ในยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีก้าวหน้า และมี “ปัญญาประดิษฐ์” ที่อัจฉริยะมาก ทำให้คนและองค์กรต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ แล้วยังถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤตโควิด-19 จนเกิดสภาวะ “New Normal” ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ต้องปรับตัว เปลี่ยนพฤติกรรม วิธีการใช้ชีวิต และรูปแบบวิธีการทำงาน จนกลายเป็น “ชีวิตวิถีใหม่” ในหลายมิติ
แต่จุดมุ่งหมายและเป้าหมายของชีวิต และการทำงานของคนที่ใฝ่ดีใฝ่พัฒนา ก็ยังมีแนวคิดมุ่งสู่ความยั่งยืน คำนึงถึงความสมดุล คือต้องการชีวิตที่อยู่ดี-มีสุข (Well-Being) และธุรกิจการงานที่ทำมีผลสำเร็จและเกิดผลลัพธ์ที่ดี ทั้งต่อตัวเอง องค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อม
ผมได้อ่านหนังสือ “ศาสตร์ผู้นำ สู่ความยั่งยืน : 4 เสาหลักสร้างสุข กุญแจไขความลับสู่ความสำเร็จ” ด้วยความอิ่มเอม และแนวทางนี้ นักบริหารต่างให้ความสำคัญ จนเป็นกระแสโลก
ผู้นำองค์กรชั้นนำและกิจการดาวเด่นที่มีความตระหนักรู้ในการบริหารความสมดุล พากันปรับตัว มุ่งสู่ความสำเร็จ ที่มีความสุขและยั่งยืน มีตัวอย่างยืนยัน ให้เห็นผลดีต่อองค์กร ต่อผู้บริหาร พนักงาน และลูกค้า มีรายละเอียดในหนังสือเล่มนี้หลายกิจการ
นี่เป็นผลงานเด่นเล่มล่าสุดของอาจารย์ กฤษณ์ รุยาพร ที่เขียนขึ้นเป็นองค์ความรู้และออกแบบโมเดลให้เครื่องมือการบริหารหลายกระบวนท่า ซี่งตกผลึกจากประสบการณ์ที่ให้คำปรึกษาและอบรม พัฒนาผู้นำและผู้บริหารองค์กรมากมาย ในการแนะแนวคิดและปรับกลยุทธ์การบริหารองค์กร บริหารคน และสร้างเสริมภาวะผู้นำที่มุ่งความสุขและความสำเร็จ ในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ศูนย์ฝึกอบรมไร่ใจยิ้ม ที่กาญจนบุรี จึงเป็นพื้นที่ธรรมชาติดีมาก ให้ประสบการณ์ใกล้ชิดกายและใจ เป็นศูนย์เรียนรู้ของนักบริหารยุคใหม่ เช่น การค้นหาและพัฒนา “ต่อมสุขใจ” ของผู้นำ ครอบครัว และทีมงาน
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผมจึงนึกถึงข้อความข้างเรือลำหนึ่ง ที่ท่าเรือฮ่องกง ซึ่งให้ข้อคิดว่า…
“เราสามารถปรับใบเรือ เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายได้ แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนกระแสลมได้ เราจึงต้องปรับที่ตัวเราเอง”
ดังนั้น ขณะที่เชื้อไวรัสโควิคยังแพร่ระบาดไม่หยุด รวมทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจและการแช่งชัน ในยุค “โลกรวน” ถ้าเราตระหนักรู้ความสำคัญเร่งด่วนที่ต้องเปลี่ยนแปลง (Sense of Urgency) รู้จักปรับตัวเราเอง และระบบในองค์กร ให้ทันยุค ปลอดโรค ปลอดภัย ถึงกระแสวิกฤตยังกระหน่ำไม่หยุด แต่การดูแลความแข็งแรงภายนอก คือร่างกายและพัฒนาระบบการทำงาน ส่วนด้านภายในคือ แนวคิดและจิตใจ ให้ประสานพลังเพื่อเดินหน้าฝ่าคลื่นการเปลี่ยนแปลง สู่เป้าหมายอย่างมีความสุข และยั่งยืน ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น
หนังสือเล่มนี้ มุ่งให้แนวคิดและแนวปฏิบัติ ที่ทันการณ์ ทันเกมส์ และกระตุ้นผู้นำให้มุ่งผลลัพธ์ความยั่งยืน (Sustainable Leader) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปรับทิศทางและกลยุทธ์ เพื่อการเป็นองค์กรที่ยั่งยืน (Sustainable Organization) ที่เป็นวัฒนธรรมและมี “ต่อมสุขใจ”
ด้วยหลักคิดและแนวปฏิบัติมีชี้แนะอยู่ตลอด 25 บทของหนังสือเล่มนี้ ได้ให้วิธีคิดใหม่ๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ ปลุกจิตสำนึกในการพัฒนากายใจ หรือพัฒนาองค์กรและทีมงานได้ทันสมัยดีมาก
อย่างเช่นบทที่ว่าด้วย Opportunity Management ที่ตอบโจทย์คนอยากรู้ว่า “บริหารโอกาสอย่างไรให้ ดัง ปัง รวย อย่างมีความสุขและยั่งยืน”
ถ้าเป็นระดับองค์กร ก็ต้องสามารถผสาน”จุดแข็ง” ของตัวผู้นำและทีมงาน ให้สามารถสร้างผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) ดี ๆ จนเกิดการเปลี่ยนแปลง(Impact) ที่ส่งผลดีต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ใช่อย่างที่คนทั่วไปมักมองที่ “รวย” ก่อน แต่ถ้ามีปัจจัยเสริมให้ “ดัง” และ “ปัง” ด้วย ความรวยก็จะยิ่งทวีคูณ และมีความยั่งยืน คือรวยคุณภาพ รวยความดี และรวยความน่าเชื่อถือจึงไม่ใช่รวยชั่วคราว
3 ปัจจัยสำคัญ ที่ต้องตรวจสอบและคำนึงถึง ซึ่งหนุนให้ไปสู่ความ ดัง-ปัง-รวย ได้ก็คือ
1.ความเก่ง 2. ความสุข 3.เป็นความสามารถที่โลก(ตลาด)ต้องการ
มีคำเตือนว่า ถ้าทำสิ่งที่เก่ง ที่ชำนาญ แต่ใจไม่รัก ไม่ชอบ แม้จะดัง (คนยอมรับฝีมือ) อาจได้ตำแหน่งดีขึ้น หรือรายได้เพิ่ม แต่ก็ไม่ใช่ความสุขที่ยั่งยืน
ถึงจุดหนึ่ง จะรู้สึก Burnout คือหมดใจ หมดไฟ และหมดแรง
อาจารย์กฤษณ์ แนะว่า อาจให้ทำแบบสอบถามหา “ต่อมสุขใจ” จะรู้ว่างานที่ได้รับมอบหมายให้ทำ หรืองานที่ต้องทำ อาจไม่เหมาะ ไม่ชอบจริง ๆ ในที่สุดก็ไปไม่รอด โดยเฉพาะเจ้าตัวจะสะสมความเครียด จนเกิดโรครุมเร้า
หรือแม้แต่คนที่ได้ทำสิ่งที่ชอบ ดูมีความสุข แต่โลกไม่ต้องการ (ขายไม่ออก) ก็ไม่ปัง ไม่รวย แล้วส่งผลมาที่ร่างกาย สะสมความซึมเศร้า ท้อแท้
จะให้ดี จึงควรค้นหาวิถีชีวิต และการงานที่ตอบโจทย์ ให้ครบทั้ง 3 ปัจจัยข้างต้น
ใน Part ที่5 ของหนังสือเล่มนี้ ชี้ให้เห็นความสำคัญของ Well-Thiking Well- Being คือผู้นำที่มุ่งสุขภาวะที่ดี แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ
ขอชวนให้มาสนใจดูแลสุขภาวะ คือชีวิตสมดุลของผู้นำ เพราะการทำงานในยุคปัจจุบัน ถูกกดดันจากการแข่งขัน และการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน ผู้นำทุกระดับ จึงต้องดูแล พัฒนาสุขภาพ ทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง
เพื่อให้เกิดความสมดุล จึงชวนให้มีการจัดการ “ศูนย์ชีวิต 4 ด้าน” ได้แก่
1.เวลา มีความสมดุลของการจัดการเวลากับความต้องการที่แท้จริงของชีวิต ซึ่งคนมักละเลย เพราะไปให้ความสำคัญกับการหาเงิน และการทำงานเท่านั้น
หยุดคิดสักนิด ลองถามตัวเองว่า “หากมีเวลาเหลือแค่ 1 เดือน สิ่งสำคัญที่อยากทำ ในชีวิตที่เหลือคืออะไร?”
2.ความสนุก บริหารเวลาที่สร้างความสนุกในชีวิต ที่สมดุล ความกระชุ่มกระชวยจะกลับมา
3.ความสัมพันธ์กับคนสำคัญ รู้จักจัดเวลาและทำกิจกรรมร่วมกัน เสมือนได้”ฝากบัญชีความสุขทางใจ”กับคนสำคัญของชีวิต ที่ควรให้เวลา เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนที่รักเป็นรากฐานสำคัญ ให้เราสามารถใช้พลังสร้างสรรค์ต่างๆสู่ภายนอกได้ต่อไป
4.ความแข็งแกร่ง การดูแลร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง และกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มพลังและเพิ่มการไหลเวียนของพลังดีๆ อย่างมีสติ
การตั้งศูนย์ทั้ง 4 ดังกล่าวอย่างลงตัว จะเป็นการสร้างความสมดุลของการหมุนเวียนพลังชีวิต ช่วยให้มีรอยยิ้ม และภูมิต้านทานที่แข็งแรง นำไปสู่ความสำเร็จอย่างมีความสุขและยั่งยืน
..........
ข้อมูลอ้างอิงหนังสือ
ศาสตร์ผู้นำสู่ความยั่งยืน : 4 เสาหลักสร้างสุข กุญแจไขความลับสู่ความสำเร็จ
ผู้เขียน กฤษณ์ รุยาพร
ผู้จัดจำหน่าย บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น
แนะนำหนังสือ
73 เคล็ดลับเปลี่ยนโอกาสให้เป็นความสำเร็จ
ผู้เขียน : ศิริกาญจน์ มาเมือง
สำนักพิมพ์ : โอเพ่น ไอเดีย
ราคา : 175 บาท
"ไขความลับของโอกาส" ที่คุณอาจไม่สังเกตเห็นหรือมองข้ามไปให้ชัดเจนขึ้น เพื่อคว้าโอกาสนั้นมาเป็นของตัวเองและสร้างสิ่งที่คุณปรารถนาให้สำเร็จได้ไปพร้อมกับหนังสือเล่มนี้!
FAKE การเงินลวงโลก
ผู้เขียน : โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ
ผู้แปล : ธนพร ศิริอัครกรกุล, ธนิน รัศมีธรรมชาติ
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น
ราคา : 395 บาท
คุณกำลังถูกใครหลอกอยู่หรือไม่ หรือคุณนั่นแหละที่กำลังหลอกตัวเองว่ากำลังอยู่บนทิศทางที่ถูกต้อง และคุณจะหาวิธีเอาชนะบนโลกที่เต็มไปด้วย "คำลวง" ทางการเงินได้อย่างไร? หาคำตอบได้ในหนังสือเล่มนี้
วันอังคารแห่งความทรงจำกับครูมอร์รี
ผู้เขียน : MITCH ALBOM
ผู้แปล : ฟีก้า Fika
สำนักพิมพ์ : ฟีก้า
ราคา : 198 บาท
หนังสือที่จะพาคุณผู้อ่านไปซึมซับวิชา "ความหมายแห่งชีวิต" ซึ่งถ่ายทอดจากหัวใจของ "ครูมอร์รี" ผู้เป็นครู ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
เอ๊ะ! ง่ายนะ ทำไมตอนเรียน ไม่เข้าใจ
ผู้เขียน : คัทสึยูกิ โคดามะ
ผู้แปล : นันทพร ชื่นกระโทก
สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ
ราคา : 299 บาท
ตำราความรู้ทั่วไปโดยสังเขป ซึ่งอธิบายความรู้ของสาขาต่าง ๆ ทั้ง 9 ศาสตร์ มาสรุปให้อ่านง่าย เข้าใจได้เร็วขึ้น พร้อมภาพการ์ตูนประกอบสวยงาม มีคำบรรยายและคำสำคัญในแต่ละภาพ
แต่จุดมุ่งหมายและเป้าหมายของชีวิต และการทำงานของคนที่ใฝ่ดีใฝ่พัฒนา ก็ยังมีแนวคิดมุ่งสู่ความยั่งยืน คำนึงถึงความสมดุล คือต้องการชีวิตที่อยู่ดี-มีสุข (Well-Being) และธุรกิจการงานที่ทำมีผลสำเร็จและเกิดผลลัพธ์ที่ดี ทั้งต่อตัวเอง องค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อม
ผมได้อ่านหนังสือ “ศาสตร์ผู้นำ สู่ความยั่งยืน : 4 เสาหลักสร้างสุข กุญแจไขความลับสู่ความสำเร็จ” ด้วยความอิ่มเอม และแนวทางนี้ นักบริหารต่างให้ความสำคัญ จนเป็นกระแสโลก
ผู้นำองค์กรชั้นนำและกิจการดาวเด่นที่มีความตระหนักรู้ในการบริหารความสมดุล พากันปรับตัว มุ่งสู่ความสำเร็จ ที่มีความสุขและยั่งยืน มีตัวอย่างยืนยัน ให้เห็นผลดีต่อองค์กร ต่อผู้บริหาร พนักงาน และลูกค้า มีรายละเอียดในหนังสือเล่มนี้หลายกิจการ
นี่เป็นผลงานเด่นเล่มล่าสุดของอาจารย์ กฤษณ์ รุยาพร ที่เขียนขึ้นเป็นองค์ความรู้และออกแบบโมเดลให้เครื่องมือการบริหารหลายกระบวนท่า ซี่งตกผลึกจากประสบการณ์ที่ให้คำปรึกษาและอบรม พัฒนาผู้นำและผู้บริหารองค์กรมากมาย ในการแนะแนวคิดและปรับกลยุทธ์การบริหารองค์กร บริหารคน และสร้างเสริมภาวะผู้นำที่มุ่งความสุขและความสำเร็จ ในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ศูนย์ฝึกอบรมไร่ใจยิ้ม ที่กาญจนบุรี จึงเป็นพื้นที่ธรรมชาติดีมาก ให้ประสบการณ์ใกล้ชิดกายและใจ เป็นศูนย์เรียนรู้ของนักบริหารยุคใหม่ เช่น การค้นหาและพัฒนา “ต่อมสุขใจ” ของผู้นำ ครอบครัว และทีมงาน
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผมจึงนึกถึงข้อความข้างเรือลำหนึ่ง ที่ท่าเรือฮ่องกง ซึ่งให้ข้อคิดว่า…
“เราสามารถปรับใบเรือ เพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายได้ แต่เราไม่สามารถเปลี่ยนกระแสลมได้ เราจึงต้องปรับที่ตัวเราเอง”
ดังนั้น ขณะที่เชื้อไวรัสโควิคยังแพร่ระบาดไม่หยุด รวมทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจและการแช่งชัน ในยุค “โลกรวน” ถ้าเราตระหนักรู้ความสำคัญเร่งด่วนที่ต้องเปลี่ยนแปลง (Sense of Urgency) รู้จักปรับตัวเราเอง และระบบในองค์กร ให้ทันยุค ปลอดโรค ปลอดภัย ถึงกระแสวิกฤตยังกระหน่ำไม่หยุด แต่การดูแลความแข็งแรงภายนอก คือร่างกายและพัฒนาระบบการทำงาน ส่วนด้านภายในคือ แนวคิดและจิตใจ ให้ประสานพลังเพื่อเดินหน้าฝ่าคลื่นการเปลี่ยนแปลง สู่เป้าหมายอย่างมีความสุข และยั่งยืน ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น
หนังสือเล่มนี้ มุ่งให้แนวคิดและแนวปฏิบัติ ที่ทันการณ์ ทันเกมส์ และกระตุ้นผู้นำให้มุ่งผลลัพธ์ความยั่งยืน (Sustainable Leader) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการปรับทิศทางและกลยุทธ์ เพื่อการเป็นองค์กรที่ยั่งยืน (Sustainable Organization) ที่เป็นวัฒนธรรมและมี “ต่อมสุขใจ”
ด้วยหลักคิดและแนวปฏิบัติมีชี้แนะอยู่ตลอด 25 บทของหนังสือเล่มนี้ ได้ให้วิธีคิดใหม่ๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ ปลุกจิตสำนึกในการพัฒนากายใจ หรือพัฒนาองค์กรและทีมงานได้ทันสมัยดีมาก
อย่างเช่นบทที่ว่าด้วย Opportunity Management ที่ตอบโจทย์คนอยากรู้ว่า “บริหารโอกาสอย่างไรให้ ดัง ปัง รวย อย่างมีความสุขและยั่งยืน”
ถ้าเป็นระดับองค์กร ก็ต้องสามารถผสาน”จุดแข็ง” ของตัวผู้นำและทีมงาน ให้สามารถสร้างผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) ดี ๆ จนเกิดการเปลี่ยนแปลง(Impact) ที่ส่งผลดีต่อผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง จึงไม่ใช่อย่างที่คนทั่วไปมักมองที่ “รวย” ก่อน แต่ถ้ามีปัจจัยเสริมให้ “ดัง” และ “ปัง” ด้วย ความรวยก็จะยิ่งทวีคูณ และมีความยั่งยืน คือรวยคุณภาพ รวยความดี และรวยความน่าเชื่อถือจึงไม่ใช่รวยชั่วคราว
3 ปัจจัยสำคัญ ที่ต้องตรวจสอบและคำนึงถึง ซึ่งหนุนให้ไปสู่ความ ดัง-ปัง-รวย ได้ก็คือ
1.ความเก่ง 2. ความสุข 3.เป็นความสามารถที่โลก(ตลาด)ต้องการ
มีคำเตือนว่า ถ้าทำสิ่งที่เก่ง ที่ชำนาญ แต่ใจไม่รัก ไม่ชอบ แม้จะดัง (คนยอมรับฝีมือ) อาจได้ตำแหน่งดีขึ้น หรือรายได้เพิ่ม แต่ก็ไม่ใช่ความสุขที่ยั่งยืน
ถึงจุดหนึ่ง จะรู้สึก Burnout คือหมดใจ หมดไฟ และหมดแรง
อาจารย์กฤษณ์ แนะว่า อาจให้ทำแบบสอบถามหา “ต่อมสุขใจ” จะรู้ว่างานที่ได้รับมอบหมายให้ทำ หรืองานที่ต้องทำ อาจไม่เหมาะ ไม่ชอบจริง ๆ ในที่สุดก็ไปไม่รอด โดยเฉพาะเจ้าตัวจะสะสมความเครียด จนเกิดโรครุมเร้า
หรือแม้แต่คนที่ได้ทำสิ่งที่ชอบ ดูมีความสุข แต่โลกไม่ต้องการ (ขายไม่ออก) ก็ไม่ปัง ไม่รวย แล้วส่งผลมาที่ร่างกาย สะสมความซึมเศร้า ท้อแท้
จะให้ดี จึงควรค้นหาวิถีชีวิต และการงานที่ตอบโจทย์ ให้ครบทั้ง 3 ปัจจัยข้างต้น
ใน Part ที่5 ของหนังสือเล่มนี้ ชี้ให้เห็นความสำคัญของ Well-Thiking Well- Being คือผู้นำที่มุ่งสุขภาวะที่ดี แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ
ขอชวนให้มาสนใจดูแลสุขภาวะ คือชีวิตสมดุลของผู้นำ เพราะการทำงานในยุคปัจจุบัน ถูกกดดันจากการแข่งขัน และการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน ผู้นำทุกระดับ จึงต้องดูแล พัฒนาสุขภาพ ทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง
เพื่อให้เกิดความสมดุล จึงชวนให้มีการจัดการ “ศูนย์ชีวิต 4 ด้าน” ได้แก่
1.เวลา มีความสมดุลของการจัดการเวลากับความต้องการที่แท้จริงของชีวิต ซึ่งคนมักละเลย เพราะไปให้ความสำคัญกับการหาเงิน และการทำงานเท่านั้น
หยุดคิดสักนิด ลองถามตัวเองว่า “หากมีเวลาเหลือแค่ 1 เดือน สิ่งสำคัญที่อยากทำ ในชีวิตที่เหลือคืออะไร?”
2.ความสนุก บริหารเวลาที่สร้างความสนุกในชีวิต ที่สมดุล ความกระชุ่มกระชวยจะกลับมา
3.ความสัมพันธ์กับคนสำคัญ รู้จักจัดเวลาและทำกิจกรรมร่วมกัน เสมือนได้”ฝากบัญชีความสุขทางใจ”กับคนสำคัญของชีวิต ที่ควรให้เวลา เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคนที่รักเป็นรากฐานสำคัญ ให้เราสามารถใช้พลังสร้างสรรค์ต่างๆสู่ภายนอกได้ต่อไป
4.ความแข็งแกร่ง การดูแลร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกต้อง และกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นการเพิ่มพลังและเพิ่มการไหลเวียนของพลังดีๆ อย่างมีสติ
การตั้งศูนย์ทั้ง 4 ดังกล่าวอย่างลงตัว จะเป็นการสร้างความสมดุลของการหมุนเวียนพลังชีวิต ช่วยให้มีรอยยิ้ม และภูมิต้านทานที่แข็งแรง นำไปสู่ความสำเร็จอย่างมีความสุขและยั่งยืน
..........
ข้อมูลอ้างอิงหนังสือ
ศาสตร์ผู้นำสู่ความยั่งยืน : 4 เสาหลักสร้างสุข กุญแจไขความลับสู่ความสำเร็จ
ผู้เขียน กฤษณ์ รุยาพร
ผู้จัดจำหน่าย บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น
แนะนำหนังสือ
73 เคล็ดลับเปลี่ยนโอกาสให้เป็นความสำเร็จ
ผู้เขียน : ศิริกาญจน์ มาเมือง
สำนักพิมพ์ : โอเพ่น ไอเดีย
ราคา : 175 บาท
"ไขความลับของโอกาส" ที่คุณอาจไม่สังเกตเห็นหรือมองข้ามไปให้ชัดเจนขึ้น เพื่อคว้าโอกาสนั้นมาเป็นของตัวเองและสร้างสิ่งที่คุณปรารถนาให้สำเร็จได้ไปพร้อมกับหนังสือเล่มนี้!
FAKE การเงินลวงโลก
ผู้เขียน : โรเบิร์ต ที. คิโยซากิ
ผู้แปล : ธนพร ศิริอัครกรกุล, ธนิน รัศมีธรรมชาติ
สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น
ราคา : 395 บาท
คุณกำลังถูกใครหลอกอยู่หรือไม่ หรือคุณนั่นแหละที่กำลังหลอกตัวเองว่ากำลังอยู่บนทิศทางที่ถูกต้อง และคุณจะหาวิธีเอาชนะบนโลกที่เต็มไปด้วย "คำลวง" ทางการเงินได้อย่างไร? หาคำตอบได้ในหนังสือเล่มนี้
วันอังคารแห่งความทรงจำกับครูมอร์รี
ผู้เขียน : MITCH ALBOM
ผู้แปล : ฟีก้า Fika
สำนักพิมพ์ : ฟีก้า
ราคา : 198 บาท
หนังสือที่จะพาคุณผู้อ่านไปซึมซับวิชา "ความหมายแห่งชีวิต" ซึ่งถ่ายทอดจากหัวใจของ "ครูมอร์รี" ผู้เป็นครู ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
เอ๊ะ! ง่ายนะ ทำไมตอนเรียน ไม่เข้าใจ
ผู้เขียน : คัทสึยูกิ โคดามะ
ผู้แปล : นันทพร ชื่นกระโทก
สำนักพิมพ์ : ไดฟุกุ
ราคา : 299 บาท
ตำราความรู้ทั่วไปโดยสังเขป ซึ่งอธิบายความรู้ของสาขาต่าง ๆ ทั้ง 9 ศาสตร์ มาสรุปให้อ่านง่าย เข้าใจได้เร็วขึ้น พร้อมภาพการ์ตูนประกอบสวยงาม มีคำบรรยายและคำสำคัญในแต่ละภาพ