วิตามินดี หมายถึง เซกโคสเตอรอยด์ (secosteroids) ที่ละลายในไขมันกลุ่มหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เสริมการดูดซึม แคลเซียม เหล็ก แมกนิเซียม ฟอสเฟต และสังกะสี
อย่างไรก็ตาม ชนิดของสารประกอบวิตามินดีก็มีความแตกต่างกันเช่นกัน โดยสารประกอบที่สำคัญที่สุดในกลุ่มนี้ก็คือ วิตามินดี 3 หรือที่มีชื่อเรียกว่า “คอเลแคลซิเฟรอล” (Cholecalciferol) ส่วนสารประกอบวิตามินดีอีกชนิดก็คือ วิตามินดี 2 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “เออร์โกแคลซิเฟรอล” (Ergocaliciferol)
คำแนะนำของสหรัฐอเมริกาได้แนะนำความต้องการวิตามินดีต่อวันสำหรับบุคคลทั่วไป อยู่ที่ 10-20 ไมโครกรัม (ขึ้นอยู่กับวัย) ในขณะที่ผู้ที่ขาดวิตามินดีได้มีคำแนะนำความต้องการวิตามินดีต่อวันได้ที่ 25-100 ไมโครกรัม (ขึ้นอยู่กับวัย) [1] สำหรับประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขได้ได้กำหนดคำแนะนำความต้องการวิตามินดีต่อวันอยู่ที่ 5 ไมโครกรัม
อย่างไรก็ตาม การบริโภควิตามินดีผ่านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากเกินไปนั้นก็อาจจะมีผลเสียอีกด้านหนึ่งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ต้องมีความระมัดระวัง คือการมีปริมาณแคลเซียมในเลือดสูง ซึ่งยังไม่มีข้อยุติว่าจะมีความเสี่ยงในกลุ่มที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ไต และเบาหวานหรือไม่? [3]-[5]

อย่างไรก็ตาม หากไม่รับประทานอาหารเสริม จะพบว่าปกติแล้วอาหารที่จะมีวิตามินดีพบได้ไม่มากนัก เช่น ปลา, ไข่แดง, เครื่องในสัตว์ เช่นตับ เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วในบางประเทศก็มีการเติมวิตามินในเครื่องดื่มนม [6]
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มประเทศที่ดื่มนม เนย ชีส มากๆอย่างเช่นชาวดัทช์ ในประเทศเนธอร์แลนด์ ก็ยังมีผู้ที่สูงวัยกว่า 65 ปี ตรวจพบวิตามินดี หรือขาดวิตามินดีถึง 36 เปอร์เซ็นต์ และพบว่าคนที่ถูกสำรวจในงานวิจัยมีวิตามินดีเพียงพอนั้นจะดูอ่อนวัยกว่าคนที่ขาดวิตามินดี โดยที่คนมีวิตามินดีเพียงพอนั้นมีการบริโภคทั้งวิตามินเสริมอาหารเฉลี่ยวันละ 4.3 ไมโครกรัมต่อวัน และบริโภคผ่านอาหารประจำวันประมาณ 4.0 ไม่โครกรัมต่อวัน โดยได้จากอาหารกลุ่มเนยและมาร์การีนมากสุดคือ 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน
รองลงมาคือได้จากปลาและสัตว์น้ำประเภทที่มีเปลือกประมาณ 0.56 ไมโครกรัมต่อวัน โดยกลุ่มประชากรที่บริโภคเนยและมาร์การีนมากที่สุดประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์นั้นมีวิตามินดีอย่างเพียงพอ ประชากรที่บริโภคอาหารนอกเหนือจากอาหารกลุ่มนี้แล้วไม่พบว่ามีวิตามินอย่างเพียงพอแต่ประการใด [7] ในขณะที่ชาวเยอรมนีนั้นได้แหล่งอาหารที่มีวิตามินดีมากที่สุดพบในการบริโภคปลา ซึ่งรวมถึงไขมันจากปลา [8]
สำหรับคนที่เป็นนักมังสวิรัติแบบบริสุทธิ์นั้น อาหารที่น่าจะมีศักยภาพในการสกัดออกมาเป็นเสริมอาหารเพื่อสร้างวิตามินดี ได้แก่ เห็ด[9] โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดไมตาเกะ หรือที่เรียกชื่อว่า G.Frondosa จากฐานข้อมูลโภชนาการอาหารที่จัดทำโดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา พบว่า เห็ดไมตาเกะสดในประมาณ 100 กรัม จะสามารถให้ปริมาณวิตามินดี 1,123 IU(หน่วยวัดมาตรฐานสากล) หรือเทียบเท่ากับ 2.8 เท่าตัวของความต้องการบริโภคในหนึ่งวัน [10]
อย่างไรก็ตาม การสังเคราะห์วิตามินดี โดยเฉพาะวิตามินดี 3 หรือ คอเลแคลซิเฟรอล ในผิวหนังเป็นแหล่งของวิตามินดังกล่าวตามธรรมชาติที่สำคัญเพียงแหล่งเดียว การสังเคราะห์วิตามินดีของผิวหนังจากคอเลสเตอรอล โดยอาศัยการได้รับแสงแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรังสียูวีบี [1]
ซึ่งคนในยุคปัจจุบันได้รับแสงแดดน้อยกว่าคนในสมัยก่อนและมักจะอยู่ในห้องปรับอากาศ ออกกำลังกายน้อย จึงมีความเสี่ยงที่จะมีวิตามินต่ำ ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งมักจะขาดวิตามินดี ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการวิจัยทางคลินิกแบบสุ่มตัวอย่างมีหลักฐานอย่างจำกัดพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็น “วิตามินดี” นั้นช่วยเพิ่มการทำงานของปอดและช่วยลดความเสี่ยงโรคหืดหอบในคนที่เคยสูบและยังคงสูบบุหรี่อยู่ [11]
ผลการรวบรวมอย่างเป็นระบบตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ The BMJ เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2562 รายงานว่า วิตามินดีแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสาเหตุการตายโดยรวมเมื่อเทียบกับยาหลอกและเทียบกับคนที่ไม่ได้มีการบำบัดอะไร ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินดีช่วยลดความเสี่ยการเสียชีวิตโรคมะเร็งประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามยังมีความจำเป็นต้องศึกษาทางคลินิกในมนุษย์ด้วยจำนวนที่มากขึ้นว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดของวิตามินดี 3 จะช่วยลดความเสี่ยงสาเหตุการเสียชีวิตโดยรวมหรือไม่ ทั้งนี้ในรายละเอียดของงานวิจัยครั้งนี้พบว่าวิตามินดี 3 ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตโดยรวมมากกว่าวิตามินดี 2 อย่างมีนัยสำคัญ [12]
และเนื่องจากวิตามินดี 3 มนุษย์สามารถสังเคราะห์เองโดยใช้ “แสงแดด” จากภายนอกและ “คอเลสเตอรอล”ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งจากงานวิจัยจำนวนมากพบว่าคนที่สูงอายุมากขึ้นมักจะมีคอเลสเตอรอลลดต่ำลงเป็นสัญญาณชีพทางอ้อมชนิดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นชราภาพมากขึ้น ยิ่งหากผู้สูงวัยสัมผัสกับแสงแดดน้อยด้วย กลุ่มผู้สูงวัยเหล่านั้นจึงมักขาดวิตามินดี 3 โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เนื่องจากในทุกวันนี้ยังมีความเสี่ยงในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินดี ที่อาจเป็นโทษในกรณีที่บริโภคมากเกินไป และจำต้องมีงานวิจัยเพื่อให้ได้ข้อยุติในวันข้างหน้า แต่ในวันนี้สิ่งที่ผู้ป่วยสามารถเลือกได้ในวันนี้ก็คือการออกกำลังกายกลางแสงแดดเพื่อเพิ่มวิตามินดี 3 เพียงเท่านี้เราก็จะลดความเสี่ยงจากหลายโรคได้
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต
อ้างอิง
[1] Institute of Medicine, Food and Nutrition Board. Dietary Reference Intakes for Calcium and Vitamin D. Washington, DC: National Academy Press, 2010
[2] Razzaque MS, Can Adverse effects of excessive vitamin D supplementation occur with developing hypervitaminosis D?, J Steroid Biochem Mol Biol. 2018 Jun;180:81-86. doi: 10.1016/j.jsbmb.2017.07.006. Epub 2017 Jul 19.
[3] Institute of Medicine (US) Committee to Review Dietary Reference Intakes for Vitamin D and Calcium; Ross AC, Taylor CL, Yaktine AL, et al., editors. Dietary Reference Intakes for Calcium and Vitamin D. Washington (DC): National Academies Press (US); 2011. Reviewers.
[4] Stokes CS, Lammert F. Vitamin D supplementation: less controversy, more guidance needed. F1000Res. 2016;5:F1000 Faculty Rev-2017. Published 2016 Aug 17. doi:10.12688/f1000research.8863.1
[5] Malihi Z, et al., Adverse event from large dose vitamin D supplement for one year or long, J Steroid Biochem Mol Biol. 2019 Apr;188:29-37. doi: 10.1016/j.jsbmb.2018.12.002. Epub 2018 Dec 6.
[6] Lamberge-Alledt C., Vitamin D in foods and as supplements., Prog Biophys Mol Biol., 2006 Sep;92(1) :33-8. Epub 2006 Feb 28.,
DOI:
10.1016/j.pbiomolbio.2006.02.017
[7] Vae AMM, et.al, Food Sources of vitamin D and their association with 25-hydroxyvitamin D status in Dutch older adults., J Steroid Biochem Mol Biol., 2017 Oct; 173:228-234. doi: 10.1016/j.jsbmb.2016.10.004. Epub 2016 Oct 21. DOI: 10.1016/j.jsbmb.2016.10.004
[8] Jungert A, Spinneker A, Nagel A, Neuhäuser-Berthold M. Dietary intake and main food sources of vitamin D as a function of age, sex, vitamin D status, body composition, and income in an elderly German cohort. Food Nutr Res. 2014;58:10.3402/fnr.v58.23632. Published 2014 Sep 17. doi:10.3402/fnr.v58.23632
[9] Keegan RJ, et al., Photobiology of Vitamin D in mushrooms and its bioavailability in humans, Dematoendocrinol. 2013 Jan 1;5(1):165-76. doi: 10.4161/derm.23321.
[10] USDA National Nutrient database, Mitake mushroom nutrition,(G.Frondosa), fresh, values per 100 g.
[11] Naser A. Alsharairi, The Effects of Dietary Supplements on Asthma and Lung Cancer Risk in Smokers and Non-Smokers: A Review of the Literature, Nutrients 2019, Published: 28 March 2019, 11(4), 725;
[12] Yu Zhang, et al., Association between vitamin D supplementation and mortality:systematic review and meta-analysis, BMJ 2019; 366, Published 12 August 2019, doi: https://doi.org/10.1136/bmj.l4673
อย่างไรก็ตาม ชนิดของสารประกอบวิตามินดีก็มีความแตกต่างกันเช่นกัน โดยสารประกอบที่สำคัญที่สุดในกลุ่มนี้ก็คือ วิตามินดี 3 หรือที่มีชื่อเรียกว่า “คอเลแคลซิเฟรอล” (Cholecalciferol) ส่วนสารประกอบวิตามินดีอีกชนิดก็คือ วิตามินดี 2 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “เออร์โกแคลซิเฟรอล” (Ergocaliciferol)
คำแนะนำของสหรัฐอเมริกาได้แนะนำความต้องการวิตามินดีต่อวันสำหรับบุคคลทั่วไป อยู่ที่ 10-20 ไมโครกรัม (ขึ้นอยู่กับวัย) ในขณะที่ผู้ที่ขาดวิตามินดีได้มีคำแนะนำความต้องการวิตามินดีต่อวันได้ที่ 25-100 ไมโครกรัม (ขึ้นอยู่กับวัย) [1] สำหรับประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขได้ได้กำหนดคำแนะนำความต้องการวิตามินดีต่อวันอยู่ที่ 5 ไมโครกรัม
อย่างไรก็ตาม การบริโภควิตามินดีผ่านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากเกินไปนั้นก็อาจจะมีผลเสียอีกด้านหนึ่งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่ต้องมีความระมัดระวัง คือการมีปริมาณแคลเซียมในเลือดสูง ซึ่งยังไม่มีข้อยุติว่าจะมีความเสี่ยงในกลุ่มที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ไต และเบาหวานหรือไม่? [3]-[5]
อย่างไรก็ตาม หากไม่รับประทานอาหารเสริม จะพบว่าปกติแล้วอาหารที่จะมีวิตามินดีพบได้ไม่มากนัก เช่น ปลา, ไข่แดง, เครื่องในสัตว์ เช่นตับ เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วในบางประเทศก็มีการเติมวิตามินในเครื่องดื่มนม [6]
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มประเทศที่ดื่มนม เนย ชีส มากๆอย่างเช่นชาวดัทช์ ในประเทศเนธอร์แลนด์ ก็ยังมีผู้ที่สูงวัยกว่า 65 ปี ตรวจพบวิตามินดี หรือขาดวิตามินดีถึง 36 เปอร์เซ็นต์ และพบว่าคนที่ถูกสำรวจในงานวิจัยมีวิตามินดีเพียงพอนั้นจะดูอ่อนวัยกว่าคนที่ขาดวิตามินดี โดยที่คนมีวิตามินดีเพียงพอนั้นมีการบริโภคทั้งวิตามินเสริมอาหารเฉลี่ยวันละ 4.3 ไมโครกรัมต่อวัน และบริโภคผ่านอาหารประจำวันประมาณ 4.0 ไม่โครกรัมต่อวัน โดยได้จากอาหารกลุ่มเนยและมาร์การีนมากสุดคือ 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน
รองลงมาคือได้จากปลาและสัตว์น้ำประเภทที่มีเปลือกประมาณ 0.56 ไมโครกรัมต่อวัน โดยกลุ่มประชากรที่บริโภคเนยและมาร์การีนมากที่สุดประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์นั้นมีวิตามินดีอย่างเพียงพอ ประชากรที่บริโภคอาหารนอกเหนือจากอาหารกลุ่มนี้แล้วไม่พบว่ามีวิตามินอย่างเพียงพอแต่ประการใด [7] ในขณะที่ชาวเยอรมนีนั้นได้แหล่งอาหารที่มีวิตามินดีมากที่สุดพบในการบริโภคปลา ซึ่งรวมถึงไขมันจากปลา [8]
สำหรับคนที่เป็นนักมังสวิรัติแบบบริสุทธิ์นั้น อาหารที่น่าจะมีศักยภาพในการสกัดออกมาเป็นเสริมอาหารเพื่อสร้างวิตามินดี ได้แก่ เห็ด[9] โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดไมตาเกะ หรือที่เรียกชื่อว่า G.Frondosa จากฐานข้อมูลโภชนาการอาหารที่จัดทำโดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา พบว่า เห็ดไมตาเกะสดในประมาณ 100 กรัม จะสามารถให้ปริมาณวิตามินดี 1,123 IU(หน่วยวัดมาตรฐานสากล) หรือเทียบเท่ากับ 2.8 เท่าตัวของความต้องการบริโภคในหนึ่งวัน [10]
อย่างไรก็ตาม การสังเคราะห์วิตามินดี โดยเฉพาะวิตามินดี 3 หรือ คอเลแคลซิเฟรอล ในผิวหนังเป็นแหล่งของวิตามินดังกล่าวตามธรรมชาติที่สำคัญเพียงแหล่งเดียว การสังเคราะห์วิตามินดีของผิวหนังจากคอเลสเตอรอล โดยอาศัยการได้รับแสงแดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากรังสียูวีบี [1]
ซึ่งคนในยุคปัจจุบันได้รับแสงแดดน้อยกว่าคนในสมัยก่อนและมักจะอยู่ในห้องปรับอากาศ ออกกำลังกายน้อย จึงมีความเสี่ยงที่จะมีวิตามินต่ำ ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งมักจะขาดวิตามินดี ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการวิจัยทางคลินิกแบบสุ่มตัวอย่างมีหลักฐานอย่างจำกัดพบว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็น “วิตามินดี” นั้นช่วยเพิ่มการทำงานของปอดและช่วยลดความเสี่ยงโรคหืดหอบในคนที่เคยสูบและยังคงสูบบุหรี่อยู่ [11]
ผลการรวบรวมอย่างเป็นระบบตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ The BMJ เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2562 รายงานว่า วิตามินดีแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสาเหตุการตายโดยรวมเมื่อเทียบกับยาหลอกและเทียบกับคนที่ไม่ได้มีการบำบัดอะไร ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินดีช่วยลดความเสี่ยการเสียชีวิตโรคมะเร็งประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามยังมีความจำเป็นต้องศึกษาทางคลินิกในมนุษย์ด้วยจำนวนที่มากขึ้นว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดของวิตามินดี 3 จะช่วยลดความเสี่ยงสาเหตุการเสียชีวิตโดยรวมหรือไม่ ทั้งนี้ในรายละเอียดของงานวิจัยครั้งนี้พบว่าวิตามินดี 3 ช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตโดยรวมมากกว่าวิตามินดี 2 อย่างมีนัยสำคัญ [12]
และเนื่องจากวิตามินดี 3 มนุษย์สามารถสังเคราะห์เองโดยใช้ “แสงแดด” จากภายนอกและ “คอเลสเตอรอล”ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งจากงานวิจัยจำนวนมากพบว่าคนที่สูงอายุมากขึ้นมักจะมีคอเลสเตอรอลลดต่ำลงเป็นสัญญาณชีพทางอ้อมชนิดหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนๆนั้นชราภาพมากขึ้น ยิ่งหากผู้สูงวัยสัมผัสกับแสงแดดน้อยด้วย กลุ่มผู้สูงวัยเหล่านั้นจึงมักขาดวิตามินดี 3 โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เนื่องจากในทุกวันนี้ยังมีความเสี่ยงในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินดี ที่อาจเป็นโทษในกรณีที่บริโภคมากเกินไป และจำต้องมีงานวิจัยเพื่อให้ได้ข้อยุติในวันข้างหน้า แต่ในวันนี้สิ่งที่ผู้ป่วยสามารถเลือกได้ในวันนี้ก็คือการออกกำลังกายกลางแสงแดดเพื่อเพิ่มวิตามินดี 3 เพียงเท่านี้เราก็จะลดความเสี่ยงจากหลายโรคได้
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต
อ้างอิง
[1] Institute of Medicine, Food and Nutrition Board. Dietary Reference Intakes for Calcium and Vitamin D. Washington, DC: National Academy Press, 2010
[2] Razzaque MS, Can Adverse effects of excessive vitamin D supplementation occur with developing hypervitaminosis D?, J Steroid Biochem Mol Biol. 2018 Jun;180:81-86. doi: 10.1016/j.jsbmb.2017.07.006. Epub 2017 Jul 19.
[3] Institute of Medicine (US) Committee to Review Dietary Reference Intakes for Vitamin D and Calcium; Ross AC, Taylor CL, Yaktine AL, et al., editors. Dietary Reference Intakes for Calcium and Vitamin D. Washington (DC): National Academies Press (US); 2011. Reviewers.
[4] Stokes CS, Lammert F. Vitamin D supplementation: less controversy, more guidance needed. F1000Res. 2016;5:F1000 Faculty Rev-2017. Published 2016 Aug 17. doi:10.12688/f1000research.8863.1
[5] Malihi Z, et al., Adverse event from large dose vitamin D supplement for one year or long, J Steroid Biochem Mol Biol. 2019 Apr;188:29-37. doi: 10.1016/j.jsbmb.2018.12.002. Epub 2018 Dec 6.
[6] Lamberge-Alledt C., Vitamin D in foods and as supplements., Prog Biophys Mol Biol., 2006 Sep;92(1) :33-8. Epub 2006 Feb 28.,
DOI:
10.1016/j.pbiomolbio.2006.02.017
[7] Vae AMM, et.al, Food Sources of vitamin D and their association with 25-hydroxyvitamin D status in Dutch older adults., J Steroid Biochem Mol Biol., 2017 Oct; 173:228-234. doi: 10.1016/j.jsbmb.2016.10.004. Epub 2016 Oct 21. DOI: 10.1016/j.jsbmb.2016.10.004
[8] Jungert A, Spinneker A, Nagel A, Neuhäuser-Berthold M. Dietary intake and main food sources of vitamin D as a function of age, sex, vitamin D status, body composition, and income in an elderly German cohort. Food Nutr Res. 2014;58:10.3402/fnr.v58.23632. Published 2014 Sep 17. doi:10.3402/fnr.v58.23632
[9] Keegan RJ, et al., Photobiology of Vitamin D in mushrooms and its bioavailability in humans, Dematoendocrinol. 2013 Jan 1;5(1):165-76. doi: 10.4161/derm.23321.
[10] USDA National Nutrient database, Mitake mushroom nutrition,(G.Frondosa), fresh, values per 100 g.
[11] Naser A. Alsharairi, The Effects of Dietary Supplements on Asthma and Lung Cancer Risk in Smokers and Non-Smokers: A Review of the Literature, Nutrients 2019, Published: 28 March 2019, 11(4), 725;
[12] Yu Zhang, et al., Association between vitamin D supplementation and mortality:systematic review and meta-analysis, BMJ 2019; 366, Published 12 August 2019, doi: https://doi.org/10.1136/bmj.l4673