของพนักงานติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมกับระบบช่วยลดการใช้พลังงานให้กับโรงพยาบาลเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านกระแสไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาล ตลอดจนการลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการนำความรู้ด้านวิศวกรรมและพลังงานขององค์กร มาสร้างนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมและพัฒนาระบบสาธารณสุข”
ทันตแพทย์หญิงอานะสิทธิ์ ศัลยพงษ์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะสีชัง กล่าวว่า โรงพยาบาลเกาะสีชังเป็นโรงพยาบาลชุมชน ขนาด 30 เตียง เกาะสีชัง มีประชากรอาศัยจริงราว 3,500 คน มีประชากร แฝงกว่า 1,200 คน มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวพักผ่อนในช่วงเทศกาลและวันหยุด เฉลี่ย 400,000 คน/ปี โดยรายได้ของโรงพยาบาลฯ จะได้มาจากงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งคิดตามจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่จริง และมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าสาธารณูปโภค ค่าจ้างบุคลากร ซึ่งโรงพยาบาลฯ ก็พยายามใช้ให้พอดีกับงบประมาณที่ได้มา โครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ไทยออยล์และ GPSC มอบให้โรงพยาบาลฯ สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าต่อเดือนลงไปได้มาก ส่งผลให้โรงพยาบาลฯ สามารถนำเงินที่ประหยัดได้ไปจัดจ้างบุคลากรในตำแหน่งที่ขาดแคลนมาเพิ่ม เพื่อช่วยให้การบริการรักษาประชาชนทำได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การส่งมอบโครงการติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของทั้ง 2 องค์กร ที่ได้มีส่วน ร่วมในการพัฒนาด้านการสาธารณสุขของชุมชน ซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนให้ดียิ่งขึ้น และยังสอดคล้องกับเป้าหมายของทั้ง 2 องค์กร ที่ต้องการสร้างคุณค่าและเติบโตไปพร้อมๆ กับชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน