ช่วงนี้มีข่าวคนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพชวนเอาเงินไปลงทุน เพราะหลงกล เชื่อว่าจะได้กำไรมาก กำไรง่าย กำไรเร็ว และรวยเร็ว ซึ่งไม่สมเหตุสมผล จึงถูกหลอก ให้เก็งกำไรค่าเงิน และคริปโต หรือธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ โดยเรียกว่าเป็นการลงทุน
กว่าจะรู้สึกตัว ก็สูญเงินจำนวนมากไปแล้ว ถึงจะไปร้องเรียน ฟ้องร้องเป็นคดี ก็หวังผลอะไรคืนมายาก
คนที่ตกเป็นเหยื่อเป้าหมาย ก็คือคนที่มีความโลภ หวังรวยเร็ว ซึ่งรวมทั้งวัยรุ่นในยุคสังคมข่าวสารปัจจุบัน โดยปกติ วัยรุ่นทั่วไปมักความคิดที่อยากลอง อยากรู้ผลเร็ว เหมือนอย่างที่รู้เห็นตัวอย่างของคนที่ทำสำเร็จ เป็นข้ออ้าง
ข้อมูลข่าวสารที่รับรู้จากช่องทางสื่อต่าง ๆ เป็นเพียงข้อมูลข่าวสารที่สร้างความสนใจ แต่ขาดความคิดเชิงวิเคราะห์ด้วยเหตุผลว่าผลประโยชน์หรือกำไรที่คาดว่าจะได้ มาจากไหน อย่างไร ลืมนึกถึงความไม่แน่นอน และนั่นคือความเสี่ยง
ทั้งที่หลักการลงทุนนั้นจะต้องคำนึงถึงขั้นตอน ที่มาที่ไปของเงินที่ลงไป และผลตอบแทนที่จะได้มาจากไหน ประเภทได้ง่าย ได้มาก ได้เร็ว ในโลกความจริง ไม่มีหรอก !
นี่เองที่โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” จึงเป็นที่สนใจของผู้ใฝ่รู้ หนังสือเล่มนี้มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ขายดีไปทั่วโลก แล้วต่อยอดเนื้อหามุ่งกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ กลายเป็นหนังสือชุด นับ 20 เล่มทำหน้าที่บอกเคล็ดลับทางการเงิน และชี้แนะให้คิดแบบผู้ประกอบการ คือ หาเงินเก่ง และฉลาดในการใช้เงินในทางที่คุ้มค่า และเอาไปลงทุนให้เกิดผลงอกเงย
ผมขอกล่าวถึงหนังสือเล่มใหม่ “พ่อรวยสอนวัยรุ่น” พิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 6 สอดคล้องกับกระแสธุรกิจยุคดิจิทัล ที่ระบบเทคโนโลยี ช่วยให้การรับรู้ เรียนรู้ เปรียบเทียบข้อมูล เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว หลากหลายช่องทางสื่อยุคใหม่
เราจึงได้เห็นคนหนุ่มสาว ที่หัวไวความคิดก้าวหน้า สร้างธุรกิจขึ้นเอง หรือไปเป็นดาวเด่นในองค์กรด้วยแนวคิดใหม่ ๆ สนับสนุนโดยเทคโนโลยีทันสมัยและมีนวัตกรรม ผู้ประสบความสำเร็จยุคใหม่จึงมีอายุน้อยกว่าสมัยก่อน
เพราะการแข่งขันทางธุรกิจยุคนี้ ไม่มีข้อจำกัดด้าน เพศ วัย วุฒิการศึกษา และขนาดของกิจการ ช่องทางการเรียนรู้มีทั้งจากวงการธุรกิจและระบบการศึกษาที่ไร้พรมแดน
จึงเกิดธุรกิจยุคใหม่เป็น Start--up โดยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างสินค้าและบริการที่มีความแตกต่างอย่างโดดเด่น เกิดผลสำเร็จแบบก้าวกระโดด
โรเบิร์ต ที.คิโยซากิ ใช้ประสบการณ์ตัวเองที่ได้เรียนรู้และรับการหล่อหลอมวิธีคิดและกระตุ้นให้ลงมือทำจริง จากพ่อของไมค์เพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเขาเรียกว่า “พ่อรวย” ทั้งที่วุฒิการเรียนไม่สูง แต่รู้จริงและทันการณ์ ทันเกมเรื่องการเงิน จึงมีทรัพย์สิน รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และร้านค้าสะดวกซื้อหลายสาขา เรียกว่า “มีเงินใช้ไม่หมด”
ขณะที่พ่อแท้ ๆ ของเขามีวุฒิการศึกษาสูง เป็นผู้อำนวยการการศึกษารัฐฮาวาย แต่ไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ผลก็คือ “เงินทองไม่ค่อยพอใช้” ต้องดิ้นรนหมุนเงินทุกเดือน เขาเรียกเล่น ๆ ว่า “พ่อจน”
เขาสรุปจากการสั่งสอนของพ่อทั้งสองคนว่า หนทางสู่ความร่ำรวยนั้นมีมากมาย การศึกษาก็เป็นทางหนึ่ง และความรู้ทางการเงินก็เป็นเครื่องมืออีกทางหนึ่ง ที่จำเป็นในการประยุกต์ใช้ใน “วิชาชีวิต” จากการลงมือทำ ซึ่งจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อชีวิตจริง ทำให้เกิดความราบรื่น ไม่ติดขัด เป็นความรู้ที่สำคัญควบคู่กับ “วิชาการและวิชาชีพ” ที่ได้รับจากโรงเรียน
น่ายินดีสำหรับคุณที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ พ่อรวยสอนวัยรุ่น (Rich Dad Poor Dad for Teens) ซึ่งจะช่วยให้ได้เรียนรู้ในวิชาที่ไม่เคยมีสอนในโรงเรียน
นั่นคือ “ความรู้ทางการเงิน” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ให้ราบรื่นในปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ดี
การพูดจาภาษาเงิน อย่างเข้าใจและฉลาดหารายได้ เก็บรักษาเป็น ฉลาดในการใช้จ่าย และรู้จักนำไปลงทุนให้เกิดดอกผลงอกงาม เป็นการรองรับความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
ขณะเดียวกันก็สามารถนำไปใช้สร้างธุรกิจของตัวเอง ยิ่งถ้าได้เริ่มฝึกฝนความคิดทำธุรกิจตั้งแต่วัยเด็ก อย่างที่โรเบิร์ตเริ่มทำตั้งแต่ตอนอายุ 9 ขวบ เมื่อเขาไปทำงานพิเศษกับร้านสะดวกซื้อของพ่อเพื่อนนักเรียน เขาเห็นผู้จัดการร้านตัดปกหนังสือการ์ตูนครึ่งหน้า เพื่อเป็นหลักฐานส่งคืนเอเย่นต์หนังสือที่ขายไม่ออก ส่วนตัวเล่มหนังสือก็เตรียมเอาไปทิ้ง
เขาจึงขอหนังสือการ์ตูนที่ถูกตัดปกครึ่งหนึ่ง มาเริ่มทำธุรกิจห้องสมุดที่บ้าน โดยร่วมหุ้นกับเพื่อนและจ้างน้องสาวเพื่อนเป็นบรรณารักษ์คอยจัดการและเก็บค่าอ่านหนังสือคนละ 2 ชั่วโมง ก็มีเพื่อน ๆ มาเป็นลูกค้า พอสมควร
นั่นเป็นจุดเริ่มไอเดียธุรกิจ ที่เปลี่ยนโอกาสจากหนังสือได้ฟรีมาสร้างรายได้ แม้จะทำอยู่ไม่นาน เพราะลูกค้าทะเลาะกันก็ตาม
หนังสือเล่มนี้ สอนให้มีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน ซึ่งมีทั้งคนที่มองว่าเงินคือ “สิ่งชั่วร้าย ที่ขาดไม่ได้” บางคนทำทุกอย่างเพื่อเงิน แม้จะผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม หรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม เพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือพวกพ้อง ก็จะต้องโดนจัดการด้วย”กฎแห่งกรรม” เข้าสักวัน
ผู้เขียนแนะว่า คนเราแต่ละคนมีความอัจฉริยะ หรือ”มีดี” ในแบบฉบับของตัวเอง การวัดไอคิวและความฉลาด จึงไม่ควรใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน เพราแต่ละคนก็มีรูปแบบการเรียนรู้ตามสไตล์ของตัวเอง
ดังนั้น คนที่มีจุดเด่นแค่ด้านเดียว ก็ขอให้รู็ว่า ยังมีอีกหลายวิธีในการพัฒนาด้านอื่น ๆ ได้อีก เช่นด้านการเงิน ให้ลองสร้างความคุ้นเคยรอบรู้กับมัน เช่น
พูดคุยเรื่องการเงิน กับเพื่อนหรือคนที่บ้าน
อ่านเรื่องการเงิน จากสื่อต่าง ๆ
เขียนเรื่องการเงิน ด้วยบันทึกส่วนตัว
บริหารเงินให้ดี เริ่มจาก DKI ดูรายรับรายจ่ายส่วนตัว
ตรวจบัญชีด้วยตัวเอง ให้ทำงบรายรับ รายจ่าย ของตัวเองทุกวัน
รับผิดชอบตัวเอง ด้วยการสร้างทัศนคติที่ดีกับเงิน ด้วยมุมมอง และการวางแผนอนาคตสำหรับตัวเอง
แนวทางสู่ความมั่งคั่ง
ยังมีเนื้อหาที่ให้ความรอบรู้ด้านการเงิน ที่จำเป็นสำหรับคนที่มุ่งมั่นสู่ความมั่งคั่งได้ ผมขอสรุปประเด็นตามแนวของพ่อรวยได้ดังนี้
1 อยากรวยต้องคิดอย่างคนรวย มองอุปสรรคเป็นความท้าทาย และเป็นโอกาส ที่ต้องปรับปรุงแผนให้รัดกุม เพื่อให้ได้สำเร็จสมใจ
2 คนมั่งมีหรือคนรวย จะเป็นเจ้าของบริษัท มีหุ้นในมือ แต่คนทั่วไปมีเพียงเงินเดือนเป็นรายได้ประจำ
3 ทำงานเพื่อเรียนรู้ ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงิน เพราะจะได้เห็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งผมเห็นว่า คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเป็นอิสระ ไม่อยากมีความเครียด แล้วอยากเป็นเจ้าของกิจการเอง สังคมธุรกิจยุคใหม่ ฏืมีช่องทางและเครื่องมือที่ให้โอกาสองค์กรเลือก”คนที่ใช่”มาทำงาน
ขณะเดียวกัน คนที่หางานก็มีโอกาสเลือก กิจการที่มีแนวทางที่ดี เป็นงานท้าทาย ได้โอกาสเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ทั้งเป็นอนาคตที่คนทำงานต้องการ
4 รู้จักสร้างเงินใช้เอง ลองพิจารณาจากรายได้ 3 แบบ
1) รายได้จากการทำงานประจำ
2) รายได้จากทรัพย์สิน เช่น ค่าเช่ารายเดือนจากอพาร์ทเม้นท์ ที่ซื้อไว้ รายได้จากธุรกิจที่วางระบบไว้ โดยตัวเองไม่ต้องทำงาน และค่าลิขสิทธิ์จากผลงานสร้างสรรค์งานศิลปะและการประพันธ์
3) รายได้จากพอร์ตการลงทุนทางการเงิน เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือพันธบัตร
5 สินทรัพย์ คือสิ่งที่นำเงินเข้ากระเป๋าเรา สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
6 หนี้สิน สิ่งที่นำเงินออกจากกระเป๋าเรา มีภาระ มีรายจ่ายที่ต้องดูแลของบางอย่างแม้ว่าดูเหมือนทรัพย์สิน เช่นกู้เงินซื้อบ้าน ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าโทรศัพท์มือถือ ซิ่งราคาตกเมื่อซื้อเป็นของเรา คิดแบบพ่อรวยก็ถือว่าเป็นหนี้สิน ไม่ใช่ทรัพย์สิน ยกเว้นหนี้สินที่ก่อให้เกิดรายได้ที่แน่นอน
7 การบริหารทรัพย์สิน พ่อรวยแนะนำให้แบ่งเป็นกระปุกออมสิน 3 ใบ
ใบที่ 1 เพื่อการกุศล ใบที่ 2 เงินออม ใบที่ 3 เงินลงทุน
ในบทสรุปของหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียน กล่าวถึงพ่อทั้งสองคนว่า เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เริ่มจากการเป็นผู้ให้คนอื่นก่อน การสอนหนังสือก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ และยิ่งให้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ความรอบรู้มากเท่านั้น โดยเฉพาะ ความรักในเกมการเงิน พร้อมกับมีความรับผิดชอบต่อสังคม ที่เขาเป็นห่วงเรื่อง”ช่องว่างคนรวยกับคนจน” ซึ่งนับวันจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้น
.................................
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ
พ่อรวยสอนวัยรุ่น
ผู้เขียน โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ
ผู้แปล นพพล วรไพบูลย์
บรรณาธิการ จักรพงษ์ เมษพันธุ์
สำนักพิมพ์ ซีเอ็ดยูเคชั่น
แนะนำหนังสือ
คนฉลาด เจรจาเป็น
ผู้เขียน : ฮิโรตสึกุ คิยามะ
ผู้แปล : ณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล
สำนักพิมพ์ : เชนจ์พลัส
ราคา 195 บาท
หากคุณเป็นคนมีปัญหาด้านการเจรจาหรือไม่กล้าโต้กลับผู้อื่นทั้งที่อยากเถียงใจแทบขาด ด้วยการเรียนรู้วิธีพูดโต้ตอบบทสนทนาอย่างชาญฉลาดจากหนังสือเล่มนี้ คุณจะกลายเป็นคนใหม่ที่ไม่ถูกเอาเปรียบและเหนือชั้นกว่าเดิม
ลุกให้ไวในวันที่ใจล้ม
ผู้เขียน : ดร. หลิวเฟ่ยเซวียน
ผู้แปล : อัษฎา จันหยู
สำนักพิมพ์ : Bloom
ราคา 295 บาท
ผลงานที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้เรียนรู้การฟื้นจิตใจจากปัญหาต่าง ๆ อย่างถูกวิธี เหมือนสวมเกราะป้องกันทางจิตใจ ข้ามผ่านและเอาชนะอุปสรรคที่กำลังเผชิญและพร้อมรับมือกับปัญหาในภายภาคหน้า
119 คำถาม โรคต้อหิน
ผู้เขียน : หลายคนเขียน
ผู้แปล : วิธารณี จงสถิตย์วัฒนา
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ราคา 195 บาท
รวบรวมคำถามไว้ทั้งหมด 119 ข้อ เป็นคู่มือเรื่องต้อหินที่มีข้อมูลหนักแน่น น่าเชื่อถือ และอ่านง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาสายตา ผู้ที่ย่างเข้าสู่วัยกลางคนและวัยสูงอายุ
โรงเรียนสอนธุรกิจ
ผู้เขียน : โรเบิร์ต คิโยซากิ
ผู้แปล : พิบูลย์ ดิษฐอุดม
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น
ราคา 235 บาท
พาคุณไปรู้จักกับ "การตลาดแบบเครือข่าย" ซึ่งเป็นธุรกิจที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถกลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เสี่ยงน้อยกว่า และรวดเร็วกว่าเส้นทางแบบที่ต้องทำธุรกิจด้วยตนเองเพียงลำพัง พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของโอกาส 8 ประการ ที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย
กว่าจะรู้สึกตัว ก็สูญเงินจำนวนมากไปแล้ว ถึงจะไปร้องเรียน ฟ้องร้องเป็นคดี ก็หวังผลอะไรคืนมายาก
คนที่ตกเป็นเหยื่อเป้าหมาย ก็คือคนที่มีความโลภ หวังรวยเร็ว ซึ่งรวมทั้งวัยรุ่นในยุคสังคมข่าวสารปัจจุบัน โดยปกติ วัยรุ่นทั่วไปมักความคิดที่อยากลอง อยากรู้ผลเร็ว เหมือนอย่างที่รู้เห็นตัวอย่างของคนที่ทำสำเร็จ เป็นข้ออ้าง
ข้อมูลข่าวสารที่รับรู้จากช่องทางสื่อต่าง ๆ เป็นเพียงข้อมูลข่าวสารที่สร้างความสนใจ แต่ขาดความคิดเชิงวิเคราะห์ด้วยเหตุผลว่าผลประโยชน์หรือกำไรที่คาดว่าจะได้ มาจากไหน อย่างไร ลืมนึกถึงความไม่แน่นอน และนั่นคือความเสี่ยง
ทั้งที่หลักการลงทุนนั้นจะต้องคำนึงถึงขั้นตอน ที่มาที่ไปของเงินที่ลงไป และผลตอบแทนที่จะได้มาจากไหน ประเภทได้ง่าย ได้มาก ได้เร็ว ในโลกความจริง ไม่มีหรอก !
นี่เองที่โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือ “พ่อรวยสอนลูก” จึงเป็นที่สนใจของผู้ใฝ่รู้ หนังสือเล่มนี้มีการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ขายดีไปทั่วโลก แล้วต่อยอดเนื้อหามุ่งกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ กลายเป็นหนังสือชุด นับ 20 เล่มทำหน้าที่บอกเคล็ดลับทางการเงิน และชี้แนะให้คิดแบบผู้ประกอบการ คือ หาเงินเก่ง และฉลาดในการใช้เงินในทางที่คุ้มค่า และเอาไปลงทุนให้เกิดผลงอกเงย
ผมขอกล่าวถึงหนังสือเล่มใหม่ “พ่อรวยสอนวัยรุ่น” พิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่ 6 สอดคล้องกับกระแสธุรกิจยุคดิจิทัล ที่ระบบเทคโนโลยี ช่วยให้การรับรู้ เรียนรู้ เปรียบเทียบข้อมูล เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว หลากหลายช่องทางสื่อยุคใหม่
เราจึงได้เห็นคนหนุ่มสาว ที่หัวไวความคิดก้าวหน้า สร้างธุรกิจขึ้นเอง หรือไปเป็นดาวเด่นในองค์กรด้วยแนวคิดใหม่ ๆ สนับสนุนโดยเทคโนโลยีทันสมัยและมีนวัตกรรม ผู้ประสบความสำเร็จยุคใหม่จึงมีอายุน้อยกว่าสมัยก่อน
เพราะการแข่งขันทางธุรกิจยุคนี้ ไม่มีข้อจำกัดด้าน เพศ วัย วุฒิการศึกษา และขนาดของกิจการ ช่องทางการเรียนรู้มีทั้งจากวงการธุรกิจและระบบการศึกษาที่ไร้พรมแดน
จึงเกิดธุรกิจยุคใหม่เป็น Start--up โดยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สร้างสินค้าและบริการที่มีความแตกต่างอย่างโดดเด่น เกิดผลสำเร็จแบบก้าวกระโดด
โรเบิร์ต ที.คิโยซากิ ใช้ประสบการณ์ตัวเองที่ได้เรียนรู้และรับการหล่อหลอมวิธีคิดและกระตุ้นให้ลงมือทำจริง จากพ่อของไมค์เพื่อนตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเขาเรียกว่า “พ่อรวย” ทั้งที่วุฒิการเรียนไม่สูง แต่รู้จริงและทันการณ์ ทันเกมเรื่องการเงิน จึงมีทรัพย์สิน รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และร้านค้าสะดวกซื้อหลายสาขา เรียกว่า “มีเงินใช้ไม่หมด”
ขณะที่พ่อแท้ ๆ ของเขามีวุฒิการศึกษาสูง เป็นผู้อำนวยการการศึกษารัฐฮาวาย แต่ไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ผลก็คือ “เงินทองไม่ค่อยพอใช้” ต้องดิ้นรนหมุนเงินทุกเดือน เขาเรียกเล่น ๆ ว่า “พ่อจน”
เขาสรุปจากการสั่งสอนของพ่อทั้งสองคนว่า หนทางสู่ความร่ำรวยนั้นมีมากมาย การศึกษาก็เป็นทางหนึ่ง และความรู้ทางการเงินก็เป็นเครื่องมืออีกทางหนึ่ง ที่จำเป็นในการประยุกต์ใช้ใน “วิชาชีวิต” จากการลงมือทำ ซึ่งจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อชีวิตจริง ทำให้เกิดความราบรื่น ไม่ติดขัด เป็นความรู้ที่สำคัญควบคู่กับ “วิชาการและวิชาชีพ” ที่ได้รับจากโรงเรียน
น่ายินดีสำหรับคุณที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ พ่อรวยสอนวัยรุ่น (Rich Dad Poor Dad for Teens) ซึ่งจะช่วยให้ได้เรียนรู้ในวิชาที่ไม่เคยมีสอนในโรงเรียน
นั่นคือ “ความรู้ทางการเงิน” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต ให้ราบรื่นในปัจจุบัน และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ดี
การพูดจาภาษาเงิน อย่างเข้าใจและฉลาดหารายได้ เก็บรักษาเป็น ฉลาดในการใช้จ่าย และรู้จักนำไปลงทุนให้เกิดดอกผลงอกงาม เป็นการรองรับความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
ขณะเดียวกันก็สามารถนำไปใช้สร้างธุรกิจของตัวเอง ยิ่งถ้าได้เริ่มฝึกฝนความคิดทำธุรกิจตั้งแต่วัยเด็ก อย่างที่โรเบิร์ตเริ่มทำตั้งแต่ตอนอายุ 9 ขวบ เมื่อเขาไปทำงานพิเศษกับร้านสะดวกซื้อของพ่อเพื่อนนักเรียน เขาเห็นผู้จัดการร้านตัดปกหนังสือการ์ตูนครึ่งหน้า เพื่อเป็นหลักฐานส่งคืนเอเย่นต์หนังสือที่ขายไม่ออก ส่วนตัวเล่มหนังสือก็เตรียมเอาไปทิ้ง
เขาจึงขอหนังสือการ์ตูนที่ถูกตัดปกครึ่งหนึ่ง มาเริ่มทำธุรกิจห้องสมุดที่บ้าน โดยร่วมหุ้นกับเพื่อนและจ้างน้องสาวเพื่อนเป็นบรรณารักษ์คอยจัดการและเก็บค่าอ่านหนังสือคนละ 2 ชั่วโมง ก็มีเพื่อน ๆ มาเป็นลูกค้า พอสมควร
นั่นเป็นจุดเริ่มไอเดียธุรกิจ ที่เปลี่ยนโอกาสจากหนังสือได้ฟรีมาสร้างรายได้ แม้จะทำอยู่ไม่นาน เพราะลูกค้าทะเลาะกันก็ตาม
หนังสือเล่มนี้ สอนให้มีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน ซึ่งมีทั้งคนที่มองว่าเงินคือ “สิ่งชั่วร้าย ที่ขาดไม่ได้” บางคนทำทุกอย่างเพื่อเงิน แม้จะผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม หรือทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรม เพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเองหรือพวกพ้อง ก็จะต้องโดนจัดการด้วย”กฎแห่งกรรม” เข้าสักวัน
ผู้เขียนแนะว่า คนเราแต่ละคนมีความอัจฉริยะ หรือ”มีดี” ในแบบฉบับของตัวเอง การวัดไอคิวและความฉลาด จึงไม่ควรใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน เพราแต่ละคนก็มีรูปแบบการเรียนรู้ตามสไตล์ของตัวเอง
ดังนั้น คนที่มีจุดเด่นแค่ด้านเดียว ก็ขอให้รู็ว่า ยังมีอีกหลายวิธีในการพัฒนาด้านอื่น ๆ ได้อีก เช่นด้านการเงิน ให้ลองสร้างความคุ้นเคยรอบรู้กับมัน เช่น
พูดคุยเรื่องการเงิน กับเพื่อนหรือคนที่บ้าน
อ่านเรื่องการเงิน จากสื่อต่าง ๆ
เขียนเรื่องการเงิน ด้วยบันทึกส่วนตัว
บริหารเงินให้ดี เริ่มจาก DKI ดูรายรับรายจ่ายส่วนตัว
ตรวจบัญชีด้วยตัวเอง ให้ทำงบรายรับ รายจ่าย ของตัวเองทุกวัน
รับผิดชอบตัวเอง ด้วยการสร้างทัศนคติที่ดีกับเงิน ด้วยมุมมอง และการวางแผนอนาคตสำหรับตัวเอง
แนวทางสู่ความมั่งคั่ง
ยังมีเนื้อหาที่ให้ความรอบรู้ด้านการเงิน ที่จำเป็นสำหรับคนที่มุ่งมั่นสู่ความมั่งคั่งได้ ผมขอสรุปประเด็นตามแนวของพ่อรวยได้ดังนี้
1 อยากรวยต้องคิดอย่างคนรวย มองอุปสรรคเป็นความท้าทาย และเป็นโอกาส ที่ต้องปรับปรุงแผนให้รัดกุม เพื่อให้ได้สำเร็จสมใจ
2 คนมั่งมีหรือคนรวย จะเป็นเจ้าของบริษัท มีหุ้นในมือ แต่คนทั่วไปมีเพียงเงินเดือนเป็นรายได้ประจำ
3 ทำงานเพื่อเรียนรู้ ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงิน เพราะจะได้เห็นโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งผมเห็นว่า คนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเป็นอิสระ ไม่อยากมีความเครียด แล้วอยากเป็นเจ้าของกิจการเอง สังคมธุรกิจยุคใหม่ ฏืมีช่องทางและเครื่องมือที่ให้โอกาสองค์กรเลือก”คนที่ใช่”มาทำงาน
ขณะเดียวกัน คนที่หางานก็มีโอกาสเลือก กิจการที่มีแนวทางที่ดี เป็นงานท้าทาย ได้โอกาสเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ทั้งเป็นอนาคตที่คนทำงานต้องการ
4 รู้จักสร้างเงินใช้เอง ลองพิจารณาจากรายได้ 3 แบบ
1) รายได้จากการทำงานประจำ
2) รายได้จากทรัพย์สิน เช่น ค่าเช่ารายเดือนจากอพาร์ทเม้นท์ ที่ซื้อไว้ รายได้จากธุรกิจที่วางระบบไว้ โดยตัวเองไม่ต้องทำงาน และค่าลิขสิทธิ์จากผลงานสร้างสรรค์งานศิลปะและการประพันธ์
3) รายได้จากพอร์ตการลงทุนทางการเงิน เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือพันธบัตร
5 สินทรัพย์ คือสิ่งที่นำเงินเข้ากระเป๋าเรา สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้
6 หนี้สิน สิ่งที่นำเงินออกจากกระเป๋าเรา มีภาระ มีรายจ่ายที่ต้องดูแลของบางอย่างแม้ว่าดูเหมือนทรัพย์สิน เช่นกู้เงินซื้อบ้าน ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าโทรศัพท์มือถือ ซิ่งราคาตกเมื่อซื้อเป็นของเรา คิดแบบพ่อรวยก็ถือว่าเป็นหนี้สิน ไม่ใช่ทรัพย์สิน ยกเว้นหนี้สินที่ก่อให้เกิดรายได้ที่แน่นอน
7 การบริหารทรัพย์สิน พ่อรวยแนะนำให้แบ่งเป็นกระปุกออมสิน 3 ใบ
ใบที่ 1 เพื่อการกุศล ใบที่ 2 เงินออม ใบที่ 3 เงินลงทุน
ในบทสรุปของหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียน กล่าวถึงพ่อทั้งสองคนว่า เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เริ่มจากการเป็นผู้ให้คนอื่นก่อน การสอนหนังสือก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ และยิ่งให้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ความรอบรู้มากเท่านั้น โดยเฉพาะ ความรักในเกมการเงิน พร้อมกับมีความรับผิดชอบต่อสังคม ที่เขาเป็นห่วงเรื่อง”ช่องว่างคนรวยกับคนจน” ซึ่งนับวันจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้น
.................................
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ
พ่อรวยสอนวัยรุ่น
ผู้เขียน โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ
ผู้แปล นพพล วรไพบูลย์
บรรณาธิการ จักรพงษ์ เมษพันธุ์
สำนักพิมพ์ ซีเอ็ดยูเคชั่น
แนะนำหนังสือ
คนฉลาด เจรจาเป็น
ผู้เขียน : ฮิโรตสึกุ คิยามะ
ผู้แปล : ณัฐพงศ์ ไชยวานิชย์ผล
สำนักพิมพ์ : เชนจ์พลัส
ราคา 195 บาท
หากคุณเป็นคนมีปัญหาด้านการเจรจาหรือไม่กล้าโต้กลับผู้อื่นทั้งที่อยากเถียงใจแทบขาด ด้วยการเรียนรู้วิธีพูดโต้ตอบบทสนทนาอย่างชาญฉลาดจากหนังสือเล่มนี้ คุณจะกลายเป็นคนใหม่ที่ไม่ถูกเอาเปรียบและเหนือชั้นกว่าเดิม
ลุกให้ไวในวันที่ใจล้ม
ผู้เขียน : ดร. หลิวเฟ่ยเซวียน
ผู้แปล : อัษฎา จันหยู
สำนักพิมพ์ : Bloom
ราคา 295 บาท
ผลงานที่จะช่วยให้ผู้อ่านได้เรียนรู้การฟื้นจิตใจจากปัญหาต่าง ๆ อย่างถูกวิธี เหมือนสวมเกราะป้องกันทางจิตใจ ข้ามผ่านและเอาชนะอุปสรรคที่กำลังเผชิญและพร้อมรับมือกับปัญหาในภายภาคหน้า
119 คำถาม โรคต้อหิน
ผู้เขียน : หลายคนเขียน
ผู้แปล : วิธารณี จงสถิตย์วัฒนา
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ราคา 195 บาท
รวบรวมคำถามไว้ทั้งหมด 119 ข้อ เป็นคู่มือเรื่องต้อหินที่มีข้อมูลหนักแน่น น่าเชื่อถือ และอ่านง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เริ่มมีปัญหาสายตา ผู้ที่ย่างเข้าสู่วัยกลางคนและวัยสูงอายุ
โรงเรียนสอนธุรกิจ
ผู้เขียน : โรเบิร์ต คิโยซากิ
ผู้แปล : พิบูลย์ ดิษฐอุดม
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น
ราคา 235 บาท
พาคุณไปรู้จักกับ "การตลาดแบบเครือข่าย" ซึ่งเป็นธุรกิจที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถกลายเป็นเจ้าของธุรกิจได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า เสี่ยงน้อยกว่า และรวดเร็วกว่าเส้นทางแบบที่ต้องทำธุรกิจด้วยตนเองเพียงลำพัง พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของโอกาส 8 ประการ ที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจการตลาดแบบเครือข่าย