สังคมโลกทุกวันนี้ มีคนสนใจเรียนรู้แนวคิดวิถี “อิคิไก” (Ikigai) ในวงการต่างๆ อย่างกว้างขวาง เป็นเรื่องน่ายินดีที่ตัวบุคคลและองค์กรจะเข้าใจและไฝ่พัฒนา ความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแนวทางที่ ดีต่อใจ ดีต่อเรา ดีต่อเพื่อนร่วมโลก
มีผลวิจัยชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นที่จังหวัดโอกินาวะ มีคนอายุเกินร้อยปีมากที่สุดในโลก ก็ยืนยันว่าคุณลักษณะพิเศษประการหนึ่งของคนที่นั่นคือมี”อิคิไก” อยู่ในวิถีชีวิตช่วยให้สุขกาย สบายใจ เพราะตระหนักรู้ว่า ทำสิ่งที่รัก ตั้งแต่สิ่งเล็ก ๆ เช่นการทำอาหารการกิน การจัดบ้านให้น่าอยู่ ไปจนถึงสิ่งที่ใหญ่ขึ้นตามศักยภาพ และมีผลดีต่อตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม
จนบอกตัวเองว่าสิ่ง “ดีจังเลย ที่ได้เกิดมาทำสิ่งนี้… ดีใจที่ได้เกิดมาพบสิ่งนี้" ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีในชีวิตประจำวัน หรือ “เหตุผลของการมีชีวิต” ตามความหมายของ “อิคิไก” คือชีวิตอย่างมีความหมาย เพราะมีคุณค่า
เมื่อเขียนถึงเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึง ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ ผู้เป็นรุ่นบุกเบิกและเอาจริง กับการศึกษาและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับ “อิคิไก” ซึ่งเป็นแนวคิดแขนงหนึ่งของวิทยาการด้าน “จิตวิทยาเชิงบวก” และการพัฒนาองค์กร ซึ่งท่านเชี่ยวชาญ
สำหรับผู้ใดที่บอกว่าสนใจแนวคิดแนวทางของอิคิไก ที่บอกตัวเองได้ว่า มีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายและมีคุณค่า แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จะค้นพบ “อิคิไก” ได้อย่างไร?
ผมก็ขอบอกว่า ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ครับ! “อิคิไก : อยู่ไม่ไกล แค่เปิดใจก็ค้นพบ” นี่คือผลงานเล่มใหม่ของ ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์
อ่านเพลินครับ ให้สาระความรู้ด้วยลีลาเหมือน ตัวอาจารย์ผู้รอบรู้หลักจิตวิทยาเชิงบวก มาเล่าเรื่องราวผ่านการรีวิวหนังที่ท่านเป็นแฟนประจำของ Netflix โดยสกัดประเด็นจากหนังหลาย ๆ เรื่องที่คัดสรรเฉพาะที่เชื่อมโยงเข้าได้กับแนวคิดอิคิไก
แถมเมื่อได้จังหวะเหมาะ อาจารย์ภิญโญก็จะใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ตัวเอง ใส่เข้าไปเป็นตัวอย่างที่ช่วยขยายความเข้าใจ ต่อองค์ความรู้ที่อ้างอิงจากหนังสือเล่มดังมาช่วยเพิ่มสาระหลัก
อีกจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ก็คือ ให้ความสำคัญกับการค้นหาจุดมุ่งหมาย หรือ วัตถุประสงค์การมีชีวิต (Purpose) หรือสร้างชีวิตธุรกิจ เพราะเป็นเสมือน “เข็มทิศ” ที่ชี้นำทิศทางความมุ่งมั่น
เคน โมงิ ได้เขียนไว้ในหนังสือ The Little Book of Ikigai ว่า…
“ถ้าเราค้นพบอิคิไกแล้ว ทำมันไปเรื่อยๆ เราก็จะพบจุดมุ่งหมายของชีวิต (Purpose of Life)”
เมื่อเสริมด้วยตัวอย่างที่เจ้าของ Studio PONOC ผู้ผลิตหนังสารคดีระดับคุณภาพพูดถึงพันธกิจ (Mission) ที่บอกความหมายว่า เหตุผลการมีอยู่ขององค์กรนี้ก็เพื่อ…
“การดึงศักยภาพของเด็ก ๆ ออกมา ให้เปล่งประกายสูงที่สุด”
นี่เป็น Purpose ที่งดงามมาก จึงเป็นผลให้บริษัทนี้สามารถดึงดูดคนที่เก่งระดับอัจฉริยะมาร่วมสร้างผลงานที่สุดแสนวิเศษออกมาได้ ก็ด้วยการทำหน้าที่สอนแนวทาง “การมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายให้เด็ก ๆ”
ดร.ภิญโญเขียนถึงตอนนี้จึงนึกถึงหนังสือ Meaning Revolution ที่กล่าวถึงองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายหรือปณิธานที่ดีงาม (Noble Purpose) ว่า…
“องค์กรที่มีจุดมุ่งหมายและพยายามทำให้โลกนี้ดีขึ้น ทีมงานและผู้เกี่ยวข้อง ก็จะทุ่มเทกายใจและมีความผูกพันกับงานสูงมาก”
ดังนั้น การมีอิคิไก ที่ทำจนเป็นความเคยชิน สั่งสมจนตกผลึกกลายเป็นจุดมุ่งหมาย (Purpose) ที่มั่นคงและชัดเจน ที่บ่งบอกวัตถุประสงค์ในการมีชีวิตหรือแนวการดำเนินธุรกิจ ก็จะเกิดเป็นแนวปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีเป้าหมายหรือ ทำกิจกรรมใด ก็จะอยู่ในแนวทางที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์
หนังสืออิคิไก เล่มนี้ ได้ยกตัวอย่างการมีจุดมุ่งหมายที่ดีงามต่อสังคม อย่างกรณี PONOC ในต่างประเทศ และโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนทางเลือกที่มีคนไปดูงานความเป็นต้นแบบที่ดีของโรงเรียนในประเทศไทย
หากเราจะค้นหาจุดมุ่งหมายที่ดีทำนองนี้บ้าง ก็ลองตอบคำถาม 5 ข้อ (ที่เห็นเป็นภาพกราฟฟิก ในบทความนี้) ก็จะได้ความกระจ่าง
1.ได้ทบทวนวิธีคิดถึงเหตุผลการมีตัวตนขององค์กรของเราว่ามีอยู่เพื่ออะไร
2.สิ่งที่เราทำมีความสำคัญและมีคุณค่าแตกต่างจากที่มีอยู่อย่างไร
3.ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานของเรา ทำให้ลูกค้าและสังคมดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไร
4.ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นมีความหมายอย่างไรต่อผู้เกี่ยวข้อง
5. จะสื่อสารอย่างไรให้คนดีคนเก่งเห็นดีงามและอยากมาร่วมทุ่มเทกายใจกับโครงการของเรา
อาจารย์ภิญโญบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า เมื่อตอบคำถามได้ ก็มีความชัดเจนในจุดประสงค์การมีชีวิตอยู่ให้มีความหมาย มีคุณค่า และรู้อีกว่าต้องทำอย่างไรเพิ่มเติม
นี่จึงเป็นวิธีคิดที่ทรงพลังมาก ดังนั้น Purpose ของตัวคุณหรือองค์กร หากบอกได้ว่า อยู่ไปเพื่ออะไร ทำไมต้องมีเรา ก็จากการตอบคำถามข้างต้น
แต่ก็ยังมีประเด็นน่าคิดว่า ทั้ง ๆ ที่คนญี่ปุ่นที่มีวิถีอิคิไก ในชีวิตประจำวัน รู้สึกดีตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่ออะไร ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อการมีชีวิตอยู่ เหตุใดยังมีข่าวว่าคนญี่ปุ่นที่จริงจังกับการทำงานกลับบ้านดึกทุกวันจนเครียด และมีคนฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก
หนังสือ The Three Happiness ที่เขียนโดยจิตแพทย์ชื่อดัง ชิอน คาบาซาวะ ได้คำตอบจากผลวิจัยพบองค์ความรู้ที่เรียกว่าพีระมิด3สุข อธิบายเรื่องความสุขและการจัดการความสุข ที่เหมาะจะเป็นแนวทางชีวิตดังนี้
1.สุขจากกายใจแข็งแรง (Serotonin) เป็นฐานของพีระมิดความสุข เนื่องจากร่างกายแข็งแรง จิตใจผ่องใส ผ่อนคลายเป็นผลจากการออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ จึงไม่เจ็บป่วย
2.สุขจากความสัมพันธ์ที่ดี (Oxytonin) มีความสัมพันธ์และมิตรภาพ และความผูกพันใกล้ชิดกับ คู่รัก คู่ครอง คนในครอบครัว เพื่อนฝูงและชุมชน
3.สุขจากความสำเร็จและเกียรติยศ (Dopamine) จากความสำเร็จทางการงานและการเงินจนเป็นที่ยอมรับยกย่อง มีความรื่นรมย์
เป้าหมายความสุขทั้ง 3 นี้ต้องไปด้วยกันอย่างสมดุล จึงไม่ควรทุ่มเทให้ด้านใดเป็นพิเศษจนเกินไป เช่นคนที่มุ่งงานมาก จนเสียความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว และลืมดูความสุขด้านร่างกายและจิตใจ ชีวิตก็อาจทรุดโทรม หรือความสัมพันธ์ในครอบครัวก็อาจพังได้
วิถีอิคิไกน่าจะช่วยเสริมสร้างความสมดุลให้กับการใช้ชีวิตที่มีความหมาย มีคุณค่า ต่อเราและต่อสังคมโลก ที่พัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในยุคนี้และอนาคตครับ
..................................
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ
อิคิไก อยู่ไม่ไกลแค่เปิดใจก็ค้นพบ
ผู้เขียน : ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์
สำนักพิมพ์ : ต้นคิด
จัดจำหน่าย : ซีเอ็ดยูเคชั่น
แนะนำหนังสือ
คิดเล็ก = ผลลัพธ์ยิ่งใหญ่
ผู้เขียน : โอเวน เซอร์วิช, รอรี่ กัลป์ลาเกอร์
ผู้แปล : ดร. พรรณผกา รุ่งเรือง
สำนักพิมพ์ : เชนจ์พลัส
ราคา 225 บาท
7 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จตามหลักจิตวิทยา ที่ไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้ หาคำตอบว่า ทำไมการเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดถึงสร้างผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ รู้จักตัวเองมากขึ้นในฐานะมนุษย์ และค้นพบวิธีง่ายๆ สู่เป้าหมาย
ใช้ OKRs อย่างไรให้สำเร็จ
ผู้เขียน : ศ. ดร. นภดล ร่มโพธิ์
สำนักพิมพ์ : เอ็นพี อินเทลลิเจนซ์
ราคา 250 บาท
รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับ OKRs ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งหลักการและเทคนิคการนำไปใช้จริง พร้อมตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน OKRs ในการบริหาร สามารถใช้เป็นคู่มือที่จะช่วยนำพาองค์กรให้สำเร็จไปพร้อมๆ กับสร้างความสุขของพนักงานในการใช้ OKRs ด้วย
โทษทีไม่ว่างเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร
ผู้เขียน : อีจินอี
ผู้แปล : พรพิสุทธิ์ มั่นคง
สำนักพิมพ์ : บลูม พับลิชชิ่ง
ราคา 345 บาท
หนังสือภาพวาดน่ารักสีสันสดใส มาพร้อมกำลังใจอันเต็มเปี่ยม ที่จะคอยเชียร์อัปให้เราหันกลับมาใส่ใจตัวเองและให้กำลังใจกับจิตใจอย่างเต็มที่
เจ้าชาย กับ ช่างตัดเสื้อ
ผู้เขียน : เจน หวัง
ผู้แปล : วลัยลักษณ์ จิตตะยโศธร
สำนักพิมพ์ : Amico
ราคา 295 บาท
เมื่อ "สาวสวยปริศนา" แห่งนครปารีส กับ "องค์ชายรัชทายาท" มีช่างตัดเสื้อคนเดียวกัน เมื่อหนึ่งคนต้องซ่อนเร้นอำพราง แต่หนึ่งคนกลับอยากเปิดเผยตัวตน เรื่องราวจะพลิกผันไปอย่างไร? ติดตามพร้อมกันได้แล้วในเล่ม!
มีผลวิจัยชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นที่จังหวัดโอกินาวะ มีคนอายุเกินร้อยปีมากที่สุดในโลก ก็ยืนยันว่าคุณลักษณะพิเศษประการหนึ่งของคนที่นั่นคือมี”อิคิไก” อยู่ในวิถีชีวิตช่วยให้สุขกาย สบายใจ เพราะตระหนักรู้ว่า ทำสิ่งที่รัก ตั้งแต่สิ่งเล็ก ๆ เช่นการทำอาหารการกิน การจัดบ้านให้น่าอยู่ ไปจนถึงสิ่งที่ใหญ่ขึ้นตามศักยภาพ และมีผลดีต่อตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม
จนบอกตัวเองว่าสิ่ง “ดีจังเลย ที่ได้เกิดมาทำสิ่งนี้… ดีใจที่ได้เกิดมาพบสิ่งนี้" ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีในชีวิตประจำวัน หรือ “เหตุผลของการมีชีวิต” ตามความหมายของ “อิคิไก” คือชีวิตอย่างมีความหมาย เพราะมีคุณค่า
เมื่อเขียนถึงเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึง ดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์ ผู้เป็นรุ่นบุกเบิกและเอาจริง กับการศึกษาและเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับ “อิคิไก” ซึ่งเป็นแนวคิดแขนงหนึ่งของวิทยาการด้าน “จิตวิทยาเชิงบวก” และการพัฒนาองค์กร ซึ่งท่านเชี่ยวชาญ
สำหรับผู้ใดที่บอกว่าสนใจแนวคิดแนวทางของอิคิไก ที่บอกตัวเองได้ว่า มีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายและมีคุณค่า แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร จะค้นพบ “อิคิไก” ได้อย่างไร?
ผมก็ขอบอกว่า ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ครับ! “อิคิไก : อยู่ไม่ไกล แค่เปิดใจก็ค้นพบ” นี่คือผลงานเล่มใหม่ของ ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์
อ่านเพลินครับ ให้สาระความรู้ด้วยลีลาเหมือน ตัวอาจารย์ผู้รอบรู้หลักจิตวิทยาเชิงบวก มาเล่าเรื่องราวผ่านการรีวิวหนังที่ท่านเป็นแฟนประจำของ Netflix โดยสกัดประเด็นจากหนังหลาย ๆ เรื่องที่คัดสรรเฉพาะที่เชื่อมโยงเข้าได้กับแนวคิดอิคิไก
แถมเมื่อได้จังหวะเหมาะ อาจารย์ภิญโญก็จะใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ตัวเอง ใส่เข้าไปเป็นตัวอย่างที่ช่วยขยายความเข้าใจ ต่อองค์ความรู้ที่อ้างอิงจากหนังสือเล่มดังมาช่วยเพิ่มสาระหลัก
อีกจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ก็คือ ให้ความสำคัญกับการค้นหาจุดมุ่งหมาย หรือ วัตถุประสงค์การมีชีวิต (Purpose) หรือสร้างชีวิตธุรกิจ เพราะเป็นเสมือน “เข็มทิศ” ที่ชี้นำทิศทางความมุ่งมั่น
เคน โมงิ ได้เขียนไว้ในหนังสือ The Little Book of Ikigai ว่า…
“ถ้าเราค้นพบอิคิไกแล้ว ทำมันไปเรื่อยๆ เราก็จะพบจุดมุ่งหมายของชีวิต (Purpose of Life)”
เมื่อเสริมด้วยตัวอย่างที่เจ้าของ Studio PONOC ผู้ผลิตหนังสารคดีระดับคุณภาพพูดถึงพันธกิจ (Mission) ที่บอกความหมายว่า เหตุผลการมีอยู่ขององค์กรนี้ก็เพื่อ…
“การดึงศักยภาพของเด็ก ๆ ออกมา ให้เปล่งประกายสูงที่สุด”
นี่เป็น Purpose ที่งดงามมาก จึงเป็นผลให้บริษัทนี้สามารถดึงดูดคนที่เก่งระดับอัจฉริยะมาร่วมสร้างผลงานที่สุดแสนวิเศษออกมาได้ ก็ด้วยการทำหน้าที่สอนแนวทาง “การมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายให้เด็ก ๆ”
ดร.ภิญโญเขียนถึงตอนนี้จึงนึกถึงหนังสือ Meaning Revolution ที่กล่าวถึงองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายหรือปณิธานที่ดีงาม (Noble Purpose) ว่า…
“องค์กรที่มีจุดมุ่งหมายและพยายามทำให้โลกนี้ดีขึ้น ทีมงานและผู้เกี่ยวข้อง ก็จะทุ่มเทกายใจและมีความผูกพันกับงานสูงมาก”
ดังนั้น การมีอิคิไก ที่ทำจนเป็นความเคยชิน สั่งสมจนตกผลึกกลายเป็นจุดมุ่งหมาย (Purpose) ที่มั่นคงและชัดเจน ที่บ่งบอกวัตถุประสงค์ในการมีชีวิตหรือแนวการดำเนินธุรกิจ ก็จะเกิดเป็นแนวปฏิบัติ ไม่ว่าจะมีเป้าหมายหรือ ทำกิจกรรมใด ก็จะอยู่ในแนวทางที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์
หนังสืออิคิไก เล่มนี้ ได้ยกตัวอย่างการมีจุดมุ่งหมายที่ดีงามต่อสังคม อย่างกรณี PONOC ในต่างประเทศ และโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนทางเลือกที่มีคนไปดูงานความเป็นต้นแบบที่ดีของโรงเรียนในประเทศไทย
หากเราจะค้นหาจุดมุ่งหมายที่ดีทำนองนี้บ้าง ก็ลองตอบคำถาม 5 ข้อ (ที่เห็นเป็นภาพกราฟฟิก ในบทความนี้) ก็จะได้ความกระจ่าง
1.ได้ทบทวนวิธีคิดถึงเหตุผลการมีตัวตนขององค์กรของเราว่ามีอยู่เพื่ออะไร
2.สิ่งที่เราทำมีความสำคัญและมีคุณค่าแตกต่างจากที่มีอยู่อย่างไร
3.ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการทำงานของเรา ทำให้ลูกค้าและสังคมดีขึ้นกว่าเดิมอย่างไร
4.ความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นมีความหมายอย่างไรต่อผู้เกี่ยวข้อง
5. จะสื่อสารอย่างไรให้คนดีคนเก่งเห็นดีงามและอยากมาร่วมทุ่มเทกายใจกับโครงการของเรา
อาจารย์ภิญโญบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า เมื่อตอบคำถามได้ ก็มีความชัดเจนในจุดประสงค์การมีชีวิตอยู่ให้มีความหมาย มีคุณค่า และรู้อีกว่าต้องทำอย่างไรเพิ่มเติม
นี่จึงเป็นวิธีคิดที่ทรงพลังมาก ดังนั้น Purpose ของตัวคุณหรือองค์กร หากบอกได้ว่า อยู่ไปเพื่ออะไร ทำไมต้องมีเรา ก็จากการตอบคำถามข้างต้น
แต่ก็ยังมีประเด็นน่าคิดว่า ทั้ง ๆ ที่คนญี่ปุ่นที่มีวิถีอิคิไก ในชีวิตประจำวัน รู้สึกดีตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่ออะไร ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อการมีชีวิตอยู่ เหตุใดยังมีข่าวว่าคนญี่ปุ่นที่จริงจังกับการทำงานกลับบ้านดึกทุกวันจนเครียด และมีคนฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก
หนังสือ The Three Happiness ที่เขียนโดยจิตแพทย์ชื่อดัง ชิอน คาบาซาวะ ได้คำตอบจากผลวิจัยพบองค์ความรู้ที่เรียกว่าพีระมิด3สุข อธิบายเรื่องความสุขและการจัดการความสุข ที่เหมาะจะเป็นแนวทางชีวิตดังนี้
1.สุขจากกายใจแข็งแรง (Serotonin) เป็นฐานของพีระมิดความสุข เนื่องจากร่างกายแข็งแรง จิตใจผ่องใส ผ่อนคลายเป็นผลจากการออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ จึงไม่เจ็บป่วย
2.สุขจากความสัมพันธ์ที่ดี (Oxytonin) มีความสัมพันธ์และมิตรภาพ และความผูกพันใกล้ชิดกับ คู่รัก คู่ครอง คนในครอบครัว เพื่อนฝูงและชุมชน
3.สุขจากความสำเร็จและเกียรติยศ (Dopamine) จากความสำเร็จทางการงานและการเงินจนเป็นที่ยอมรับยกย่อง มีความรื่นรมย์
เป้าหมายความสุขทั้ง 3 นี้ต้องไปด้วยกันอย่างสมดุล จึงไม่ควรทุ่มเทให้ด้านใดเป็นพิเศษจนเกินไป เช่นคนที่มุ่งงานมาก จนเสียความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว และลืมดูความสุขด้านร่างกายและจิตใจ ชีวิตก็อาจทรุดโทรม หรือความสัมพันธ์ในครอบครัวก็อาจพังได้
วิถีอิคิไกน่าจะช่วยเสริมสร้างความสมดุลให้กับการใช้ชีวิตที่มีความหมาย มีคุณค่า ต่อเราและต่อสังคมโลก ที่พัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในยุคนี้และอนาคตครับ
..................................
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ
อิคิไก อยู่ไม่ไกลแค่เปิดใจก็ค้นพบ
ผู้เขียน : ดร. ภิญโญ รัตนาพันธุ์
สำนักพิมพ์ : ต้นคิด
จัดจำหน่าย : ซีเอ็ดยูเคชั่น
แนะนำหนังสือ
คิดเล็ก = ผลลัพธ์ยิ่งใหญ่
ผู้เขียน : โอเวน เซอร์วิช, รอรี่ กัลป์ลาเกอร์
ผู้แปล : ดร. พรรณผกา รุ่งเรือง
สำนักพิมพ์ : เชนจ์พลัส
ราคา 225 บาท
7 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จตามหลักจิตวิทยา ที่ไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้ หาคำตอบว่า ทำไมการเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดถึงสร้างผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ รู้จักตัวเองมากขึ้นในฐานะมนุษย์ และค้นพบวิธีง่ายๆ สู่เป้าหมาย
ใช้ OKRs อย่างไรให้สำเร็จ
ผู้เขียน : ศ. ดร. นภดล ร่มโพธิ์
สำนักพิมพ์ : เอ็นพี อินเทลลิเจนซ์
ราคา 250 บาท
รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับ OKRs ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งหลักการและเทคนิคการนำไปใช้จริง พร้อมตัวอย่างการประยุกต์ใช้งาน OKRs ในการบริหาร สามารถใช้เป็นคู่มือที่จะช่วยนำพาองค์กรให้สำเร็จไปพร้อมๆ กับสร้างความสุขของพนักงานในการใช้ OKRs ด้วย
โทษทีไม่ว่างเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร
ผู้เขียน : อีจินอี
ผู้แปล : พรพิสุทธิ์ มั่นคง
สำนักพิมพ์ : บลูม พับลิชชิ่ง
ราคา 345 บาท
หนังสือภาพวาดน่ารักสีสันสดใส มาพร้อมกำลังใจอันเต็มเปี่ยม ที่จะคอยเชียร์อัปให้เราหันกลับมาใส่ใจตัวเองและให้กำลังใจกับจิตใจอย่างเต็มที่
เจ้าชาย กับ ช่างตัดเสื้อ
ผู้เขียน : เจน หวัง
ผู้แปล : วลัยลักษณ์ จิตตะยโศธร
สำนักพิมพ์ : Amico
ราคา 295 บาท
เมื่อ "สาวสวยปริศนา" แห่งนครปารีส กับ "องค์ชายรัชทายาท" มีช่างตัดเสื้อคนเดียวกัน เมื่อหนึ่งคนต้องซ่อนเร้นอำพราง แต่หนึ่งคนกลับอยากเปิดเผยตัวตน เรื่องราวจะพลิกผันไปอย่างไร? ติดตามพร้อมกันได้แล้วในเล่ม!