การเพิ่มโอกาสในธุรกิจการค้าระดับโลกด้วยการใช้ “ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ” เป็นที่สนใจมากขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมไทย เพราะฉลากจะบ่งชี้ว่า ผลิตภัณฑ์และองค์กรผ่านเกณฑ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาแล้วซึ่งเป็นความต้องการของตลาดโลกมากขึ้นในเรื่อง Green Supply Chain
เมื่อเร็วๆ นี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ได้จัดสัมมนาเรื่อง “ การจัดทำแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศ ( Best Practices ) เพื่อ Green Supply Chain ของอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการส่งออก
รศ.ดร.ธำรงรัตน์ มุ่งเจริญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้อำนวยการโปรแกรมสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน และ ประธานคลัสเตอร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม สำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า ความไม่ยั่งยืนและปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ นับวันยิ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง สืบเนื่องจากปัญหาของภาวะโลกร้อนและจะส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิตด้วยในกรณีที่ผู้ผลิตไม่มีการแก้ไขปัญหาความเข้มข้นของก๊าซ CO2
ฉลาก Carbon footprint เป็นนวัตกรรมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาวะโลกร้อนที่นานาประเทศทั่วโลกต้องการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยให้ผู้ผลิตสินค้ามีการพัฒนาปรับปรุงกระบวนการผลิตสินค้าที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการลดภาวะโลกร้อนผ่านการเลือกซื้อสินค้าที่มี “ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ” เป็นเครื่องยืนยันมาตรฐาน
“อีก 2 ปี ในการก้าวเข้าสู่ประเทศเศรษฐกิจอาเซียน ไทยก็จะต้องมีการประกาศลดการใช้ก๊าซคาร์บอนอย่างเข้มงวด เพราะประเทศอื่นๆ ส่วนมากได้ออกกฎหมายลดการใช้ก๊าซคาร์บอนอย่างเป็นทางการไปแล้ว คงเหลือประเทศไทย และพม่าที่ยังไม่ออกกฎหมายลดใช้ก๊าซคาร์บอนอย่างจริงจัง”
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่จะได้รับการติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ต้องลดก๊าซคาร์บอนลง 4.24% ในระยะเวลา 3 ปี ตามมาตรฐานของฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์
สำหรับโครงการส่งเสริมการจัดทำคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับองค์กรในภาคอุตสาหกรรม ปี 2555 -2556 นี้ ได้รับความร่วมมือจากสถาบันสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมฯ ทำหน้าที่ดำเนินโครงการ โดยมีโรงงานอุตสาหกรรมเข้าร่วมเป็นองค์กรนำร่อง 25 แห่ง เพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจาก กิจกรรมต่างๆ ทั้งการผลิตและการบริการขององค์กร อันจะเป็นการช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการและธุรกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ประโยชน์ของฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์
ผู้ผลิต > เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก, เตรียมความพร้อมให้กับสินค้าหากมีการร้องขอค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากผู้ซื้อต่างประเทศ, นำผลการคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ไปใช้ประกอบการวางแผนการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลตอบแทนได้ในระยะยาว, ส่งเสริมการตลาดและเสริมสร้างภาพภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร
ผู้บริโภค> ได้มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการเลือกซื้อสินค้าที่ติดฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์
