xs
xsm
sm
md
lg

ไม่รับ ไม่แพร่! แนะวิธีออกนอกบ้านอย่างไรให้ปลอดภัย ระหว่างรอรับการป้องกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จะทำอย่างไรถ้าทุกวันนี้ คุณยังต้องออกนอกบ้านทุกวัน? ในระหว่างที่รอวัคซีนป้องกัน หลายคนที่ยังมีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน ออกไปทำงาน ทำธุระ หรือซื้อของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ในสถานที่ต่าง ๆ ล้วนแต่มีความเสี่ยงที่นำพาเชื้อโรคกลับเข้าบ้าน เสี่ยงที่จะแพร่เชื้อให้กับสมาชิกในบ้าน ที่มีทั้งผู้สูงอายุ เด็กเล็ก รวมไปถึงผู้ที่ป่วยด้วยโรคประจำตัว หากได้รับเชื้ออาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยจากการอักเสบตามอวัยวะต่าง ๆ อย่างรุนแรง เช่น หากเชื้อโรคเข้าสู่ปอดก็อาจเสี่ยงที่จะเกิดการปอดอักเสบติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนที่มีอายุน้อยและมีสุขภาพแข็งแรงกว่า

วันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณเอาตัวรอดจากการได้รับเชื้อโรคจากการออกนอกบ้าน ที่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะพาเชื้อกลับมาแพร่ไปยังคนในบ้าน มาฝากกันในระหว่างที่รอการรับวัคซีน รวมไปถึงคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนรับวัคซีน ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขเผยแพร่ออกมา

7 คำแนะนำเตรียมตัวอย่างไรก่อนรับวัคซีน
1) 2 วันก่อนและหลังการฉีดวัคซีน ให้งดออกกำลังกายหนัก หรือยกน้ำหนัก และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
2) วันที่ฉีดควรกินน้ำอย่างน้อย 500-1,000 ซีซี งดชา กาแฟ หรือของที่มีคาเฟอีน รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
3) เลือกฉีดแขนข้างที่ไม่ค่อยถนัด หลังฉีด 2 วัน ให้งดออกแรงแขนข้างนั้น เช่น ไม่เกร็งแขนยกของหนัก
4) หลังฉีดแล้ว เจ้าหน้าที่ฯ จะให้รอดูอาการในบริเวณที่ฉีด 30 นาที


5) ถ้ามีไข้ หรือปวดเมื่อยมากทนไม่ไหว สามารถกินยาพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละหนึ่งเม็ด กินซ้ำได้ถ้าจำเป็นแต่ให้ห่าง 6 ชั่วโมง
6) การฉีดวัคซีนโควิดควรห่างกับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างน้อย 1 เดือน
7) ถ้ากินยาละลายลิ่มเลือดอยู่ ก็ให้กินยาตามปกติ แต่เมื่อฉีดยาแล้วให้กดนิ่งตรงตำแหน่งที่ฉีดต่ออีก 1 นาที

แต่หากรู้ตัวว่าก่อนหน้าที่จะเข้ารับวัคซีน พักผ่อนน้อย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือมีโรคประจำตัว ก่อนเข้ารับวัคซีน 1-2 สัปดาห์ ควรเสริมความแข็งแรงให้ร่างกายและภูมิคุ้มกัน พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งเวลาไปออกกำลังกาย แล้วเลือกทานอาหารที่ให้สารอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายและภูมิคุ้มกัน เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา ที่มีส่วนช่วย ป้องกันปอดอักเสบและลดการเกาะตัวของลิ่มเลือด เพื่อให้พร้อมสำหรับการรรับวัคซีน

ออกนอกบ้านอย่างไร ไม่พาเชื้อโรคกลับบ้าน
หากคุณยังมีความจำเป็นที่ต้องออกนอกบ้านจะด้วยหน้าที่การงาน ออกมาหาซื้อของเพื่อชีวิตประจำวัน ยิ่งจำเป็นต้องหาวิธีลดความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อจากภายนอกให้มากที่สุด ด้วยการปฏิบัติตัวระหว่างที่อยู่นอกบ้าน ดังนี้
• เตรียมอุปกรณ์ป้องกันส่วนตัวให้พร้อม ก่อนออกจากบ้าน ควรสำรอง หน้ากากอนามัย เจลล้างมือหรือสบู่เหลวล้างมือไป เผื่อจำเป็นต้องใช้ในกรณีที่ของที่ใช้อยู่ไม่สามารถใช้งานได้ อย่างน้อยอุ่นใจว่ามีสำรองติดตัวไว้
• ติดตามข่าวสารแบบวันต่อวันเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงหรือจุดที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
• สวมหน้ากากตลอดเวลาที่อยู่นอกบ้าน เป็นการยกระดับการป้องกันขั้นสูงสุดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ และควรเป็นการสวมแบบ 2 ชั้น เนื่องจากมีผลวิจัยจากต่างประเทศระบุว่า การสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้นจะแนบสนิทกับใบหน้าและสันจมูกได้ดีกว่า ลดโอกาสที่ละอองสารคัดหลั่ง น้ำลาย จากการพูดคุย ไอ จาม ปลิวมาสัมผัสใบหน้า
• ไม่สัมผัสกันตอนทักทาย เลี่ยงการสัมผัสจับเนื้อจับตัว การสวมกอดเมื่อเจอหน้ากัน เป็นการลดช่องทางการได้รับเชื้ออีกทางหนึ่ง


• หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด หลีกเลี่ยงจุดสัมผัสร่วม เช่น ลูกบิดประตู มือจับประตู ราวบันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟต์ตามสถานที่ต่าง ๆ หากจำเป็นต้องสัมผัสหยิบจับให้ทำความสะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อน อุปกรณ์สำนักงานที่มีการใช้งานหลายคน ทำงาน ห้างร้านต่าง ๆ
• จำกัดคนที่พบเจอเป็นวงแคบ หากจำเป็นต้องนัดพบกับผู้อื่น ควรจำกัดจำนวนคนที่นัดหมาย เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด
• เมื่อกลับถึงบ้าน ต้องล้างมือและอาบน้ำทันที หน้ากากอนามัยที่ใช้งาน หากเป็นแบบใช้แล้วทิ้งให้ แยกทิ้งในภาชนะที่มิดชิดทันที เสื้อผ้าที่ใส่ให้ถอดซักทันที ไม่ควรนำไปรวมกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ในบ้าน

ถึงเราจะมีคำแนะนำในการป้องกันการรับเชื้อสำหรับคนที่จำเป็นต้องออกนอกบ้านมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองและป้องกันคนที่เรารัก คนในครอบครัว รวมไปถึงสังคมด้วย ก็ควรเสริมความแข็งแรงให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอตลอดเวลา ไม่ลืมดูแลเรื่องอาหารการกินที่ควรให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการ ช่วยเสริมการทำงานระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงการติดเชื้อในร่างกาย ด้วยอาหารที่ให้ วิตามินซี วิตามินดี ธาตุเหล็กและสารอาหารสำหรับอื่น ๆ เช่น กรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีอยู่ใน้น้ำมันปลา ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบเมื่อติดเชื้อและเสริมสร้างสมดุลย์การทำงานระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้ตามปกติ

กรดไขมันโอเมก้า-3 มีส่วนสำคัญอย่างไรกับภูมิคุ้มกัน
ในน้ำมันปลามีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 ที่สำคัญที่ชื่อว่า ดีเอชเอ (Docoxahexaenoic acid-DHA) และอีพีเอ (Eicosapentaenoic acid-EPA) กรดไขมันทั้งสองนี้มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สามารถทำหน้าที่จัดการกับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เป็นกรดไขมันจำเป็นในการเสริมสร้างกระบวนการทำงานของภูมิต้านทานในร่างกาย และยังมีส่วนช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายเกิดความสมดุลและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเจ้าระบบภูมิคุ้มกันนี้เปรียบเหมือนเกราะป้องกันร่างกายนั่นเอง


นอกจากนี้กรดไขมันโอเมก้า-3 ยังมีคุณสมบัติช่วยลดภาวะการอักเสบ งานวิจัยที่ชื่อ การเสริมน้ำมันปลาในการรักษาโรคที่เกิดการอักเสบ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ระบุว่า กรดไขมันทั้งสองชนิดนี้มีผลในการลดภาวะการอักเสบ โดยลดปริมาณสารที่เป็นตัวการของการอักเสบบางชนิดลง และเพิ่มปริมาณสารต้านการอักเสบบางชนิด และลดการเหนี่ยวนำการเคลื่อนที่ของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันมายังบริเวณที่เกิดการอักเสบ (แหล่งข้อมูล: การเสริมน้ำมันปลาในการรักษาโรคที่เกิดการอักเสบ https://li01.tci-thaijo.org/index.php/TBPS/article/view/33138 )

กรดไขมันโอเมก้า-3 แค่ไหนถึงจะได้รับประโยชน์เต็มที่
ปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันนั้น หากเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอยู่แล้ว การได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 ประมาณ 500-1,000 มิลลิกรัม ก็เพียงพอต่อความต้องการ แต่หากเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรังหรือภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ ปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่แนะนำ คือ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน


ถึงแม้จะเป็นกรดไขมันจำเป็นต่อร่างกาย แต่กรดไขมันโอเมก้า-3 กลับเป็นสารอาหารที่ร่างกายมนุษย์นั้นไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง จำเป็นต้องได้รับจากการกินอาหารที่เป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า-3 อื่นๆ เช่น ปลาทะเลน้ำลึกที่มีปริมาณของกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง แน่นอนว่าทางเลือกในการได้มาของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่เพียงพอต่อความต้องการในปัจจุบัน หลายคนคงนึกถึง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทน้ำมันปลา ที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งน้ำมันปลาในท้องตลาด จะมีปริมาณกรดไขมันโอเมก้า-3 ไม่เท่ากัน รวมไปถึงคุณภาพวัตถุดิบ แหล่งที่มา มาตรฐาน ความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ควรมองข้าม

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น น้ำมันปลา เมก้า วี แคร์ ฟิชออย (MEGA WE CARE FISH OIL) ที่มีสารอาหารโอเมก้า-3 คุณภาพสูง 1,000 มิลลิกรัมใน 1 แคปซูล ที่ได้จากปลาแองโชวี่จากทะเลน้ำลึกในแหล่งน้ำธรรมชาติในประเทศไอซ์แลนด์ ปลอดภัยจากสารปนเปื้อน เช่น สารปรอท สารหนู หรือสารตกค้างจากอาหารเลี้ยง มาตรฐานการผลิต GMP ระดับสากล จากประเทศเยอรมนีและประเทศออสเตรเลีย พร้อมบรรจุภัณฑ์พลาสติกทึบแสงที่คงคุณภาพกรดไขมันโอเมก้า-3 ไว้จนถึงมือผู้บริโภค


นอกจากนี้ กรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา เมก้า วี แคร์ ฟิชออย (MEGA WE CARE FISH OIL) ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบภายในร่างกายควบคู่ไปกับการเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงไขมันอุดตันหลอดเลือดสมองและหัวใจ และลดการเกาะตัวของลิ่มเลือด ให้ น้ำมันปลา เมก้า วี แคร์ ฟิชออย (MEGA WE CARE FISH OIL) ช่วยเตรียมสุขภาพของคุณและคนที่คุณรักให้พร้อมระหว่างรอวัคซีนกันตั้งแต่วันนี้

Vitamin Xpress: คลิก 

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำม้นปลา เมก้า วี แคร์ ฟิชออย (MEGA WE CARE FISH OIL)
Facebook: www.facebook.com/MEGAWecare
Website: www.megawecare.co.th



กำลังโหลดความคิดเห็น