ในวงการธุรกิจทุกวันนี้ผมเห็นว่ามีกระแสเกี่ยวกับ “การโค้ช” คึกคักขึ้นทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ดูจากผู้เข้าอบรมการโค้ชมีมากขึ้น พร้อมกับมีโรงเรียนสอนสร้างโค้ช เพิ่มขึ้นหลายแห่ง สอดคล้องกับการยอมรับและใช้เทคนิคการโค้ชเสริมสร้างศักยภาพผู้บริหาร ผู้จัดการ และหัวหน้างานที่ต้องการเพิ่มความเก่งให้ครบเครื่องมากขึ้น
ขณะเดียวกันการเปิดตัวผู้สอบได้ใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพหลายระดับ จากสหพันธ์การโค้ชนานาชาติ หรือ ICF( International Coaching Federation) ก็มีออกมาทุกเดือน ผ่านการสื่อสารของทีมICF สาขากรุงเทพฯ เพื่อแสดงความยินดีกับก้าวหน้าในคุณสมบัติ สู่การเป็นโค้ชมืออาชีพ ที่มีจรรยาบรรณและสมรรถนะหลัก ตามมาตรฐานสากลคอยกำกับ
ถ้าถามว่าอะไรเป็นเหตุผลให้การโค้ช ได้รับความสนใจ ใช้เป็นศาสตร์และศิลป์ในการพัฒนาบุคลากรระดับหัวหน้าไปจนถึงผู้บริหาร แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงหรือ CEO ของกิจการชั้นนำบางแห่งซึ่งเชี่ยวชาญในธุรกิจ แต่ก็ยังใช้บริการจากโค้ชมืออาชีพ เพื่อช่วยให้สามารถเสริมศักยภาพ และเพิ่มมุมมองเข้าถึงความสุขสู่ความสำเร็จในการบริหารให้ดีขึ้นอีก
ซึซุกิ โยะชิยุกิ ผู้เขียนหนังสือ “SUPER COACHING ช่วยทีมขยายศักยภาพ สร้างสุดยอดผลลัพธ์” ซึ่งผ่านประสบการณ์ตั้งแต่ยุคบุกเบิกวงการโค้ชของประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 20 ปี ได้ยืนยันคุณค่าของเทคนิคการโค้ช ที่ช่วยกระตุ้นการคิดเพื่อค้นพบคำตอบ และนำศักยภาพของผู้รับการโค้ชออกมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน
เขาให้เหตุผล 3 ข้อ ที่ระบุว่าการโค้ชจำเป็นสำหรับสังคมยุคศตวรรษที่ 21 ในปัจจุบัน
1. การชี้ชัดสิ่งที่ถูกต้องจะยากขึ้น
เราอยู่ในยุคที่มีสภาวะVUCA World คือมีความผันผวน (Volatility) ไม่แน่นอน (Uncertainty) ซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) เป็นสภาพที่คาดการณ์ยาก ยุคจากนี้ไป คนเป็นหัวหน้าหรือผู้จัดการ จะไม่สามารถชี้นิ้วสั่งลูกน้องให้ทำอะไรแบบคิดชั้นเดียว จึงต้องหาวิธีรับมือกับสภาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนไป ด้วยการมีวิสัยทัศน์ ไม่สับสน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
“การโค้ช” จะเป็น กระบวนการที่ช่วยส่งเสริม ให้เข้าใจสถานการณ์ และมีสติ มีชุดความคิดเชิงบวก เพื่อค้นหาคำตอบ ผ่านการสนทนาในกระบวนการโค้ช
2. ในองค์กรจะมีความหลากหลายมากขึ้น
สังคมปัจจุบันมีความหลากหลายทางเพศและคนต่างวัย รวมทั้งมีทัศนคติที่แตกต่างกัน ที่อาจแสดงออกและที่ไม่เปิดเผย
“การโค้ช” จะช่วยให้คนที่แม้ทัศนคติต่างกัน ก็มีโอกาสเกิดการเรียนรู้และสามารถมุ่งไปในทิศทางเดียวกันหรือว่าดภาพอนาคตไปด้วยกันได้
3. ความต้องการวิธีการใหม่ๆ หรือนวัตกรรมมากมีขึ้น
จำเป็นต้องเริ่มด้วยการมีทัศนคติที่พร้อมจะรับมือกับเรื่องต่าง ๆ โดยไม่กลัวความผิดพลาด แต่การที่หัวหน้าจะกระตุ้นลูกน้อง หรือพูดปลุกใจให้ทำในสิ่งท้าทาย แค่นั้นยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องใช้ “การโค้ช” กระตุ้นให้ลูกน้องคิด ก็จะช่วยให้เปลี่ยนมุมมองเป็นเชิงบวก และฝึกให้มองจากมุมสูงขึ้น มีวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้ปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มเติมจากการตีพิมพ์ครังแรกด้วย 3 เหตุผลคือ
1) กังวลว่าจะมีคนนำวิธีการโค้ชไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง เพราะการโค้ช ตามมาตรฐานสากล ICF นั้น จะไม่สอนหรือพูดชี้นำ แต่ใช้การถามเป็นหลัก ด้วยคำถามแบบคนอยากรู้ และกระตุ้นให้คิดในเชิงบวก เพื่อหาทางออกหรือวิธีที่ดีกว่า เพื่อมุ่งไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
โค้ชจึงไม่ใช้คำถามในลักษณะที่ต้องการคำตอบที่ถูกใจโค้ช เหมือนครูถามให้นักเรียนตอบ โค้ชไม่ถามด้วยสถานะที่สูงกว่าแต่จะวางคำถามไว้ระหว่างคู่สนทนาทั้ง 2 และหาคำตอบไปด้วยกัน โดยสะท้อนความใส่ใจจากคำตอบเป็นระยะ และถามต่อเพื่อกระตุ้นการค้นพบของผู้รับการโค้ช
2) หากใช้ทักษะการโค้ชเป็นพื้นฐาน จะช่วยให้คนในทีมหรือภายในองค์กรมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้น
3) แก่นของการโค้ชคือการสร้างบุคลากรที่มีความคิดเป็นของตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์ และจะเกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นได้
ขณะเดียวกัน “การโค้ช” คือการสื่อสารที่มุ่งพัฒนาให้ผู้รับการโค้ชเติบโตทางความคิด และเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างก้าวกระโดด ด้วยการกระทำของตัวเอง
กล่าวโดยรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้อ่านเพลินช่วยให้เข้าใจกระบวนการโค้ชอย่างชัดเจนและถูกต้อง ทั้งได้เรียนรู้เทคนิคการโค้ชถึง 62 ทักษะ ภายใต้ 7เทคนิคการโค้ชขั้นเทพ
(1) กระตุ้นการค้นพบศักยภาพ
(2) สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
(3) มองไปยังการบรรลุเป้าหมาย
(4) เปลี่ยนมุมมองและวิธีเข้าหา
(5) กระตุ้นการกระทำที่มาจากความตั้งใจของอีกฝ่าย
(6) สู่การเป็นโค้ชมือฉมัง
(7) สร้างการสนทนาในทีมและองค์กร
ปิดท้ายแต่ละบท จะมีการสรุปข้อความสำคัญ เป็นการให้หลัก "คิดแบบโค้ช” และย้ำความเข้าใจ
ผมขอยกตัวอย่างบางทักษะมายั่วความอยากรู้นะครับ
ทักษะที่ 3 Chunk Down การแบ่งข้อมูลก้อนใหญ่ให้เล็กลง
เมื่อถามเรื่องราว แล้วได้รับคำตอบจากผู้รับการโค้ช(โค้ชชี่) แบบกว้างๆ ให้ใช้ทักษะนี้เพื่อถามให้พูดตอบลงในรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมขึ้น เช่น
โค้ช : “ไปเที่ยวฮาวายมา เป็นอย่างไรบ้าง”
โค้ชชี่ : “สนุกมาก”
โค้ช : “ที่บอกว่าสนุกมากนี่ ไปทำอะไรมาหรือ เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
..............................
หากรู้สึกว่ายังได้ภาพไม่ชัดเจน ก็ยิงคำถามต่อ เพื่อให้ลงรายละเอียดมากขึ้นได้
ทักษะที่ 25
ในการโค้ชแต่ละครั้ง เช่นใช้เวลา 60 นาที จะมีการพูดคุยจนผู้รับการโค้ชกำหนดเป้าหมายในการโค้ชครั้งนี้ ว่าต้องการได้ผลลัพธ์อะไร เพื่อนำไปปรับใช้ ซึ่งควรเป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจง มีความหมาย หรือให้คุณค่าต่อผู้รับการโค้ช ทั้งยังรู้สึกตื่นตัว อย่างเป็นธรรมชาติที่จะได้ทำต่อเนื่องอย่างไม่ฝืนใจ
การสนทนาระหว่างโค้ชกับโค้ชชี่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้วยการหาหนทางทำสิ่งที่ตนให้คุณค่า และการคิดแบบโค้ช ก็คือเชื่อในศักยภาพของโค้ชชี่ที่เลือกแนวทางที่ถนัดและพอใจ ซึ่งแต่ละคนมีเหตุปัจจัยไม่เหมือนกัน คล้ายการขึ้นสู่ยอดเขา แต่ละคนอาจใช้วิธีการหรือเครื่องทุ่นแรงที่ต่างกัน แต่ก็บรรลุเป้าหมายเช่นกันได้
ดังนั้น การพูดคุยตอนระบุเป้าหมาย จึงมีการถามถึงความหมายและผลดีที่่จะเกิดขึ้นกับเจ้าตัวหากบรรลุเป้าหมายนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็น
....................................
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ : SUPER COACHING ช่วยทีมขยายศักยภาพ สร้างสุดยอดผลลัพธ์
ผู้เขียน : Suzuki Yoshiyuki
ผู้แปล : วิธารณีสถานี จงสถิตย์วัฒนา
สำนักพิมพ์ NANMEEBOOKS
**แนะนำหนังสือ**
ตัวคุณคือศัตรู
ผู้เขียน : Ryan Holiday
ผู้แปล : จารุจรรย์ คงมีสุข
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น
ราคา 285 บาท
เมื่อศัตรูร้ายกาจที่สุดซ่อนอยู่ในตัวคุณ มันทำลายหน้าที่การงานของคนหนุ่มสาวอนาคตไกล มันทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ล่มสลายในชั่วข้ามคืน มันทำให้คนที่หวังดีต่อกันมากที่สุดกลายเป็นศัตรูในพริบตา ชื่อของมันคือ Ego
สำเร็จสบายสบาย เพราะเรียนรู้ไวแบบคนขี้เกียจ
ผู้เขียน : นะโอะยุกิ ฮนดะ
ผู้แปล : กมลวรรณ เพ็ญอร่าม
สำนักพิมพ์ : อัมรินทร์ How to
ราคา 198 บาท
นี่คือสุดยอดเทคนิคการเรียนของนะโอะยุกิ ฮนดะ บิดาแห่งความขี้เกียจ ผู้ซึ่งพยายามสุดชีวิตเพื่อหาวิธีที่ง่ายที่สุด สั้นที่สุด และสะดวกที่สุด ในการทำทุกอย่างให้สำเร็จตามเป้าหมายโดยใช้ "ความขี้เกียจ" เป็นสารตั้งต้น
คัมภีร์บริหารธุรกิจสู่ความยั่งยืน
ผู้เขียน : วีรปรัชญ์ สิงห์สัตย์
สำนักพิมพ์ : วิช กรุ๊ป
ราคา 295 บาท
ถอดบทเรียนจากผู้ให้คำปรึกษาองค์กรธุรกิจมากว่า 10 ปี สู่สูตรลับการบริหารและการจัดการ ที่นำไปปฏิบัติได้จริง เชื่อมโยงหลักการอย่างเป็นเหตุและผล ที่กล้าการันตีผลลัพธ์ หากทำได้สำเร็จแน่นอน!!!
รวยเปลี่ยนหลัก แค่รู้จักใช้คำ
ผู้เขียน : ผู้กองเบนซ์
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น
ราคา 250 บาท
สุดยอดเคล็ดวิชาเขียนโพสต์ขาย สร้างยอดสบาย ๆ 12 ล้านบาทต่อปี หลักการเลือกใช้คำมา "ขาย" ที่ใช้ได้ผลกับคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ขณะเดียวกันการเปิดตัวผู้สอบได้ใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพหลายระดับ จากสหพันธ์การโค้ชนานาชาติ หรือ ICF( International Coaching Federation) ก็มีออกมาทุกเดือน ผ่านการสื่อสารของทีมICF สาขากรุงเทพฯ เพื่อแสดงความยินดีกับก้าวหน้าในคุณสมบัติ สู่การเป็นโค้ชมืออาชีพ ที่มีจรรยาบรรณและสมรรถนะหลัก ตามมาตรฐานสากลคอยกำกับ
ถ้าถามว่าอะไรเป็นเหตุผลให้การโค้ช ได้รับความสนใจ ใช้เป็นศาสตร์และศิลป์ในการพัฒนาบุคลากรระดับหัวหน้าไปจนถึงผู้บริหาร แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงหรือ CEO ของกิจการชั้นนำบางแห่งซึ่งเชี่ยวชาญในธุรกิจ แต่ก็ยังใช้บริการจากโค้ชมืออาชีพ เพื่อช่วยให้สามารถเสริมศักยภาพ และเพิ่มมุมมองเข้าถึงความสุขสู่ความสำเร็จในการบริหารให้ดีขึ้นอีก
ซึซุกิ โยะชิยุกิ ผู้เขียนหนังสือ “SUPER COACHING ช่วยทีมขยายศักยภาพ สร้างสุดยอดผลลัพธ์” ซึ่งผ่านประสบการณ์ตั้งแต่ยุคบุกเบิกวงการโค้ชของประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 20 ปี ได้ยืนยันคุณค่าของเทคนิคการโค้ช ที่ช่วยกระตุ้นการคิดเพื่อค้นพบคำตอบ และนำศักยภาพของผู้รับการโค้ชออกมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ทั้งการใช้ชีวิตและการทำงาน
เขาให้เหตุผล 3 ข้อ ที่ระบุว่าการโค้ชจำเป็นสำหรับสังคมยุคศตวรรษที่ 21 ในปัจจุบัน
1. การชี้ชัดสิ่งที่ถูกต้องจะยากขึ้น
เราอยู่ในยุคที่มีสภาวะVUCA World คือมีความผันผวน (Volatility) ไม่แน่นอน (Uncertainty) ซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) เป็นสภาพที่คาดการณ์ยาก ยุคจากนี้ไป คนเป็นหัวหน้าหรือผู้จัดการ จะไม่สามารถชี้นิ้วสั่งลูกน้องให้ทำอะไรแบบคิดชั้นเดียว จึงต้องหาวิธีรับมือกับสภาพแวดล้อมของสังคมที่เปลี่ยนไป ด้วยการมีวิสัยทัศน์ ไม่สับสน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
“การโค้ช” จะเป็น กระบวนการที่ช่วยส่งเสริม ให้เข้าใจสถานการณ์ และมีสติ มีชุดความคิดเชิงบวก เพื่อค้นหาคำตอบ ผ่านการสนทนาในกระบวนการโค้ช
2. ในองค์กรจะมีความหลากหลายมากขึ้น
สังคมปัจจุบันมีความหลากหลายทางเพศและคนต่างวัย รวมทั้งมีทัศนคติที่แตกต่างกัน ที่อาจแสดงออกและที่ไม่เปิดเผย
“การโค้ช” จะช่วยให้คนที่แม้ทัศนคติต่างกัน ก็มีโอกาสเกิดการเรียนรู้และสามารถมุ่งไปในทิศทางเดียวกันหรือว่าดภาพอนาคตไปด้วยกันได้
3. ความต้องการวิธีการใหม่ๆ หรือนวัตกรรมมากมีขึ้น
จำเป็นต้องเริ่มด้วยการมีทัศนคติที่พร้อมจะรับมือกับเรื่องต่าง ๆ โดยไม่กลัวความผิดพลาด แต่การที่หัวหน้าจะกระตุ้นลูกน้อง หรือพูดปลุกใจให้ทำในสิ่งท้าทาย แค่นั้นยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องใช้ “การโค้ช” กระตุ้นให้ลูกน้องคิด ก็จะช่วยให้เปลี่ยนมุมมองเป็นเชิงบวก และฝึกให้มองจากมุมสูงขึ้น มีวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้น
นอกจากนี้ ผู้เขียนยังได้ปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มเติมจากการตีพิมพ์ครังแรกด้วย 3 เหตุผลคือ
1) กังวลว่าจะมีคนนำวิธีการโค้ชไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง เพราะการโค้ช ตามมาตรฐานสากล ICF นั้น จะไม่สอนหรือพูดชี้นำ แต่ใช้การถามเป็นหลัก ด้วยคำถามแบบคนอยากรู้ และกระตุ้นให้คิดในเชิงบวก เพื่อหาทางออกหรือวิธีที่ดีกว่า เพื่อมุ่งไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น
โค้ชจึงไม่ใช้คำถามในลักษณะที่ต้องการคำตอบที่ถูกใจโค้ช เหมือนครูถามให้นักเรียนตอบ โค้ชไม่ถามด้วยสถานะที่สูงกว่าแต่จะวางคำถามไว้ระหว่างคู่สนทนาทั้ง 2 และหาคำตอบไปด้วยกัน โดยสะท้อนความใส่ใจจากคำตอบเป็นระยะ และถามต่อเพื่อกระตุ้นการค้นพบของผู้รับการโค้ช
2) หากใช้ทักษะการโค้ชเป็นพื้นฐาน จะช่วยให้คนในทีมหรือภายในองค์กรมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้น
3) แก่นของการโค้ชคือการสร้างบุคลากรที่มีความคิดเป็นของตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์ และจะเกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นได้
ขณะเดียวกัน “การโค้ช” คือการสื่อสารที่มุ่งพัฒนาให้ผู้รับการโค้ชเติบโตทางความคิด และเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างก้าวกระโดด ด้วยการกระทำของตัวเอง
กล่าวโดยรวมแล้ว หนังสือเล่มนี้อ่านเพลินช่วยให้เข้าใจกระบวนการโค้ชอย่างชัดเจนและถูกต้อง ทั้งได้เรียนรู้เทคนิคการโค้ชถึง 62 ทักษะ ภายใต้ 7เทคนิคการโค้ชขั้นเทพ
(1) กระตุ้นการค้นพบศักยภาพ
(2) สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
(3) มองไปยังการบรรลุเป้าหมาย
(4) เปลี่ยนมุมมองและวิธีเข้าหา
(5) กระตุ้นการกระทำที่มาจากความตั้งใจของอีกฝ่าย
(6) สู่การเป็นโค้ชมือฉมัง
(7) สร้างการสนทนาในทีมและองค์กร
ปิดท้ายแต่ละบท จะมีการสรุปข้อความสำคัญ เป็นการให้หลัก "คิดแบบโค้ช” และย้ำความเข้าใจ
ผมขอยกตัวอย่างบางทักษะมายั่วความอยากรู้นะครับ
ทักษะที่ 3 Chunk Down การแบ่งข้อมูลก้อนใหญ่ให้เล็กลง
เมื่อถามเรื่องราว แล้วได้รับคำตอบจากผู้รับการโค้ช(โค้ชชี่) แบบกว้างๆ ให้ใช้ทักษะนี้เพื่อถามให้พูดตอบลงในรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมขึ้น เช่น
โค้ช : “ไปเที่ยวฮาวายมา เป็นอย่างไรบ้าง”
โค้ชชี่ : “สนุกมาก”
โค้ช : “ที่บอกว่าสนุกมากนี่ ไปทำอะไรมาหรือ เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
..............................
หากรู้สึกว่ายังได้ภาพไม่ชัดเจน ก็ยิงคำถามต่อ เพื่อให้ลงรายละเอียดมากขึ้นได้
ทักษะที่ 25
ในการโค้ชแต่ละครั้ง เช่นใช้เวลา 60 นาที จะมีการพูดคุยจนผู้รับการโค้ชกำหนดเป้าหมายในการโค้ชครั้งนี้ ว่าต้องการได้ผลลัพธ์อะไร เพื่อนำไปปรับใช้ ซึ่งควรเป็นสิ่งที่เฉพาะเจาะจง มีความหมาย หรือให้คุณค่าต่อผู้รับการโค้ช ทั้งยังรู้สึกตื่นตัว อย่างเป็นธรรมชาติที่จะได้ทำต่อเนื่องอย่างไม่ฝืนใจ
การสนทนาระหว่างโค้ชกับโค้ชชี่ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้วยการหาหนทางทำสิ่งที่ตนให้คุณค่า และการคิดแบบโค้ช ก็คือเชื่อในศักยภาพของโค้ชชี่ที่เลือกแนวทางที่ถนัดและพอใจ ซึ่งแต่ละคนมีเหตุปัจจัยไม่เหมือนกัน คล้ายการขึ้นสู่ยอดเขา แต่ละคนอาจใช้วิธีการหรือเครื่องทุ่นแรงที่ต่างกัน แต่ก็บรรลุเป้าหมายเช่นกันได้
ดังนั้น การพูดคุยตอนระบุเป้าหมาย จึงมีการถามถึงความหมายและผลดีที่่จะเกิดขึ้นกับเจ้าตัวหากบรรลุเป้าหมายนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็น
....................................
ข้อมูลอ้างอิงจากหนังสือ : SUPER COACHING ช่วยทีมขยายศักยภาพ สร้างสุดยอดผลลัพธ์
ผู้เขียน : Suzuki Yoshiyuki
ผู้แปล : วิธารณีสถานี จงสถิตย์วัฒนา
สำนักพิมพ์ NANMEEBOOKS
**แนะนำหนังสือ**
ตัวคุณคือศัตรู
ผู้เขียน : Ryan Holiday
ผู้แปล : จารุจรรย์ คงมีสุข
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น
ราคา 285 บาท
เมื่อศัตรูร้ายกาจที่สุดซ่อนอยู่ในตัวคุณ มันทำลายหน้าที่การงานของคนหนุ่มสาวอนาคตไกล มันทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ล่มสลายในชั่วข้ามคืน มันทำให้คนที่หวังดีต่อกันมากที่สุดกลายเป็นศัตรูในพริบตา ชื่อของมันคือ Ego
สำเร็จสบายสบาย เพราะเรียนรู้ไวแบบคนขี้เกียจ
ผู้เขียน : นะโอะยุกิ ฮนดะ
ผู้แปล : กมลวรรณ เพ็ญอร่าม
สำนักพิมพ์ : อัมรินทร์ How to
ราคา 198 บาท
นี่คือสุดยอดเทคนิคการเรียนของนะโอะยุกิ ฮนดะ บิดาแห่งความขี้เกียจ ผู้ซึ่งพยายามสุดชีวิตเพื่อหาวิธีที่ง่ายที่สุด สั้นที่สุด และสะดวกที่สุด ในการทำทุกอย่างให้สำเร็จตามเป้าหมายโดยใช้ "ความขี้เกียจ" เป็นสารตั้งต้น
คัมภีร์บริหารธุรกิจสู่ความยั่งยืน
ผู้เขียน : วีรปรัชญ์ สิงห์สัตย์
สำนักพิมพ์ : วิช กรุ๊ป
ราคา 295 บาท
ถอดบทเรียนจากผู้ให้คำปรึกษาองค์กรธุรกิจมากว่า 10 ปี สู่สูตรลับการบริหารและการจัดการ ที่นำไปปฏิบัติได้จริง เชื่อมโยงหลักการอย่างเป็นเหตุและผล ที่กล้าการันตีผลลัพธ์ หากทำได้สำเร็จแน่นอน!!!
รวยเปลี่ยนหลัก แค่รู้จักใช้คำ
ผู้เขียน : ผู้กองเบนซ์
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น
ราคา 250 บาท
สุดยอดเคล็ดวิชาเขียนโพสต์ขาย สร้างยอดสบาย ๆ 12 ล้านบาทต่อปี หลักการเลือกใช้คำมา "ขาย" ที่ใช้ได้ผลกับคอนเทนต์ทุกรูปแบบ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์