จากการทดสอบเบื้องต้นของ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการทดสอบความปลอดภัยของการใช้ฟ้าทะลายโจร กับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 5 คน เป็นเวลา 5 วันแล้ว ปรากฏว่าผู้ป่วยทั้ง 5 คน นอกจากจะมีความปลอดภัยแล้ว ยังหายป่วยทั้งหมดและกลับบ้านภายใน 5 วันด้วย
การทดสอบข้างต้นแม้จะไม่สามารถเรียกว่าเป็นการวิจัยได้ แต่ก็เป็นข่าวดีสำหรับสมุนไพรตัวหนึ่ง ที่ขึ้นง่ายในประเทศไทย และอยู่ในบัญชียาหลักของชาติในการใช้สำหรับโรคไข้หวัดหลายชนิด
ทั้งนี้ฟ้าทะลายโจรนั้น มีสารสำคัญชื่อ แอนโดรกราโฟไลต์ และโทเทิล แลคโตน ซึ่งมีผลทำให้ 1.เสริมภูมิคุ้มกัน และ 2.ต้านไวรัสได้หลายชนิด จึงสามารถนำมาใช้ได้ในโรคไข้หวัดได้หลายชนิด รวมถึงสามารถต้านโรคซาร์สได้ด้วย ซึ่งโรคซาร์สนี้ก็เป็นโคโรนาไวรัสตระกูลเดียวกับ โควิด-19
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่ผู้เขียนได้นำไปทดสอบสารโทเทิล แลคโตนและสารแอนโดรกราโฟไลต์ในฟ้าทะลายโจรนั้น จะพบตัวยาดังกล่าวมากใน “ใบ” ฟ้าทะลายโจรมากที่สุด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับ สมาคมนวัตกรรมการแพทย์ผสมผสาน ได้จัดงานสัมมนาวิชาการขึ้น ชื่องาน “ฟ้าทะลายโจรสมุนไพรร่วมต้านภัยโควิด-19” โรงแรมริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี
โดยในงานนี้ได้เชิญ นักวิจัย ราชบัณฑิต รองอธิบดีกรมแพทย์แผนไทย ผู้อำนวยการกองการแพทย์ทางเลือก ได้ขึ้นเวทีในงานสัมมนาดังกล่าว
แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลานั้น. สื่อมวลชนส่วนใหญ่กำลังสนใจและไปทำข่าวเรื่องวัคซีนกันหมด กลบข่าวเรื่องการจัดสัมมนาฟ้าทะลายโจรไปหมด แต่ผู้เขียนโชคดีที่ ได้รับเชิญไปร่วมเป็นผู้ดำเนินรายการสัมมนาครั้งนี้ด้วย จึงทำให้เราได้รับข้อมูลและข้อสรุปที่ประชาชนทั่วไปไม่มีโอกาสรู้มาก่อน
หนึ่งในเวทีที่น่าสนใจคือ “นายแพทย์กุลธิต วนรัตน์” ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้นำการบรรยายในหัวข้อสำคัญคือ “การศึกษาวิจัยที่หลายหลายของสมุนไพรฟ้าทะลายโจร”
นายแพทย์กุลธิต วนรัตน์ นี้ คือ คนเดียวกันกับการนำเสนอผลการทดสอบฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโควิด-19 5 คนแรก ที่หายป่วยได้และกลับบ้านได้ในระยะเพียง 5 วัน โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบันเลย แต่ในตอนนั้นเป็นการนำเสนอนในการการประชุมภายในกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
ดังนั้น การนำเสนอเที่ยวนี้จึงมีความสำคัญ เพราะเป็นการนำเสนออย่างเป็นทางการในทางสาธารณะ
นายแพทย์กุลธิต วนรัตน์ ได้นำเสนอการทดอสอบความปลอดภัยเบื้องต้น พบผู้ป่วยโควิด-19 5 คนแรกในจังหวัดสมุทรปราการนั้น อาการป่วยทั้งหลายลดลงอย่างรวดเร็ว และหายป่วยจนกลับบ้านภายใน 5 วัน เป็นเรื่องจริง โดยไม่ต้องใช้ยาแผนปัจจุบันเลย
หลังจากนั้นทีมวิจัยจึงได้ขยายผลต่อไปทดสอบมากขึ้น ปรากฏว่าทางแพทย์แผนปัจจุบันทั้งหลายยอมรับได้ในกรณีใช้กับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มี “อาการ” ไม่รุนแรง หรือมีโรคอื่น ๆ ที่จะมีความเสี่ยงจำเป็นต้องใช้การแพทย์แผนปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันอาการไม่รุนแรงหมายถึงผู้ป่วยโควิด-19 มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์เพราะในปัจจุบันผู้ป่วยที่จะมีอาการหนักนั้นมีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ปรากฏว่าการขยายผลการทดสอบฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-19 นั้น ได้ไปในหลายจังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุนสาคร, จังหวัดราชบุรี, จังหวัดนครปฐม, จังหวัดตาก, จังหวัดระยอง, ปทุมธานี มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสม รวมทั้งสิ้น 271 ราย และ เก็บข้อมูลแล้วเสร็จจนสามารถศึกษาได้ มีมากถึง 252 ราย โดยมีข่าวดีแจ้งให้ทราบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ใช้ฟ้าทะลายโจร 252 ราย สามารถหายป่วยและกลับบ้านได้ทั้งหมดภายใน 5 วัน
อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 252 คนมีอาการลงปอดเพียง 2 คนเท่านั้น (ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์) หมายความว่าจากผู้ป่วยจะมีอาการหนักจากกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทย ที่จะมีอาการหนัก 10 เปอร์เซ็นต์ แต่กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้ฟ้าทะลายโจรมีอาการลงปอดไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์
แต่ความจริงมีนัยยะมากกว่านั้น เพราะ 2 คน เมื่อทราบว่ามีอาการลงปอดนั้น รายหนึ่ง ถูกห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรเมื่อทราบว่ามีอาการลงปอด โดยให้ใช้ยาต้านไวรัสตามแผนปัจจุบันอย่างเดียว จึงเหมือนถูกคัดออกจากงานวิจัยเพราะเพิ่งใช้ฟ้าทะลายโจรได้แค่วันเดียวเท่านั้น และเมื่อสืบสวนข้อเท็จจริงแพทย์ผู้ใช้ได้ให้ฟ้าทะลายโจรในปริมาณยาที่ต่ำกว่าที่งานวิจัยกำหนดด้วย
แต่อีกหนึ่งรายนั้น มีอาการลงปอดเช่นเดียวกัน แต่แพทย์ได้ใช้ฟ้าทะลายโจรคู่กับยาแผนปัจจุบันปรากฏว่าสามารถหายป่วยภายใน 3 วันอย่างรวดเร็วเทียบกับคนที่ไม่ได้ฟ้าทะลายโจรต่อเนื่อง
โดยสรุปคือผู้ป่วย 252 คนนั้น กลับบ้านได้ทั้งหมด ใน 5 วัน โดยไม่ต้องอาศัยยาแผนปัจจุบันเลย ซึ่งถือว่าน่าทึ่งมาก และน่ายินดีมาก และที่สำคัญคือการทดสอบใช้ฟ้าทะลายโจรไม่มีใครเสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว โดยใน 252 คนนั้น การเก็บข้อมูลสมบูรณ์ที่พบว่าผู้ป่วยติดเชื้อโดยไม่มีอาการเลย 23 คน “เก็บข้อมูลอาการสมบูรณ์ครบทุกวัน” ได้ทั้งสิ้น 154 คน
สิ่งที่เราได้เรียนรู้ “อาการ” ของผู้ป่วยโควิด-19 ล่าสุด จากกรณีศึกษ 154 คนมีข้อน่าสังเกตที่จะสรุปให้เข้าใจได้คือ
ประการแรก กราฟบนสุด (สีน้ำตาลทอง) คือมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เริ่มลดลงอย่างรวดเร็วในวันที่ 3, 4 และ 5 โดยการใช้ฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลท์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน และทุกอาการจะลดลงด้วยเช่นกัน เมื่อได้ใช้ฟ้าทะลายโจร
ประการที่สอง ปัจจุบัน อาการป่วยโควิด-19 สำหรับกลุ่มศึกษาพบว่า อาการป่วยที่แสดงน้อยที่สุดก็คือ “เป็นไข้” คือต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ (กราฟสีฟ้าด้านล่าสุด) ดังนั้นแปลว่าการคัดกรองเบื้องต้นด้วยการตรวจไข้ ตามสถานที่ต่าง ๆ อาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด
ประการที่สาม ปัจจุบัน อาการป่วยโควิด-19 สำหรับกลุ่มศึกษาพบมากที่สุดอันดับที่ 1 คือ “การไม่ได้กลิ่น, รองลงมาตามลำดับ คือ “ไอ” , “เจ็บคอ”, “มีน้ำมูก”, ลิ้นไม่รู้รส, ปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อ, ท้องร่วง ซึ่งอาการทั้งหมดอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างปนกัน จะลดลงเมื่อใช้ฟ้าทะลายโจรเช่นเดียวกัน
แม้ว่าการทดสอบในเวลานี้ยังไม่ถึงขั้นจะเป็นงานวิจัยที่สมบูรณ์ แต่สำหรับประเทศไทย นี่คือข่าวดีอีกชิ้นหนึ่ง เพราะตัวอย่างยาฟาริราเวียร์ซึ่งใช้เป็นยาต้านไวรัสโควิด-19 นั้น ประเทศไทยก็ได้ใช้ยานี้เลย โดยที่ไม่ต้องใช้งานวิจัยรองรับ เพราะต้องแข่งกับเวลา และถ้ามัวแต่รองานวิจัยสมบูรณ์จนไม่ทันกับโรค งานวิจัยเหล่านั้นก็ไร้คุณค่าไปในที่สุด
ดังนั้นใครมีอาการเบื้องต้น คือ “การไม่ได้กลิ่น, “ไอ” , “เจ็บคอ”, “มีน้ำมูก”, ลิ้นไม่รู้รส, ปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อ, ให้ใช้ฟ้าทะลายดจรไปก่อนเลย (ถ้าจะให้ดีก็ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรที่ทำจากใบ จะมีประสิทธิภาพการรักษามากที่สุด และกระทบต่อตับน้อยที่สุด)
และสำคัญยิ่งกว่าคือฟ้าทะลายโจร ปลูกง่าย ขึ้นง่าย และมีราคาถูกมาก ไม่ต้องเสียเงินงบประมาณอันมหาศาล
และสำคัญที่สุด ถ้าฟ้าทะลายโจรสามารถทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 หายป่วยได้เป็นส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดภายใน 5 วันแปลว่า... เรากำลังจะเปลี่ยนบริบทของโรคโควิด-19 จากเดิมที่ต้องป้องกันทางกายภาพ (สวมหน้ากาก, ล้างมือ, และเว้นระยะห่าง) และการป้องกันจากภายใน (ใช้วัคซีน)ซึ่งนอกจากจะต้องทำลายเศรษฐกิจการท่องเที่ยว หรือใช้งบประมาณอันมหาศาลกับวัคซีนแล้ว
เราก็สามารถมีทางเลือกเพิ่มเติม ในการจัดการกับโควิด-19 ให้เป็นโรคที่สามารถรักษาผู้ที่มีอาการเบื้องต้นได้ภายใน 5 วัน โดยใช้งบประมาณที่น้อยกว่ามาก และพึ่งพาตัวเองได้ด้วย
ก็จะช่วยทำให้ลดจำนวนผู้ป่วยที่จะไปโรงพยาบาลน้อยลง เป็นภาระกับแพทย์และพยาบาลน้อยลง และทำให้คุณภาพการักษาในโรงพยาบาลเหลือเฉพาะผู้ที่มีอาการหนักจริง ๆ เท่านั้น
และแม้เรายังจะต้องป้องกันทางกายภาพอยู่ ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ และเว้นระยะห่าง แต่เราไม่จำเป็นต้องถึงขั้นปิดกิจการ หรือทำลายการท่องเที่ยงจนชาติต้องล้มละลายอีกต่อไป
และถ้าใครแม้ยังไม่มีไข้ แต่มีอาการข้างต้น และไม่เคยตรวจโควิด-19 หลายคนก็อาจจะติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วด้วยก็ได้ และหลายคนก็อาจจะหายป่วยไปเอง หรือหายป่วยด้วยการใช้ฟ้าทะลายโจรไปแล้วก็ได้
และสิ่งสุดท้ายที่น่าตั้งข้อสังเกตคือ โรคซาร์สในอากาศแบบประเทศไทยเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เริ่มต้นตอนฤดูหนาวได้หายไปในเดือนพฤษภาคม
ปีที่แล้วโรคโควิด-19 เริ่มต้นตอนฤดูหนาวและได้หายไปในเดือนพฤษภาคม
ปีนี้โรคโควิด-19 กลับมาใหม่ในฤดูหนาว และตอนนี้กำลังจะเข้าฤดูร้อน และอาจจะหายไปอีกในเดือนพฤษภาคมอีกหรือไม่
ถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็จะเป็นโรคตามฤดูกาล ที่มาเป็นประจำ หรือกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จากความพยายามในการผลิตวัคซีนของมนุษย์
ดังนั้นถ้าเรามีสมุนไพรที่จะพึ่งพาตัวเองได้ ในราคาไม่แพง ก็ควรจะต้องส่งเสริม ศึกษา วิจัยเป็นงานระดับชาติ หรือระดับโลกเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งความจริงแล้วงานแถลงข่าวเรื่องฟ้าทะลายโจร ควรจะเป็นนายกรัฐนตรีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสียด้วยซ้ำไป
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต