xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนผนึกพลังปั้น TRBN หนุนทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ดึงทุกภาคส่วนร่วมเครือข่ายสร้างความยั่งยืน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ภาคเอกชนผนึกกำลังผ่าน “เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย” (TRBN) ชู 3 พันธกิจ พร้อม 3 เป้าหมายหลัก กระตุ้นบริษัทจดทะเบียนไทยและบริษัทเอกชนทั่วไปทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ร่วมขับเคลื่อนประเทศในทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ดึงทุกภาคส่วนสร้างความแข็งแกร่ง สอดรับกระแสโลกและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)


ขณะนี้โลกและสังคมไทยกำลังอยู่ในจุดเปราะบางทางสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติชัดเจนและรุนแรงขึ้นทุกวัน ที่ผ่านมา อัตราการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้เป็นต้นทุนการผลิต อัตราและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การสร้างขยะ การปล่อยน้ำเสีย และการขาดการจัดการสิ่งเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โลกกำลังเดินเข้าสู่จุดวิกฤติ มีการใช้ทรัพยากรไปล่วงหน้า ต้องขอกู้จากอนาคตของลูกหลานมาใช้ แล้วพวกเขาจะอยู่กันอย่างไร เป็นเรื่องที่ถึงเวลาต้องคิดและทำอย่างจริงจัง

ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบในไม่ช้า เด็กรุ่นใหม่ต้องขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของชาติ แต่พบว่ามีความท้าทายและความเสี่ยงรออยู่มากมาย ทั้งสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิต ยาเสพติด โรคซึมเศร้า โดยข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ปี 2560 ระบุว่า อัตราป่วยเป็นโรคซึมเศร้าของวัยรุ่นไทย (อายุ 10-19 ปี) สูงถึง 18% หรือประมาณ 1 ล้านคน อัตราการฆ่าตัวตายระหว่างปี 2559-2560 ในไทย 50% มีสาเหตุมาจากโรคซึมเศร้า คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐศาสตร์กว่า 400 ล้านบาท นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะถดถอย และเผชิญกับ Disruption หรือ การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สิ่งเดิมๆ ต้องหยุดชะงัก หนี้เสียครัวเรือนสูงขึ้น คนขาดความรู้ทางการเงิน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยิ่งไปเพิ่มความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อทุกการขับเคลื่อนล้วนต้องการก้าวไปสู่ “การเติบโต” แต่โจทย์ใหญ่คือ จะทำอย่างไรให้ก้าวไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ภาคเอกชนไทยถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาโดยตลอด ขณะนี้ตลาดทุน นักลงทุน ตลอดจนผู้บริโภคไทยและทั่วโลกต่างตื่นตัวในเรื่องเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) จนกำลังกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ในการแข่งขันของภาคธุรกิจ ขณะที่องค์กรกำกับดูแลตลาดทุนและตลาดเงิน คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เล็งเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงนี้

จึงมีการประกาศให้บริษัทจดทะเบียนทั้งหมดจัดทำ “One Report” ซึ่งหนึ่งหัวข้อสำคัญ คือ การรายงาน ESG หรือ การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาล ภายในปี 2562 ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้สนับสนุนเรื่องการธนาคารเพื่อความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการดำเนินงานสำคัญในปี 2562 เช่น ผลักดันการออก "Sustainable Banking Guideline" เรื่อง "Responsible Lending" ของสมาคมธนาคารไทย เพื่อเป็นแนวปฏิบัติสำหรับภาคธนาคารในการให้สินเชื่ออย่าง มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ร่วมกับ 12 องค์กรในตลาดทุน พร้อมใจกันจัด "โครงการเสริมสร้างตลาดทุนธรรมาภิบาลเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก" เชิญชวนให้ร่วมประกาศตนเป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นการขับเคลื่อนตลาดทุนไทย สู่ความยั่งยืนตามบทบาทของแต่ละหน่วยงาน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ

ต่อมา "สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย" ได้ร่วมกับ 9 องค์กร อันประกอบด้วย 1. ธนาคารแห่งประเทศไทย 2. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 3. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) 4. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย 5. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) 6. สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย 7. สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม 8. SB ประเทศไทย 9. สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) จัดตั้ง "เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย" (Thailand Responsible Business Network : TRBN) เพื่อชักชวนบริษัทจดทะเบียนและบริษัทเอกชนทั่วไป รวมถึงภาคส่วนอื่นๆ ร่วมลงมือผนวกการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเป้าหมายขององค์กรและการประกอบการ และร่วมลงมือทำโครงการเพื่อส่วนรวมที่ตอบปัญหาและความต้องการในมิติต่างๆ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถวัดและรายงานผลได้เป็นรูปธรรม มีผลกระทบเชิงบวกเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ และสากล


พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดตัวเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network : TRBN) และปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “พลังภาคเอกชนจะร่วมสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมให้ประเทศไทยได้อย่างไร และภาครัฐพร้อมสนับสนุนอะไรบ้าง” โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2562 ณ ห้องคริสตัล บอลรูม ชั้น 3 โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก ถนนวิทยุ กรุงเทพมหานคร


พิธีเปิดตัวเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network : TRBN)

นางพิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย หรือ TRBN กล่าวว่า แม้ว่าธุรกิจจะมีกำไรมากเพียงใด แต่ถ้าสังคมและสิ่งแวดล้อมอยู่ไม่ได้ ธุรกิจก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ภาคธุรกิจเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศมาอย่างต่อเนื่อง มีทรัพยากรและองค์ความรู้ที่ดีที่สุดอยู่ในมือ สามารถช่วยนำการเปลี่ยนแปลงประเทศสู่ความยั่งยืนได้อย่างแน่นอน สภาพปัญหาตามความเป็นจริงและความกดดันจากตลาดทุน ตลาดเงิน และผู้บริโภคในวันนี้ ทำให้หลายบริษัทใหญ่ที่แข่งขันอยู่ในตลาดโลกตื่นตัวและนำการปรับเปลี่ยนทิศทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนไปก่อนแล้ว แต่ยังมีบริษัทขนาดกลางและเล็กอีกหลายบริษัทที่ยังไม่เริ่ม กำลังจะเริ่ม หรือทำไปบ้าง 

จึงนำมาสู่การจัดตั้ง "เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย" ภายใต้วิสัยทัศน์ขับเคลื่อนบริษัทจดทะเบียนและบริษัทเอกชนทั่วไปให้ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน มี 3 พันธกิจหลัก ดังนี้ 1. ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักความรู้ ความเข้าใจที่ตรงกัน และการแลกเปลี่ยนความคิดที่จะนำไปสู่การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 2. เชื่อมโยงทรัพยากร องค์ความรู้ เทคโนโลยี สนับสนุนงานวิจัย นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และ 3. เป็นพื้นที่กลางของความร่วมมือของภาคธุรกิจกับภาคส่วนอื่นๆ เพื่อการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อส่วนรวม

ขณะที่เป้าหมายในการดำเนินงานของ TRBN มุ่งไปที่ 3 ประเด็นหลัก โดยเป้าหมายแรกเป็นเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ (Low-carbon Emission) เน้นเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) เป้าหมายที่สอง คือ การเปิดโอกาสอย่างทั่วถึง (Inclusivity) เน้นเรื่องการบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า (Value-chain Management) และสิทธิมนุษยชนและการพัฒนามนุษย์ (Human Rights & Human Development) ส่วนเป้าหมายสุดท้าย เป็นเรื่องการมีธรรมาภิบาล (Good Governance) เน้นศีลธรรมความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ (Business Integrity) รวมถึงการลงทุนและการบริโภคอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment & Consumption)

“ถึงเวลาที่เราต้องเติบโตไปด้วยกัน ต้องมาร่วมขบวนช่วยกันพิสูจน์ให้เห็นว่าการประกอบธุรกิจที่มุ่งเป้า ESG ไปด้วย อาจมีต้นทุนเพิ่มบ้าง แต่ให้ผลดีในระยะยาว เป็นการบริหารความเสี่ยง สร้างความรู้สึกที่ดีและความเชื่อมั่นในแบรนด์ มีการศึกษาพบว่า ผลรายงาน ESG ที่สูงกับผลประกอบการที่สูงสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญด้วย บริษัทตลาดหลักทรัพย์ มีซัพพลายเชนที่เป็น เอสเอ็มอีจำนวนมากที่เป็นพาร์ทเนอร์ คู่ค้า มีคนงานเกี่ยวเนื่องกันมากมาย หากมาร่วมกันแบ่งปันข้อมูลกันก็จะยิ่งเกิดความเข้มแข็งของภาคธุรกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในวงกว้าง” นางพิมพรรณ กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น