เห็นชื่อปกหนังสือ “ เหนือกว่ากำไร : ศาสตร์ผู้นำยุคโลกป่วน “ น่าจะยั่วความสงสัยใคร่รู้ให้กับท่านผู้อ่านพอสมควร
แน่นอนครับ “กำไร” คงเป็นเป้าหมายปลายทางของการดำเนินธุรกิจ หรือการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสังคมโดยทั่วไป ย่อมต้องการผลตอบ แทนจากการลงทุน โดยหวังให้มีรายรับมากกว่าต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย ที่เรียกว่า “กำไร”
แต่โลกธุรกิจทุกวันนี้ ไม่ได้เคลื่อนตัวเป็นสมการชั้นเดียวแบบยุคก่อน จึงมีผู้คนในสังคมและหลายธุรกิจธุรกิจโดนผลกระทบจากความไม่แน่นอน และเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี รวมทั้งภัยธรรมชาติและโรคระบาด อย่างเข้มข้นรวดเร็วมากขึ้น
จึงมีการแสวงหา “ความสมดุลใหม่” และมีแนวคิดคาดหวังให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในวงการธุรกิจชั้นนำ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องตอบโจทย์นักลงทุนในกระแสโลก
จะเห็นได้ว่าเป้าหมาย ยอดขายสูงสุด ส่วนแบ่งตลาดสูงสุด เพื่อสร้างกำไรสูงสุดนั้น เป็นแนวคิดการบริหารแบบเก่า ที่มุ่ง “กอบโกย” ต่อมาได้พัฒนาวิธีคิดที่ “เกื้อกูล” ต่อสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลลัพธ์ 3 มิติ หรือ Triple Bottom Line ที่สมดุล 3 ด้าน ได้แก่
Profit กำไร (เศรษฐกิจ)
People คน (สังคม)
Planet โลก (สิ่งแวดล้อม)
เมื่อโลกปัจจุบันมีปัจจัยต่าง ๆ ที่สร้างผลกระทบถึงขั้นวิกฤตหลายด้าน (Polycrisis) โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกรวน (Climate Change) ที่รุนแรงขึ้น เกิดบ่อยขึ้น ในหลายภูมิภาคของโลก ที่เผชิญปัญหาทั้ง น้ำท่วมใหญ่ แผ่นดินไหว อากาศหนาวจัด ร้อนจัด แล้งจัด และฤดูกาลผิดเพี้ยนไปจากเดิม
แต่ที่ต้องตระหนักรู้เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาที่สาเหตุ อย่างตรงจุด ก็คือ มนุษย์มีส่วนสำคัญในการซ้ำเติมสาเหตุของสถานการณ์ เพราะปล่อยให้กระบวนการผลิตมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ลดไม่หยุด จึงทำไม่ได้ตามเป้าที่จะคุมอุณหภูมิของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นถึง 1.5 องศา ภาวะ “โลกร้อน” จึงอาการหนัก ถึงขั้นเลขาธิการสหประชาชาติระบุว่าตอนนี้โลกเราได้เข้าสู่ภาวะ “โลกเดือด” แล้ว
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถึงขั้นวิกฤต อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเป็นผลให้น้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ละลายมากขึ้น กลายเป็นปริมาณน้ำมหาศาล ส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ แผ่นดินไหวรุนแรง สร้างความเสียหายอย่างมากมายต่อชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่ภัยพิบัติยังส่งผลกระทบต่อสภาพการดำรงอยู่ของพันธุ์พืชและสัตว์ ถึงขั้นทำลายสายพันธุ์ จำนวนมาก และได้กลายเป็นปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์ที่จะรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ยังซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่จบสิ้น ซ้ำยังมีการกลายพันธุ์ให้เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขต่อเนื่อง ก็ล้วนเป็น การเพิ่มระดับผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการดำเนินงนภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องปรับแนวคิดและวิธีการทำงานในมิติใหม่เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม
การดำเนินธุรกิจในแนวทาง ESG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SD (Sustainable Development) ที่เริ่มจากการสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับวงการตลาดทุน ที่นักลงทุนสถาบัน ใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา คัดเลือกกิจการที่เหมาะจะลงทุน เพื่อลดความเสี่ยง และหวังผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว
ปัจจุบันวงการธุรกิจชั้นนำในกระแสโลกและในเมืองไทยต่างก็ยอมรับแนวทางนี้ และมีการเผยแพร่ความรู้และจัดการอบรม เพื่อนำไปใช้ ในกลยุทธ์การบริหารเพื่อความยั่งยืนอย่างกว้างขวาง
ดังเช่น บทบาทของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจในแนวทาง ESG และต้องจัดทำรายงานความยั่งยืนเป็นประจำปี เพื่อสื่อสารแผนและผลลัพธ์การบริหารตามหลักธรรมาภิบาล (Governance) รับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Sosial / Stakeholder) และ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental)
กิจการที่ยึดมั่นในแนวทาง ESG ก็จะลดความเสี่ยง เพราะไม่ทำผิดกฎหมาย และไม่ถูกต่อต้านจากสังคม ไม่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม ไม่ทุจริต ไม่สนับสนุนคอรัปชั่น ไม่หนีภาษี ไม่หลอกลวงผู้บริโภค ดังนั้นใครๆ ก็อยากคบ-ค้า-สนับสนุนในกิจการที่มีคุณสมบัติ ESG เพราะมีโอกาสเป็นองค์กร 100 ปี
อย่างไรก็ตาม การดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจในยุคนี้ ก็อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมและปัจจัยที่สร้างผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงทั้งทางบวกและทางลบ เทคโนโลยียุคดิจิทัลนับเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ใช้เป็นและปรับตัวทัน ทั้งด้านผู้ประกอบการธุรกิจ และด้านผู้บริโภค แต่ถ้าปรับตัวไม่ทันก็ตกยุค และโดน Disrupt
ขณะที่เราเผชิญสถานการณ์โรครวน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จนมีการทบทวนอย่างมีสติปัญญาและเกิดแนวคิดว่า
“ความสำเร็จ” จะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับการดำเนินชีวิตและการงานในโลกยุคจากนี้ไป และคนที่นับว่าสำเร็จในหลายวงการ ก็ได้ข้อคิดบทเรียน จนถามหาความสมดุลและ “ความสุข”
คนที่อยากได้ทั้ง 2 อย่าง ก็มักมีคำถามว่า “ความสุขกับความสำเร็จจะเกิดคู่กันไปได้ไหม ?” เพราะไม่อยากรอให้สำเร็จแล้วค่อยมีความสุข
เนื้อหาหนังสือ “เหนือกว่ากำไร” เล่มนี้จึงเหมาะที่จะเป็นคำตอบและและทางออก สำหรับสถานการณ์ยุคปัจจุบัน ที่คนจำนวนมากทุกข์ร้อน อยู่ในภาวะโลกรวน จนชีวิตรวนไปด้วย ทั้งๆ ที่ต้องการใช้ชีวิตและทำอาชีพการงานอย่างอยู่ดีมีสุข แบบ “Well-Being”
คนที่เห็นชื่ออาจารย์กฤษณ์ รุยาพร คงคุ้นกับแนวคิดการสร้างผู้นำ แบบได้ใจและได้งานที่ดี จากคนร่วมงานในทีม
หนังสือเล่มนี้จึงออกมาในจังหวะเหมาะที่กระแสโลกธุรกิจ กำลังหาทางออกจากภาวะที่มี “ผลพลอยเสีย” จากการทุ่มเททำงานที่มุ่งให้สำเร็จตามเป้าหมายทางธุรกิจ ขณะที่สร้างผลเสียต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งบั่นทอนสุขภาพกายและใจของคนทำงาน
เนื้อหาที่ให้ทั้งความรู้ ความคิดและแนวปฏิบัติ จากเนื้อหา 25 บท จัดแบ่งเป็น 3 ภาคได้แก่
● เพราะไม่ “สมดุล”จึง “ไม่ยั่งยืน”
● บันได 5 ขั้น เติมพลังชีวิต
● เหนือกว่ากำไร คือ ความยั่งยืน
● กรณีศึกษา สมดุลวิถีใหม่ ดีต่อใจ ดีต่อเรา ดีต่อโลก
บทเรียนองค์กร กับเป้าหมายที่ยั่งยืนถึง 200 ปี
หนังสือเล่มนี้ผมได้ตรวจต้นฉบับอย่างละเอียดทั้งเล่มในฐานะบรรณาธิการ ก็อยากยืนยันว่าคุณค่าเนื้อหาโดยรวม นับว่าเป็นนวัตกรรมทางความคิดสำหรับการพัฒนาคนและพัฒนาองค์กรในมิติใหม่ ที่สามารถทำให้เกิด”ฮอร์โมนความสุข” ที่ต่อยอดจากการได้พบ”รากแก้วความสุข” จึงสามารถเกิดความสุขอย่างยั่งยืนในทีมงาน และสั่งสมจนเป็นวัฒนธรรมขององค์กรยุคใหม่ ที่น่าชื่นชม
แรงบันดาลใจจากข้อมูลหนังสือ
เหนือกว่ากำไร ศาสตร์นำยุคโลกป่วน
ผู้เขียน : กฤษณ์ รุยาพร , สุภาวดี รุยาพร
บรรณาธิการ : ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล
สำนักพิมพ์ บ้านพระอาทิตย์
ถามรายละเอียด 082-782-8353
แนะนำหนังสือ
พูดแบบไหน สะกดใจคน(ฟัง)
ผู้เขียน : RHEE DONGWOO
ผู้แปล : สุมาลี สูนจันทร์
สำนักพิมพ์ : เชนจ์พลัส
ราคา 220 บาท
เทคนิคการพูดจับประเด็นให้ฟังเข้าใจง่าย การันตีโดยชาวออฟฟิศกว่า 500,000 คน ผลงานโดย "Rhee Dongwoo" กูรูทฤษฎีสรุปความ เจ้าของรายการฮิต "อ่าน 10 นาทีกับ Rhee Dongwoo" อันดับ 1 คลิปเสียงหมวดธุรกิจ 3 ปีซ้อน บนแพลตฟอร์มยอดนิยม Naver ที่จะทำให้คุณสรุปเนื้อหาเก่งและพูดโดนใจคนฟัง!!
Money 101
ผู้เขียน : จักรพงษ์ เมษพันธุ์ (โค้ชหนุ่ม)
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ด
ราคา 295 บาท
รวบรวมหลักคิดและวิธีการบริหารเงิน รวมไปถึงวิธีวางแผนการเงินส่วนบุคคล ที่โค้ชใช้สอนและบรรยายให้กับผู้คนหลายหมื่นคนมาตลอด 14 ปี กลั่นเป็นเนื้อหาที่อ่านง่าย เป็นขั้นเป็นตอน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาเรื่องการเงินทุกคน
365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ
ผู้เขียน : โอโช
ผู้แปล : กำธร เก่งสกุล
สำนักพิมพ์ : แสงดาว
ราคา 560 บาท
หนังสือเล่มนี้เป็นคัมภีร์ทางด้านจิตวิญญาณที่่ควรค่าแก่การศึกษา จะทำให้คุณ เข้าใจว่า การปฏิบัติสมาธิไม่ใช่หมายถึงเพียงแค่การนั่งหลับตา แล้วท่องคํา ภาวนาไปเรื่อย ๆ หากทว่าสมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ในทุกปัจจุบันขณะ ด้วยความ ตื่นรู้ เข้าใจ และสว่างใสเป็นนิรันดร์ อันเกิดจากความเข้าใจโดยถ่องแท้ที่ได้ จากการพิจารณาใคร่ครวญจนเข้าใจลึกซึ้งถึงความจริง
คุณคางคกไปพบนักจิตบำบัด
ผู้เขียน : Robert de Board
ผู้แปล : อรดา ลีลานุช
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ราคา 265 บาท
นี่คือหนังสือจิตวิทยาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าในรูปแบบงานวรรณกรรม บอกเล่ากระบวนการจิตบำบัดสำหรับผู้ป่วยซึมเศร้า ผ่านตัวละครที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่นอย่างคางคก ผู้อ่านจะได้เห็นพัฒนาการความฉลาดทางอารมณ์ของนายคางคกระหว่างการทำจิตบำบัด และยังได้เห็นมิตรภาพรวมทั้งสิ่งที่คนรอบข้างพึงปฏิบัติต่อผู้ป่วยผ่านผองเพื่อนอย่าง หนู ตัวตุ่น และแบดเจอร์
แน่นอนครับ “กำไร” คงเป็นเป้าหมายปลายทางของการดำเนินธุรกิจ หรือการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสังคมโดยทั่วไป ย่อมต้องการผลตอบ แทนจากการลงทุน โดยหวังให้มีรายรับมากกว่าต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย ที่เรียกว่า “กำไร”
แต่โลกธุรกิจทุกวันนี้ ไม่ได้เคลื่อนตัวเป็นสมการชั้นเดียวแบบยุคก่อน จึงมีผู้คนในสังคมและหลายธุรกิจธุรกิจโดนผลกระทบจากความไม่แน่นอน และเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี รวมทั้งภัยธรรมชาติและโรคระบาด อย่างเข้มข้นรวดเร็วมากขึ้น
จึงมีการแสวงหา “ความสมดุลใหม่” และมีแนวคิดคาดหวังให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในวงการธุรกิจชั้นนำ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องตอบโจทย์นักลงทุนในกระแสโลก
จะเห็นได้ว่าเป้าหมาย ยอดขายสูงสุด ส่วนแบ่งตลาดสูงสุด เพื่อสร้างกำไรสูงสุดนั้น เป็นแนวคิดการบริหารแบบเก่า ที่มุ่ง “กอบโกย” ต่อมาได้พัฒนาวิธีคิดที่ “เกื้อกูล” ต่อสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลลัพธ์ 3 มิติ หรือ Triple Bottom Line ที่สมดุล 3 ด้าน ได้แก่
Profit กำไร (เศรษฐกิจ)
People คน (สังคม)
Planet โลก (สิ่งแวดล้อม)
เมื่อโลกปัจจุบันมีปัจจัยต่าง ๆ ที่สร้างผลกระทบถึงขั้นวิกฤตหลายด้าน (Polycrisis) โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกรวน (Climate Change) ที่รุนแรงขึ้น เกิดบ่อยขึ้น ในหลายภูมิภาคของโลก ที่เผชิญปัญหาทั้ง น้ำท่วมใหญ่ แผ่นดินไหว อากาศหนาวจัด ร้อนจัด แล้งจัด และฤดูกาลผิดเพี้ยนไปจากเดิม
แต่ที่ต้องตระหนักรู้เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาที่สาเหตุ อย่างตรงจุด ก็คือ มนุษย์มีส่วนสำคัญในการซ้ำเติมสาเหตุของสถานการณ์ เพราะปล่อยให้กระบวนการผลิตมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ลดไม่หยุด จึงทำไม่ได้ตามเป้าที่จะคุมอุณหภูมิของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นถึง 1.5 องศา ภาวะ “โลกร้อน” จึงอาการหนัก ถึงขั้นเลขาธิการสหประชาชาติระบุว่าตอนนี้โลกเราได้เข้าสู่ภาวะ “โลกเดือด” แล้ว
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศถึงขั้นวิกฤต อุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเป็นผลให้น้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ละลายมากขึ้น กลายเป็นปริมาณน้ำมหาศาล ส่งผลต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ แผ่นดินไหวรุนแรง สร้างความเสียหายอย่างมากมายต่อชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่ภัยพิบัติยังส่งผลกระทบต่อสภาพการดำรงอยู่ของพันธุ์พืชและสัตว์ ถึงขั้นทำลายสายพันธุ์ จำนวนมาก และได้กลายเป็นปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์ที่จะรุนแรงมากขึ้น
นอกจากนี้ยังซ้ำเติมด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่จบสิ้น ซ้ำยังมีการกลายพันธุ์ให้เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขต่อเนื่อง ก็ล้วนเป็น การเพิ่มระดับผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการดำเนินงนภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องปรับแนวคิดและวิธีการทำงานในมิติใหม่เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม
การดำเนินธุรกิจในแนวทาง ESG เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SD (Sustainable Development) ที่เริ่มจากการสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับวงการตลาดทุน ที่นักลงทุนสถาบัน ใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา คัดเลือกกิจการที่เหมาะจะลงทุน เพื่อลดความเสี่ยง และหวังผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว
ปัจจุบันวงการธุรกิจชั้นนำในกระแสโลกและในเมืองไทยต่างก็ยอมรับแนวทางนี้ และมีการเผยแพร่ความรู้และจัดการอบรม เพื่อนำไปใช้ ในกลยุทธ์การบริหารเพื่อความยั่งยืนอย่างกว้างขวาง
ดังเช่น บทบาทของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจในแนวทาง ESG และต้องจัดทำรายงานความยั่งยืนเป็นประจำปี เพื่อสื่อสารแผนและผลลัพธ์การบริหารตามหลักธรรมาภิบาล (Governance) รับผิดชอบต่อสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Sosial / Stakeholder) และ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental)
กิจการที่ยึดมั่นในแนวทาง ESG ก็จะลดความเสี่ยง เพราะไม่ทำผิดกฎหมาย และไม่ถูกต่อต้านจากสังคม ไม่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม ไม่ทุจริต ไม่สนับสนุนคอรัปชั่น ไม่หนีภาษี ไม่หลอกลวงผู้บริโภค ดังนั้นใครๆ ก็อยากคบ-ค้า-สนับสนุนในกิจการที่มีคุณสมบัติ ESG เพราะมีโอกาสเป็นองค์กร 100 ปี
อย่างไรก็ตาม การดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจในยุคนี้ ก็อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมและปัจจัยที่สร้างผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงทั้งทางบวกและทางลบ เทคโนโลยียุคดิจิทัลนับเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ใช้เป็นและปรับตัวทัน ทั้งด้านผู้ประกอบการธุรกิจ และด้านผู้บริโภค แต่ถ้าปรับตัวไม่ทันก็ตกยุค และโดน Disrupt
ขณะที่เราเผชิญสถานการณ์โรครวน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จนมีการทบทวนอย่างมีสติปัญญาและเกิดแนวคิดว่า
“ความสำเร็จ” จะไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับการดำเนินชีวิตและการงานในโลกยุคจากนี้ไป และคนที่นับว่าสำเร็จในหลายวงการ ก็ได้ข้อคิดบทเรียน จนถามหาความสมดุลและ “ความสุข”
คนที่อยากได้ทั้ง 2 อย่าง ก็มักมีคำถามว่า “ความสุขกับความสำเร็จจะเกิดคู่กันไปได้ไหม ?” เพราะไม่อยากรอให้สำเร็จแล้วค่อยมีความสุข
เนื้อหาหนังสือ “เหนือกว่ากำไร” เล่มนี้จึงเหมาะที่จะเป็นคำตอบและและทางออก สำหรับสถานการณ์ยุคปัจจุบัน ที่คนจำนวนมากทุกข์ร้อน อยู่ในภาวะโลกรวน จนชีวิตรวนไปด้วย ทั้งๆ ที่ต้องการใช้ชีวิตและทำอาชีพการงานอย่างอยู่ดีมีสุข แบบ “Well-Being”
คนที่เห็นชื่ออาจารย์กฤษณ์ รุยาพร คงคุ้นกับแนวคิดการสร้างผู้นำ แบบได้ใจและได้งานที่ดี จากคนร่วมงานในทีม
หนังสือเล่มนี้จึงออกมาในจังหวะเหมาะที่กระแสโลกธุรกิจ กำลังหาทางออกจากภาวะที่มี “ผลพลอยเสีย” จากการทุ่มเททำงานที่มุ่งให้สำเร็จตามเป้าหมายทางธุรกิจ ขณะที่สร้างผลเสียต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งบั่นทอนสุขภาพกายและใจของคนทำงาน
เนื้อหาที่ให้ทั้งความรู้ ความคิดและแนวปฏิบัติ จากเนื้อหา 25 บท จัดแบ่งเป็น 3 ภาคได้แก่
● เพราะไม่ “สมดุล”จึง “ไม่ยั่งยืน”
● บันได 5 ขั้น เติมพลังชีวิต
● เหนือกว่ากำไร คือ ความยั่งยืน
● กรณีศึกษา สมดุลวิถีใหม่ ดีต่อใจ ดีต่อเรา ดีต่อโลก
บทเรียนองค์กร กับเป้าหมายที่ยั่งยืนถึง 200 ปี
หนังสือเล่มนี้ผมได้ตรวจต้นฉบับอย่างละเอียดทั้งเล่มในฐานะบรรณาธิการ ก็อยากยืนยันว่าคุณค่าเนื้อหาโดยรวม นับว่าเป็นนวัตกรรมทางความคิดสำหรับการพัฒนาคนและพัฒนาองค์กรในมิติใหม่ ที่สามารถทำให้เกิด”ฮอร์โมนความสุข” ที่ต่อยอดจากการได้พบ”รากแก้วความสุข” จึงสามารถเกิดความสุขอย่างยั่งยืนในทีมงาน และสั่งสมจนเป็นวัฒนธรรมขององค์กรยุคใหม่ ที่น่าชื่นชม
แรงบันดาลใจจากข้อมูลหนังสือ
เหนือกว่ากำไร ศาสตร์นำยุคโลกป่วน
ผู้เขียน : กฤษณ์ รุยาพร , สุภาวดี รุยาพร
บรรณาธิการ : ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล
สำนักพิมพ์ บ้านพระอาทิตย์
ถามรายละเอียด 082-782-8353
แนะนำหนังสือ
พูดแบบไหน สะกดใจคน(ฟัง)
ผู้เขียน : RHEE DONGWOO
ผู้แปล : สุมาลี สูนจันทร์
สำนักพิมพ์ : เชนจ์พลัส
ราคา 220 บาท
เทคนิคการพูดจับประเด็นให้ฟังเข้าใจง่าย การันตีโดยชาวออฟฟิศกว่า 500,000 คน ผลงานโดย "Rhee Dongwoo" กูรูทฤษฎีสรุปความ เจ้าของรายการฮิต "อ่าน 10 นาทีกับ Rhee Dongwoo" อันดับ 1 คลิปเสียงหมวดธุรกิจ 3 ปีซ้อน บนแพลตฟอร์มยอดนิยม Naver ที่จะทำให้คุณสรุปเนื้อหาเก่งและพูดโดนใจคนฟัง!!
Money 101
ผู้เขียน : จักรพงษ์ เมษพันธุ์ (โค้ชหนุ่ม)
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ด
ราคา 295 บาท
รวบรวมหลักคิดและวิธีการบริหารเงิน รวมไปถึงวิธีวางแผนการเงินส่วนบุคคล ที่โค้ชใช้สอนและบรรยายให้กับผู้คนหลายหมื่นคนมาตลอด 14 ปี กลั่นเป็นเนื้อหาที่อ่านง่าย เป็นขั้นเป็นตอน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นศึกษาเรื่องการเงินทุกคน
365 วัน มหัศจรรย์สมาธิ
ผู้เขียน : โอโช
ผู้แปล : กำธร เก่งสกุล
สำนักพิมพ์ : แสงดาว
ราคา 560 บาท
หนังสือเล่มนี้เป็นคัมภีร์ทางด้านจิตวิญญาณที่่ควรค่าแก่การศึกษา จะทำให้คุณ เข้าใจว่า การปฏิบัติสมาธิไม่ใช่หมายถึงเพียงแค่การนั่งหลับตา แล้วท่องคํา ภาวนาไปเรื่อย ๆ หากทว่าสมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ในทุกปัจจุบันขณะ ด้วยความ ตื่นรู้ เข้าใจ และสว่างใสเป็นนิรันดร์ อันเกิดจากความเข้าใจโดยถ่องแท้ที่ได้ จากการพิจารณาใคร่ครวญจนเข้าใจลึกซึ้งถึงความจริง
คุณคางคกไปพบนักจิตบำบัด
ผู้เขียน : Robert de Board
ผู้แปล : อรดา ลีลานุช
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ราคา 265 บาท
นี่คือหนังสือจิตวิทยาเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าในรูปแบบงานวรรณกรรม บอกเล่ากระบวนการจิตบำบัดสำหรับผู้ป่วยซึมเศร้า ผ่านตัวละครที่มีคาแร็กเตอร์โดดเด่นอย่างคางคก ผู้อ่านจะได้เห็นพัฒนาการความฉลาดทางอารมณ์ของนายคางคกระหว่างการทำจิตบำบัด และยังได้เห็นมิตรภาพรวมทั้งสิ่งที่คนรอบข้างพึงปฏิบัติต่อผู้ป่วยผ่านผองเพื่อนอย่าง หนู ตัวตุ่น และแบดเจอร์