หากคุณมีอาการอาหารไม่ย่อย เรอบ่อย แสบร้อนกลางอก แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร อีกทั้งมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนเป็นประจำ กลืนอาหารลำบาก ฯลฯ ควรพบแพทย์ เพราะคุณอาจจะเสี่ยงกับโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอยู่ก็เป็นได้
อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร
ในระยะเริ่มแรกของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารอาจไม่แสดงอาการ หรือมีอาการที่ไม่รุนแรงและคล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ ได้ เช่น อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย แสบร้อนกลางอก แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร ปวดท้อง กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
แต่หากมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น และอาจพบอาการ ปวดหรือจุกที่ลิ้นปี่ แน่นท้องหรือปวดท้องหลังรับประทานอาหาร อุจจาระเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด รู้สึกอิ่มหลังรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียจากภาวะโลหิตจาง เป็นต้น
สาเหตุของมะเร็งกระเพาะอาหารนั้นมีความเสี่ยงเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่
-การสูบบุหรี่
-การรับประทานอาหารประเภทรมควัน ของหมักดอง ของทอด ของมัน อาหารที่มีรสเค็ม
-ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน
-ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
-ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12
-มักพบในเพศชายได้มากกกว่าในเพศหญิง ประมาณ 2-3 เท่า
-โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป
-ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดซ่อมแซมแผลในกระเพาะอาหาร
-ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่น มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
-การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacterpylori) หรือ เอชไพโลไร (H. pylori) ซึ่งติดต่อได้จากการกินอาหาร เชื้อนี้จะอาศัยอยู่ในชั้นเมือกที่ปกคลุมผิวกระเพาะอาหาร แล้วสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่รอบ ๆ ตัวมัน และสร้างสารพิษทำลายเซลล์เยื่อบุผิวของกระเพาะอาหารได้ จึงทำให้เซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อาจเรื้อรังถึงขั้นมะเร็งกระเพาะอาหารได้
การป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเองเบื้องต้น ได้แก่
-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
-รับประทานผักและผลไม้ เพื่อช่วยเพิ่มเส้นใยอาหารและวิตามินให้กับร่างกาย
-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติที่เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของหมักดอง น้ำอัดลม กาแฟ ของทอด ของมัน ขนมขบเคี้ยว เพราะว่าอาหารเหล่านี้จะทำให้น้ำย่อยหลั่งออกมามากกว่าปกติ
-งดสูบบุหรี่
หมายเหตุ : หากคุณมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็นประจำควรรีบปรึกษาแพทย์
ข้อมูลอ้างอิงประกอบ : https://www.pobpad.com/
ภาพ : pixabay.com
อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร
ในระยะเริ่มแรกของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารอาจไม่แสดงอาการ หรือมีอาการที่ไม่รุนแรงและคล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ ได้ เช่น อาหารไม่ย่อย เรอบ่อย แสบร้อนกลางอก แน่นท้องหลังรับประทานอาหาร ปวดท้อง กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
แต่หากมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น และอาจพบอาการ ปวดหรือจุกที่ลิ้นปี่ แน่นท้องหรือปวดท้องหลังรับประทานอาหาร อุจจาระเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด กลืนอาหารลำบาก เบื่ออาหาร น้ำหนักลด รู้สึกอิ่มหลังรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ รู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียจากภาวะโลหิตจาง เป็นต้น
สาเหตุของมะเร็งกระเพาะอาหารนั้นมีความเสี่ยงเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่
-การสูบบุหรี่
-การรับประทานอาหารประเภทรมควัน ของหมักดอง ของทอด ของมัน อาหารที่มีรสเค็ม
-ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากหรือผู้ที่เป็นโรคอ้วน
-ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
-ผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12
-มักพบในเพศชายได้มากกกว่าในเพศหญิง ประมาณ 2-3 เท่า
-โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป
-ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดซ่อมแซมแผลในกระเพาะอาหาร
-ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ เช่น มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
-การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacterpylori) หรือ เอชไพโลไร (H. pylori) ซึ่งติดต่อได้จากการกินอาหาร เชื้อนี้จะอาศัยอยู่ในชั้นเมือกที่ปกคลุมผิวกระเพาะอาหาร แล้วสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่รอบ ๆ ตัวมัน และสร้างสารพิษทำลายเซลล์เยื่อบุผิวของกระเพาะอาหารได้ จึงทำให้เซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อาจเรื้อรังถึงขั้นมะเร็งกระเพาะอาหารได้
การป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหารง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเองเบื้องต้น ได้แก่
-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
-รับประทานผักและผลไม้ เพื่อช่วยเพิ่มเส้นใยอาหารและวิตามินให้กับร่างกาย
-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติที่เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของหมักดอง น้ำอัดลม กาแฟ ของทอด ของมัน ขนมขบเคี้ยว เพราะว่าอาหารเหล่านี้จะทำให้น้ำย่อยหลั่งออกมามากกว่าปกติ
-งดสูบบุหรี่
หมายเหตุ : หากคุณมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็นประจำควรรีบปรึกษาแพทย์
ข้อมูลอ้างอิงประกอบ : https://www.pobpad.com/
ภาพ : pixabay.com