เคยได้ยินคำนี้กันไหม? ‘การดูแลสุขภาพแบบเชิงรุก’ เป็นเทรนด์ดูแลสุขภาพแบบใหม่ ที่เริ่มง่าย ๆ โดยการเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย ซึ่งโอเมก้า 3 ก็เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของคนทุกวัย เพราะมีส่วนช่วยดูแลสมองและลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ซึ่งในวันนี้ สารอาหารดี ๆ แบบนี้จะหาไม่ยากอีกต่อไป เพราะมีนวัตกรรมอาหารสุดว้าว การันตีด้วยรางวัลมากมาย “หมูมีโอเมก้า 3” จากธรรมชาติ 100% พร้อมตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเชิงรุกสำหรับคนทุกวัย และ หาซื้อกินได้ง่ายทุกวัน
หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า You are what you eat. หรือ กินอะไรก็ได้อย่างนั้น คือสุขภาพของเราจะเป็นอย่างไร ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเจ็บป่วยด้วยโรคหลายโรค ก็มีที่มาจากสิ่งที่เรากินนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) ซึ่งปัจจุบันคนไทยเป็นกันเยอะมาก ทั้งโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
มีข้อมูลที่น่าสนใจซึ่งได้รับการนำมาแบ่งปันในงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ International Conference Public Health ซึ่งจัดขึ้นที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุถึงสถานการณ์ด้านสุขภาพของคนไทยที่น่าเป็นห่วงว่า ปี 2565 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกว่า 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 18.6% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งโรคเหล่านี้มีเรื่องของการกินเป็นสาเหตุสำคัญประกอบด้วย
ปัจจุบัน คนที่รักสุขภาพจึงพยายามสรรหาอาหารที่คิดว่าดีมีประโยชน์ เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ซึ่งเป็นวิถีการดูแลสุขภาพแบบใหม่ที่เรียกว่าการดูแลสุขภาพเชิงรุก หรือทางการแพทย์เรียกว่า การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) เมื่อผู้คนหันมาสนใจการดูแลสุขภาพเชิงรุกกันมากขึ้นด้วยการเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าสารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย ก็ส่งผลให้นวัตกรรมอาหารมีการพัฒนาตามไปด้วย
โดยหนึ่งในนวัตกรรมอาหารที่น่าสนใจที่ถูกนำมาเปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ International Conference Public Health คือการได้รู้จักกับนวัตกรรมอาหารที่เป็นการยกระดับอาหารไทยไปอีกขั้น อย่าง หมูมีโอเมก้า 3 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงานนี้เลยทีเดียว
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะนึกสงสัยขึ้นมาว่า หมู ก็มีโอเมก้า 3 ด้วยเหรอ? แล้วโอเมก้า 3 นั้นสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย?
ทั้งนี้ จากคำบรรยายให้ข้อมูลโดย รองศาสตราจารย์ ดร.พัชราณี ภวัตกุล หัวหน้าภาคโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่มีบทบาทในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มีความจำเป็นต่อร่างกายของคนทุกวัย โดยมีการศึกษาพบว่า การได้รับโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติเกี่ยวกับระบบการทำงานหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี รวมทั้งลดการอักเสบของกระดูกและข้อต่าง ๆ ซึ่งการอักเสบเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน เป็นต้น
นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงการพัฒนาของกลุ่มโรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น อาการสมองเสื่อม ความจำเสื่อม และอาจช่วยบำรุงสายตาและสมองของทารกในครรภ์ด้วยแต่ยังคงต้องอาศัยงานวิจัยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ โอเมก้า 3 มีอยู่ในอาหารหลายประเภท ทั้งอาหารทะเล ปลาทะเลที่มีน้ำมัน พืชตระกูลถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันคาโนล่า ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม เพราะ วัว แพะ แกะ ที่กินหญ้าหรือพันธุ์พืชที่มีสารอาหารโอเมก้า 3 สูง สารดังกล่าวจึงถูกส่งต่อมาทางนมนั่นเอง
อย่างไรก็ดี อาหารบางอย่างตามที่กล่าวมา เราอาจจะไม่สามารถหาทานได้ทุกวัน แถมบางคนยังแพ้อาหารทะเล แพ้ถั่ว หรือแพ้นม ซึ่งอาจจะทำให้ได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ไม่เพียงพอ แต่วันนี้มีข่าวที่ดีต่อใจคนรักสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากมีแหล่งอาหารใหม่ที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงโอเมก้า 3 ได้อย่างสะดวกสบายและง่ายขึ้น นั่นก็คือ “หมูชีวามีโอเมก้า 3”
หมูชีวา คืออะไร? มีความพิเศษแตกต่างจากหมูทั่วไปอย่างไร? เราพาไปดูกัน
หมูชีวา (Cheeva Pork) ถือเป็นนวัตกรรมด้านอาหารของไทยที่ยกระดับไปอีกขั้น ดร. อนันตวัฒน์ กุลธนเตชานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักวิชาการอาหารสัตว์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และทีมงานได้ค้นพบว่า การปรับสูตรอาหารให้หมูซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ที่อยู่ในอาหารทุกมื้อ ได้กินอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% ซึ่งเป็นแหล่งโอเมก้า 3 เช่น เมล็ดแฟล็กซ์ สาหร่ายทะเลน้ำลึก น้ำมันปลาทะเลลึก ผลิตภัณฑ์จากข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพดและถั่วเหลือง ส่งผลให้สัตว์ได้กินอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งอาหารคุณค่าสูงเหล่านี้ทำให้ร่างกายสัตว์สามารถสะสมโอเมก้า 3 ได้ตามธรรมชาติ
และที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ กระบวนการเลี้ยงหมูชีวา ที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกแม่พันธุ์ชั้นดี ก่อนนำไปเลี้ยงในคลีนฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก NSF (National Sanitation Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้นำในระดับนานาชาติด้านการรับรองผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยในอาหาร โดยคลีนฟาร์มเป็นฟาร์มระบบป้องกันความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio-Security) ลักษณะคอกขังรวม (Group Pen Gestation) ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ส่งผลให้หมูชีวาอยู่สบาย แข็งแรง ไม่ป่วย และไม่มีการฉีดเพิ่มสารใด ๆ และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ 100% ตลอดห่วงโซ่การผลิต ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า หมูชีวาเป็นแหล่งโอเมก้า 3 สูง มีความปลอดภัย ปลอดสาร เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพเชิงรุกที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน
ทั้งนี้ ผลจากการทดสอบพรีคลินิก ที่ ดร. อนันตวัฒน์ และทีมงาน ได้ร่วมเรียนรู้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในการทดสอบทางสถิติ one way ANOVA พบว่า หนูทดลองกลุ่มที่ทานผลิตภัณฑ์หมูชีวาที่มีโอเมก้า 3 เป็นเวลา 28 วัน มีค่าคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ต่ำกว่ากลุ่มที่ทานผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีโอเมก้า 3 อย่างมีนัยสำคัญ
สุดท้ายแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า สุขภาพที่ดี มีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง ทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งละเลยไม่ได้เลยก็คือเรื่องการกิน ยิ่งคนยุคปัจจุบันที่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น การจะหยิบอะไรสักอย่างเข้าปาก หลายคนต้องคิดแล้วคิดอีกว่ามันจะทำให้สุขภาพดีขึ้นหรือแย่ลง
แน่นอนว่า การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่นั้นดี แต่จะดีแค่ไหน ถ้าเรามีวัตถุดิบที่ดีเสริมคุณค่าสารอาหารเพิ่มเติมเพื่อเปลี่ยนมื้ออาหารแต่ละมื้อให้เป็นมื้อที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนจำเป็นในทุก ๆ วัน เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่ง “หมูชีวา” หมูที่มีโอเมก้า 3 ก็นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมอาหารที่น่าสนใจในการเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพเชิงรุก กินได้ทุกวัย แถมหาซื้อได้ง่ายและกินได้ทุกวัน
(Advertorial)
หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า You are what you eat. หรือ กินอะไรก็ได้อย่างนั้น คือสุขภาพของเราจะเป็นอย่างไร ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การเจ็บป่วยด้วยโรคหลายโรค ก็มีที่มาจากสิ่งที่เรากินนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) ซึ่งปัจจุบันคนไทยเป็นกันเยอะมาก ทั้งโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น
มีข้อมูลที่น่าสนใจซึ่งได้รับการนำมาแบ่งปันในงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ International Conference Public Health ซึ่งจัดขึ้นที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุถึงสถานการณ์ด้านสุขภาพของคนไทยที่น่าเป็นห่วงว่า ปี 2565 ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังกว่า 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 18.6% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งโรคเหล่านี้มีเรื่องของการกินเป็นสาเหตุสำคัญประกอบด้วย
ปัจจุบัน คนที่รักสุขภาพจึงพยายามสรรหาอาหารที่คิดว่าดีมีประโยชน์ เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ซึ่งเป็นวิถีการดูแลสุขภาพแบบใหม่ที่เรียกว่าการดูแลสุขภาพเชิงรุก หรือทางการแพทย์เรียกว่า การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) เมื่อผู้คนหันมาสนใจการดูแลสุขภาพเชิงรุกกันมากขึ้นด้วยการเลือกกินอาหารที่มีคุณค่าสารอาหารจำเป็นต่อร่างกาย ก็ส่งผลให้นวัตกรรมอาหารมีการพัฒนาตามไปด้วย
โดยหนึ่งในนวัตกรรมอาหารที่น่าสนใจที่ถูกนำมาเปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ International Conference Public Health คือการได้รู้จักกับนวัตกรรมอาหารที่เป็นการยกระดับอาหารไทยไปอีกขั้น อย่าง หมูมีโอเมก้า 3 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งไฮไลต์สำคัญของงานนี้เลยทีเดียว
ถึงตรงนี้หลายคนอาจจะนึกสงสัยขึ้นมาว่า หมู ก็มีโอเมก้า 3 ด้วยเหรอ? แล้วโอเมก้า 3 นั้นสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย?
ทั้งนี้ จากคำบรรยายให้ข้อมูลโดย รองศาสตราจารย์ ดร.พัชราณี ภวัตกุล หัวหน้าภาคโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่มีบทบาทในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มีความจำเป็นต่อร่างกายของคนทุกวัย โดยมีการศึกษาพบว่า การได้รับโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติเกี่ยวกับระบบการทำงานหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี รวมทั้งลดการอักเสบของกระดูกและข้อต่าง ๆ ซึ่งการอักเสบเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน เป็นต้น
นอกจากนี้ โอเมก้า 3 ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงการพัฒนาของกลุ่มโรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น อาการสมองเสื่อม ความจำเสื่อม และอาจช่วยบำรุงสายตาและสมองของทารกในครรภ์ด้วยแต่ยังคงต้องอาศัยงานวิจัยเพิ่มเติม
ทั้งนี้ โอเมก้า 3 มีอยู่ในอาหารหลายประเภท ทั้งอาหารทะเล ปลาทะเลที่มีน้ำมัน พืชตระกูลถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันคาโนล่า ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม เพราะ วัว แพะ แกะ ที่กินหญ้าหรือพันธุ์พืชที่มีสารอาหารโอเมก้า 3 สูง สารดังกล่าวจึงถูกส่งต่อมาทางนมนั่นเอง
อย่างไรก็ดี อาหารบางอย่างตามที่กล่าวมา เราอาจจะไม่สามารถหาทานได้ทุกวัน แถมบางคนยังแพ้อาหารทะเล แพ้ถั่ว หรือแพ้นม ซึ่งอาจจะทำให้ได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ไม่เพียงพอ แต่วันนี้มีข่าวที่ดีต่อใจคนรักสุขภาพอย่างมาก เนื่องจากมีแหล่งอาหารใหม่ที่จะช่วยให้ทุกคนเข้าถึงโอเมก้า 3 ได้อย่างสะดวกสบายและง่ายขึ้น นั่นก็คือ “หมูชีวามีโอเมก้า 3”
หมูชีวา คืออะไร? มีความพิเศษแตกต่างจากหมูทั่วไปอย่างไร? เราพาไปดูกัน
หมูชีวา (Cheeva Pork) ถือเป็นนวัตกรรมด้านอาหารของไทยที่ยกระดับไปอีกขั้น ดร. อนันตวัฒน์ กุลธนเตชานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักวิชาการอาหารสัตว์ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และทีมงานได้ค้นพบว่า การปรับสูตรอาหารให้หมูซึ่งเป็นเนื้อสัตว์ที่อยู่ในอาหารทุกมื้อ ได้กินอาหารที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% ซึ่งเป็นแหล่งโอเมก้า 3 เช่น เมล็ดแฟล็กซ์ สาหร่ายทะเลน้ำลึก น้ำมันปลาทะเลลึก ผลิตภัณฑ์จากข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพดและถั่วเหลือง ส่งผลให้สัตว์ได้กินอาหารที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งอาหารคุณค่าสูงเหล่านี้ทำให้ร่างกายสัตว์สามารถสะสมโอเมก้า 3 ได้ตามธรรมชาติ
และที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ กระบวนการเลี้ยงหมูชีวา ที่พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกแม่พันธุ์ชั้นดี ก่อนนำไปเลี้ยงในคลีนฟาร์มที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก NSF (National Sanitation Foundation) ซึ่งเป็นองค์กรจากประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้นำในระดับนานาชาติด้านการรับรองผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยในอาหาร โดยคลีนฟาร์มเป็นฟาร์มระบบป้องกันความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio-Security) ลักษณะคอกขังรวม (Group Pen Gestation) ตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ส่งผลให้หมูชีวาอยู่สบาย แข็งแรง ไม่ป่วย และไม่มีการฉีดเพิ่มสารใด ๆ และไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ 100% ตลอดห่วงโซ่การผลิต ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่า หมูชีวาเป็นแหล่งโอเมก้า 3 สูง มีความปลอดภัย ปลอดสาร เป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพเชิงรุกที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน
ทั้งนี้ ผลจากการทดสอบพรีคลินิก ที่ ดร. อนันตวัฒน์ และทีมงาน ได้ร่วมเรียนรู้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในการทดสอบทางสถิติ one way ANOVA พบว่า หนูทดลองกลุ่มที่ทานผลิตภัณฑ์หมูชีวาที่มีโอเมก้า 3 เป็นเวลา 28 วัน มีค่าคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ต่ำกว่ากลุ่มที่ทานผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีโอเมก้า 3 อย่างมีนัยสำคัญ
สุดท้ายแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่า สุขภาพที่ดี มีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง ทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งละเลยไม่ได้เลยก็คือเรื่องการกิน ยิ่งคนยุคปัจจุบันที่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น การจะหยิบอะไรสักอย่างเข้าปาก หลายคนต้องคิดแล้วคิดอีกว่ามันจะทำให้สุขภาพดีขึ้นหรือแย่ลง
แน่นอนว่า การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่นั้นดี แต่จะดีแค่ไหน ถ้าเรามีวัตถุดิบที่ดีเสริมคุณค่าสารอาหารเพิ่มเติมเพื่อเปลี่ยนมื้ออาหารแต่ละมื้อให้เป็นมื้อที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่ต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนจำเป็นในทุก ๆ วัน เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่ง “หมูชีวา” หมูที่มีโอเมก้า 3 ก็นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมอาหารที่น่าสนใจในการเป็นตัวช่วยสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพเชิงรุก กินได้ทุกวัย แถมหาซื้อได้ง่ายและกินได้ทุกวัน
(Advertorial)