โชว์นวัตกรรม “Skan & Go” โปรแกรมล้ำรับมือโควิด-19 งานวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล “รู้พื้นที่เสี่ยง-รู้จุดเช็คอินสุดปลอดภัย” ภายใต้งบประมาณให้สถานพยาบาลของรัฐต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 (รอบที่ 2) สนับสนุนโดย กทปส. พร้อมหนุนการใช้งานฟรีทุกพื้นที่ทั่วไทย
“อินเทอร์เน็ต” เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนเป็นอย่างมาก ทั้งเพื่อการสื่อสาร ติดตามข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง รวมถึง การมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศในมิติต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา ในหลายประเทศได้นำอินเทอร์เน็ตไปประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ และแจ้งเตือนปัญหาที่เสี่ยงต่อการกระทบกับสุขภาพของผู้คนจำนวนมาก เช่น AirVisual แอปฯ สามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศทุกพื้นที่ทั่วโลก พร้อมแสดงค่าฝุ่นและควันในรูปแบบตัวเลขและเฉดสี เพื่อให้ผู้คนสามารถวางแผน และจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตัวได้อย่างทันท่วงที ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการจัดการกับโรคระบาดโควิด-19 ที่เรากำลังเผชิญอยู่
นายนิพนธ์ จงวิชิต ผู้อำนวยการ กองทุนวิจัยและพัฒนา กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า กทปส.ตระหนักถึงความสำคัญและมุ่งยกระดับการเข้าถึงสิ่งต่างๆ ของคนไทยในทุกมิติ ทั้งข้อมูลข่าวสารและทุกสิทธิประโยชน์พึงได้ ผ่านระบบสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย
นอกจากนี้ ยังมุ่งสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนางานวิจัยเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มเกิดขึ้นเป็นรอบที่ 2 การมีเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการติดตามอย่างรัดกุม ทั้งในกลุ่มผู้เสี่ยงติดเชื้อ ผู้ป่วยติดเชื้อ และติดตามอาการผู้ป่วยติดเชื้อซ้ำ จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาทางการแพทย์ และป้องกันการกระจายของโรคเป็นวงกว้าง ตลอดจนคลี่คลายสถานการณ์ให้อยู่ในภาวะปกติโดยเร็ว
ทั้งนี้ หนึ่งในงานวิจัยและนวัตกรรมที่ กทปส.ให้การสนับสนุน ภายใต้งบประมาณให้สถานพยาบาลของรัฐต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19 (รอบที่ 2) รวมมูลค่า 6.2 ล้านบาท จนเกิดเป็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม คือ “Skan & Go” จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โปรแกรมที่ช่วยเก็บเรคคอร์ดทุกจุดเช็คอิน เพียงสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) และไปต่อ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการติดตามประวัติการเดินทางของผู้ป่วยย้อนหลัง
นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป นำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ต่างๆ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดี กทปส.มุ่งเน้นผลักดันการพัฒนานวัตกรรมแห่งอนาคต ที่มีอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในการพัฒนา เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงองค์ความรู้หรือการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในภาคประชาชน
รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ศักยภาพและความเชี่ยวชาญของแพทย์ไทย รวมถึงสถานพยาบาลไทย นับเป็นมาตรฐานการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศอย่างไร้ข้อกังขา แต่ทว่า การติดตามและควบคุมโรคไม่ให้ขยายเป็นวงกว้าง ยังเป็นข้อจำกัดด้วยปัจจัยของการเกิดโรคอุบัติใหม่ ทีมวิจัยคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงทำการศึกษากรณีต่างประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างเช่น ประเทศจีน และเกาหลีใต้ พบว่า เป็นการหยิบยกเทคโนโลยี “Tracking and Tracing” มาประยุกต์ใช้ในสมาร์ทโฟน ในการบันทึกประวัติการเดินทางของประชากร เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบถึงประวัติการเดินทางย้อนหลังของผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น เพื่อให้รู้ว่า เดินทางไปที่ใดบ้าง และเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถบริหารจัดการเชิงพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรณีศึกษาดังกล่าว ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและถือกำเนิดโปรแกรม “Skan & Go” ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณกว่า 6 ล้านบาท ในการพัฒนางานวิจัยอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะจาก กทปส. โปรแกรมนี้ช่วยให้การบันทึกทุกจุดเช็คอินเป็นเรื่องง่าย เพียง “สแกนและไปต่อ” ที่มาพร้อมฟังก์ชันในการแสดงผลความเสี่ยงของพื้นที่นั้นๆ ใน 3 เฉดสี คือ “สีแดง” พื้นที่ติดเชื้อ “สีส้ม”พื้นที่เสี่ยงติดเชื้อและอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และ“สีเขียว”พื้นที่ปลอดภัย
อีกทั้ง ยังมาพร้อมความสามารถในการเช็คเอาท์อัตโนมัติ เมื่อเช็คอินโลเกชันใหม่ ทั้งนี้ ประวัติการเดินทางทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับในฐานข้อมูลกลาง แต่ในกรณีที่ผู้ใช้งานเช็คอินในที่เดียวกับผู้ป่วยโควิดจะได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อทำการตรวจหาเชื้อโควิดโดยละเอียด นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถดาวน์โหลดประวัติการเดินทางในรอบ 14 วันให้กับทีมแพทย์ได้ทันที เพื่อลดขั้นตอนการซักประวัติการเดินทาง รวมทั้งป้องกันการตกหล่นในการให้ข้อมูลของผู้ป่วย
ทั้งนี้ โปรแกรมดังกล่าว มุ่งประโยชน์แก่ผู้ใช้งานใน 4 กลุ่ม ได้แก่ “ประชาชนผู้ใช้งาน” จะได้ทราบถึงระดับความเสี่ยงของพื้นที่ปลายทางว่าอยู่ระดับใด “ผู้ประกอบการเจ้าของสถานที่” จะมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการปิดหรือเปิดสถานประกอบการ “บุคลากรทางการแพทย์” สามารถใช้ตรวจสอบประชาชนที่เข้ามาใช้บริการต่อผู้ป่วยในช่วงเวลานั้นๆ ว่าเป็นใครบ้าง พร้อมทำการส่งข้อความ SMS แจ้งเตือน เพื่อกลับเข้ามาตรวจหาความเสี่ยงติดเชื้อ และ “เจ้าหน้าที่ควบคุมโรค” สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยง เพื่อวางมาตรการในการทำความสะอาดพื้นที่ รวมถึงการนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าสู่กระบวนการตรวจวินิจฉัยโรค โดยโปรแกรมนี้นำร่องใช้จริงที่โรงพยาบาลศิริราชเรียบร้อยแล้ว โดยมีการติดตั้งจุดสแกน QR Code รวมกว่า 700 จุด ที่มีอัตราการรวมตัวของคนจำนวนมากโดยรอบโรงพยาบาล อาทิ ห้องบัตร ห้องตรวจ ห้องจ่ายยา
ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของกทปส. การพัฒนาโปรแกรม “Skan & Go” จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม สามารถนำไปปรับใช้ในบริบทต่างๆ ได้อย่างดี และตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้งานของผู้คนอย่างแท้จริง ปัจจุบันมีหน่วยงานหลายภาคส่วน รวมถึงภาคประชาชน ได้นำโปรแกรม “Skan & Go” ไปใช้ในพื้นที่ต่างๆ มากกว่า 1,000 จุดทั่วประเทศไทย โดยหากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถานประกอบการ รวมถึงประชาชนท่านใดที่สนใจ สามารถแจ้งความประสงค์มาได้ที่ คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โทรศัพท์ 02 419 7000 ในวันและเวลาราชการ เพื่อดำเนินการจัดหาเจ้าหน้าที่ในการอบรม และให้คำแนะนำการใช้งานโดยละเอียด