xs
xsm
sm
md
lg

ปลดล็อกกัญชา จะเป็น “เศรษฐี” หรือจะเป็น “แมลงเม่า” / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวในประเทศไทยที่กำลังจะมีการปลดล็อกพืชกัญชาออกจากจากยาเสพติดประเภทที่ ๕ ได้ทำให้หลายคนอยากปลูกกัญชาให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซามาเป็นเวลานานจากการเกิดโรคระบาด

ข่าวดีของกัญชาที่สุด คือ อย่างน้อยชาวบ้านและประชาชนทั่วไปจะสามารถปลูกกัญชาได้ด้วยการ “จดแจ้ง” แต่ไม่ต้องขออนุญาต น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ในการมีสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเองสำหรับการรักษาหรือบำบัดตัวเองและคนในครอบครัว


การพึ่งพาตัวเองด้วยการปลูกเองได้นั้น ย่อมทำให้ผู้ป่วย “บางส่วน” ลดการพึ่งพากัญชาในตลาดใต้ดินให้น้อยลง โดยเฉพาะในเรื่องการปนเปื้อนจากโลหะหนัก หรือยาฆ่าแมลง เพราะคนที่ปลูกสำหรับตัวเองและคนในครอบครัวย่อมต้องใส่ใจในเรื่องความปลอดภัยมากกว่าพ่อค้ากัญชาใต้ดินอยู่แล้ว

นอกจากนั้น การปลูกสมุนไพรด้วยตัวเอง ใช้เองภายในครอบครัว ย่อมเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาให้น้อยลง เพราะกัญชาที่ใช้อยู่ในใต้ดินอาจจะมีราคาแพงเกินไป เนื่องด้วยเพราะก่อนหน้านี้เป็นสิ่งกฎหมาย

เหนือสิ่งอื่นใดจะเกิดการคัดกรองและพัฒนากัญชาอันเป็นการแข่งขันในด้านคุณภาพ แทนการแข่งขันกันด้าน “เส้นสายในการวิ่งเต้น” เพราะคนที่อยู่ใต้ดินที่มีคุณภาพจะสามารถทำการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ได้ จึงสามารถตรวจเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพได้ และเอกชนจะสามารถดำเนินการพัฒนาได้คล่องตัวมากกว่าภาครัฐ

แต่ใครก็ตาม การที่จะดำเนินการ “ปลูกเพื่อการค้า” ก็ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่าจะผลิตภัณฑ์ปลายทางคืออะไร และขายได้จริงหรือไม่?

เพราะต้องไม่ลืมว่า แม้สารสกัดที่มีสารที่ทำให้มึนเมาที่มีชื่อว่า THC จะต้องไม่ให้เกินร้อยละ 0.2 ของน้ำหนักนั้น แต่เมื่อจะเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆเพื่อจำหน่าย จะต้องผ่านใบอนุญาตจากองค์การอาหารและยาเสียก่อน ซึ่งสาร THC ก็อาจจะน้อยกว่าร้อยละ 0.2 อย่างแน่นอน

แม้แต่สารสำคัญในกัญชงที่มีชื่อว่า CBD ซึ่งไม่ได้ทำให้มึนเมา แต่ก็มีจำนวน CBD ในผลิตภัณฑ์น้อยมากในระดับไม่ให้มีการอ้างสรรพคุณใด ๆ ในเรื่องสุขภาพ

ดังนั้น หากผลิตภัณฑ์ไม่ได้มีสรรพคุณได้ตามความคาดหวังของผู้บริโภค ผลสุดท้ายก็คือผลิตภัณฑ์กัญชาอาจจะเป็นกระแสที่ทำได้แค่กระแส “อยากลอง” แต่อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องการได้จริง

ในทางตรงกันข้าม สารสกัดกัญชาหรือกัญชงที่มี THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 หรือสารสกัดกัญชงที่มี CBD สูงๆที่หวังผลสรรพคุณทางการแพทย์จริง ๆ ต้องมีการวิจัย หรือไม่ก็มีการจำหน่ายผ่านคลินิกหรือโรงพยาบาลเท่านั้น จึงจะมีโอกาสมีสรรพคุณตามที่คาดหวังได้

ดังนั้น ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ต้องผ่านการวิจัย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในคลินิกหรือโรงพยาบาล จำเป็นต้องรู้ลักษณะผลิตภัณฑ์เสียก่อน จึงจะรู้สายพันธุ์ วิธีการเพาะปลูก เมื่อรู้แล้วจึงจะกำหนดสายพันธุ์ที่ต้องการได้จริง ๆ

ส่วนใครปลูกในสิ่งที่ไม่ศึกษาความต้องการของผู้ใช้จริง หรือต้องการผลิตจริง ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถขายต้นกัญชาได้มากอย่างที่คิด

ยังไม่นับว่าการปลูกกัญชาเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์นั้น จะต้องมีความปลอดภัย ดังนั้นจะต้องปราศจากการปนเปื้อนโลหะหนัก ยาฆ่าแมลง ในขณะเดียวกันก็จะต้องไม่ถูกทำลายโดยแมลงและโรคอื่น ๆ หากดำเนินการไปโดยปราศจากความรู้และความเข้าใจจริง ก็อาจจะถึงขั้นต้องขาดทุนและไม่สามารถจำหน่ายได้ด้วยซ้ำ

ตั้งสติอย่าแห่ตามกระแส จนกลายเป็นแมลงเม่าก็แล้วกัน

ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต



กำลังโหลดความคิดเห็น