xs
xsm
sm
md
lg

ส่องกล้อง “เอสซีจี” แชมป์โลกปีที่ 5 จาก DJSI เดินหน้าต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนถึงปลายน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอสซีจี รั้งที่ 1 ของโลกด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สาขาอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ประจำปี 2558 ซึ่งได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และอยู่ในระดับ Gold Class ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 จาก DJSI ล่าสุดต่อยอดสู่ปลายน้ำโดยสนับสนุนทุกภาคส่วนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนในอาเซียน จัดงาน SCG Innovative Exposition 2015 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 พฤศจิกายน 2558 ณ เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ โดยนำเสนอ “นวัตกรรมใส่ใจและสร้างสรรค์ เพื่อทุกวันที่ยั่งยืน”
กลุ่มเอสซีจีดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปด้วยกัน ส่งผลให้เอสซีจีได้รับการประเมินและจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนจาก Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI ให้เป็นที่ 1 ของโลก ในสาขาอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) ประจำปี 2558 นับเป็นการได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ตั้งแต่ปี 2554 - 2558 และอยู่ในระดับ Gold Class ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ตั้งแต่ปี 2551 - 2558
งานวิจัยและพัฒนา เป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรม
ศูนย์ฝึกปฏิบัติ โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ สร้างจิตสำนึกในการขับขี่ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน
ชูคนเอสซีจี เอาจริง SD
กานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทของพนักงานที่นำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development - SD) มาเป็นกรอบแนวทางการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพ ชาวเอสซีจีมีความยินดีที่แนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เอสซีจียึดถือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับการประเมินและจัดอันดับในดัชนีวัดประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนจาก DJSI เป็นที่ 1 ของโลก ในสาขาอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง
DJSI นั้นเป็นดัชนีหลักทรัพย์ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก ซึ่งกองทุนต่าง ๆ จากทั่วโลกใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุน ด้วยเชื่อมั่นว่าบริษัทที่อยู่ใน DJSI จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน
กานต์ กล่าวว่าจากนี้ไปบทบาทของเอสซีจีจะมุ่งเน้นการขยายเครือข่ายโดยสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ นำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เริ่มจากองค์กรหรือหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอสซีจี ทั้งในส่วนต้นน้ำ คือ คู่ธุรกิจ (Suppliers and Contractors) ไปจนถึงปลายน้ำ คือ ลูกค้าและคู่ค้า โดยให้คำแนะนำและช่วยเหลือเพื่อยกระดับการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน
“ส่วนองค์กรอื่นๆ เอสซีจีมุ่งให้ความรู้และส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างจริงจัง เพื่อร่วมกันสร้างเครือข่ายสังคมที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่บนหลักอุดมการณ์ 4 และการให้ความสำคัญกับบุคลากรซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงสุด โดยเอสซีจีได้ยึดถือมาตลอดระยะเวลากว่า 100 ปีที่ดำเนินธุรกิจ”
การอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างอุตสาหกรรมกับธรรมชาติ
เสริมสร้างผู้มีส่วนได้เสียเข้าสู่แนวทาง SD ต่อเนื่อง
ด้าน ชลณัฐ ญาณารณพ ประธานคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี กล่าวเสริมว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เอสซีจีรักษาความเป็นผู้นำในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ไว้ได้ คือ การดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างประโยชน์สูงสุดต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่มีการดำเนินงานจัดการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management) อย่างต่อเนื่อง ด้านสังคมที่มีความทุ่มเทและมุ่งสร้างคุณค่าให้กับสังคมและชุมชนรอบโรงงานได้อย่างยั่งยืน (Corporate Citizenship and Philanthropy) และด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีแนวทางการดำเนินงานด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
สำหรับโครงการเด่นเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เอสซีจีทำและเห็นผลเป็นรูปธรรมในปีที่ผ่านมา เช่น การเปิดศูนย์ฝึกปฏิบัติ โรงเรียนทักษะพิพัฒน์ (Skills Development School) เพื่อสร้างพนักงานขับรถขนส่งคุณภาพ ด้วยการฝึกอบรมเพิ่มทักษะความรู้และความชำนาญในวิชาชีพอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงสร้างจิตสำนึกเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งจะนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืน ถือเป็นการดูแลทั้งสวัสดิภาพพนักงานและคู่ธุรกิจเอสซีจี และยกระดับมาตรฐานการขนส่งสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เราก็ยังขยายผลโครงการนี้ไปสู่อาเซียน ด้วยการส่งทีมครูฝึกไปอบรมให้แก่พนักงานขับรถในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โรงงานน้ำตาลมิตรลาว ประเทศลาว โรงงานผลิตปูนซีเมนต์ บริษัท กัมปอตซิเมนต์ จำกัด ประเทศกัมพูชา เพื่อส่งเสริมและยกระดับให้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถหยั่งรากลึกลงในสังคมอาเซียนของเราได้อย่างแท้จริง
เทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าจากความร้อนเหลือทิ้ง (Waste Heat Power Generation - WHG)
พนักงานเอสซีจีร่วมกันสร้างฝายชะลอน้ำในโครงการ SCG  รักษ์น้ำ เพื่ออนาคต
หนุนขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีกรีน
ชลณัฐ กล่าวว่าการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องลงทุนในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ซึ่งการใช้เทคโนโลยีที่พิจารณาแต่ด้านราคา หรือความคุ้มค่าการลงทุนเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ เอสซีจีเชื่อเช่นนั้นจึงได้เร่งพัฒนาบุคลากรที่จะเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการที่สามารถเข้าใจและนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Innovation and Technology) มาปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถพัฒนาและต่อยอดการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ต่อไปได้อีก และยังส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอด Green Technology บนค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงสามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างยั่งยืน
“ชาวเอสซีจีไม่เคยหยุดคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น ที่ผ่านมาเราออกแบบนวัตกรรมทำเหมืองรูปแบบใหม่ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ลำปาง) จำกัด ที่เรียกว่า Semi Open Cut เป็นการผสมผสานระหว่างการทำเหมืองแบบ Open Cut (การตัดยอด) และ Open Pit (การขุดตัก) โดยจะมีการเว้นพื้นที่ขอบแนวประทานบัตร เพื่อเป็นพื้นที่สีเขียวตลอดแนวขอบเหมือง ผลลัพธ์คือเราสามารถพลิกฟื้นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมบริเวณรอบโรงงานให้ดีขึ้นได้ ทำให้หน่วยงานราชการสนใจนำโมเดลนี้ไปพัฒนาต่อยอด และนำไปสู่การสร้างมาตรฐานใหม่ในการทำเหมืองให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยที่ด้านเศรษฐกิจก็ยังสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ซึ่งตรงตามหลักการของ SD” ชลณัฐ กล่าว
นอกจากนี้ เรายังคิดค้นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่เปลี่ยนไปอีกด้วย เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่สะอาด ปลอดภัย ย่อยสลายได้รวดเร็ว และมีกระบวนการผลิตที่รักษ์โลก ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั้งในแง่ของประโยชน์ใช้สอย และในแง่ของคุณค่าและความภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าที่ผลิตโดยนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

งาน SCG Innovative Exposition 2015
ตอบโจทย์แนวทาง SD สู่ปลายน้ำ
ในฐานะองค์กรต้นแบบที่มุ่งผลักดันการสร้างเครือข่ายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอาเซียนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เอสซีจี ได้จัดงาน SCG Innovative Exposition 2015 เพื่อนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างสรรค์บนพื้นฐานของความใส่ใจ ในแนวคิด Innovation that Cares “นวัตกรรมใส่ใจและสร้างสรรค์ เพื่อทุกวันที่ยั่งยืน” ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 พฤศจิกายน 2558 ณ เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ (เลียบทางด่วนเอกมัย - รามอินทรา)
นอกจากจัดงานนี้ ยังเตรียมจัดเวทีระดับสากล ‘Innovation for Sustainability’ ภายใต้แนวคิด The Power of Collaboration สำหรับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรที่มีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์ ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะได้รับฟังมุมมอง แนวคิดของการนำหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาผสมผสานกับการใช้นวัตกรรมจากผู้บริหารระดับโลก ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ณ คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น