ถ้าพูดถึง “ชีส” หลายคนอาจคิดว่าเป็นอาหารไม่มีประโยชน์ แถมกินแล้วยังทำให้อ้วนอีกด้วย จึงทำให้คนที่กำลังลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหารต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้ไปโดยปริยาย แต่รู้หรือไม่ว่าว่า “ชีส” นั้นมีประโยชน์มากมายหากรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
ชีส จัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนม เป็นอาหารจำพวกโปรตีนใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ในชีสอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโฟเลต วิตามินเอ วิตามินดี โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมถึง 2 เท่า
ชีสมีหลายประเภท เช่น มอสซาเรลลา (Mozzarella Cheese) มาสคาโปน (Mascarpone Cheese) เชดดาชีส (Cheddar Cheese) เฟตา (Feta Cheese)พาร์มีซานชีส (Parmigiano-Reggiano or Parmesan) คอตเทจชีส (Cottage Cheese) ฯลฯ เป็นต้น
5 ประโยชน์ดีๆ จาก “ชีส”
1.บำรุงกระดูกให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงกระดูกพรุน
เนื่องจากชีสเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากนม อุดมไปด้วยโปรตีน และวิตามินดี โดยชีสมีปริมาณแคลเซียมมากกว่านมถึง 2 เท่า และแคลเซียมนั้นมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังส่งผลดีต่อมวลกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดีด้วย
2.ป้องกันฟันผุ
มีการวิจัยในประเทศฟินแลนด์ ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานชีสไม่เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมที่ดีแก่กระดูกเท่านั้น แต่เชื้อแบคทีเรียบางชนิดอย่างโปรไบโอติกที่อยู่ในชีสยังช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดฟันผุได้อีกด้วย
3.ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เพราะชีสมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณสูง เป็นแหล่งที่มาของโปรตีนที่ดีซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงดูแลเซลล์กล้ามเนื้อที่สึกหรอ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่น ช่วยปกป้องริ้วรอย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผมและเล็บ เป็นต้น
4.ลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดน้ำหนักได้
ชีสสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Cholesterol) ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากกรดไขมันบิวไทเรตนั้นมีบทบาทในการยับยั้งการสะสมไขมัน ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง
อีกทั้งชีสมีโปรตีนสูงจึงช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อยู่ท้องนานขึ้น และไม่รู้สึกหิวบ่อย แต่ควรเลือกกินชีสประเภทไขมันต่ำ คอเลสเตอรอลต่ำ โซเดียมต่ำ ในปริมาณที่พอดี
5.ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี ค.ศ. 2010 ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานชีสช่วยทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันทรานส์ปาลมิโทเลอิก (Trans-palmitoleic Acid) เป็นกรดไขมันที่สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์นม โดยกรดไขมันชนิดนี้สามารถลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้กว่า 60%
กินชีสอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ
ควรเลือกชีสที่มีปริมาณโซเดียมน้อย หากใครที่กำลังลดน้ำหนักให้เลือกกิน คอตเทจชีส (Cottage Cheese) หรือ ชีสสด เนื่องจากเป็นชีสที่ทำมาจากนมพร่องมันเนย มีไขมันต่ำแต่ให้โปรตีนสูง ซึ่งชีสชนิดนี้จะไม่เหมือนชีสทั่วไปตรงที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการบ่ม แคลอรีจึงน้อยกว่า
ทั้งนี้ อาจนำมากินคู่กับโปรตีนอย่างเนื้อไก่ ไข่ หรือผัก ผลไม้ ก็จะได้ประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากกว่าการกินชีสเปล่าๆ และควรรับประทานในปริมาณที่พอดี เพราะชีสอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ก็จริง แต่หากกินมากไปก็ทำให้น้ำหนักขึ้นได้
อีกทั้งผู้ที่มีปัญหาในโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ควรระวังเรื่องปริมาณการกิน หรือควรเลือกประเภทชีสที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ
ข้อมูลอ้างอิงประกอบบางส่วน
www.pobpad.com
ชีส จัดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนม เป็นอาหารจำพวกโปรตีนใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ในชีสอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโฟเลต วิตามินเอ วิตามินดี โดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมถึง 2 เท่า
ชีสมีหลายประเภท เช่น มอสซาเรลลา (Mozzarella Cheese) มาสคาโปน (Mascarpone Cheese) เชดดาชีส (Cheddar Cheese) เฟตา (Feta Cheese)พาร์มีซานชีส (Parmigiano-Reggiano or Parmesan) คอตเทจชีส (Cottage Cheese) ฯลฯ เป็นต้น
5 ประโยชน์ดีๆ จาก “ชีส”
1.บำรุงกระดูกให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงกระดูกพรุน
เนื่องจากชีสเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากนม อุดมไปด้วยโปรตีน และวิตามินดี โดยชีสมีปริมาณแคลเซียมมากกว่านมถึง 2 เท่า และแคลเซียมนั้นมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง อีกทั้งยังส่งผลดีต่อมวลกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้เป็นอย่างดีด้วย
2.ป้องกันฟันผุ
มีการวิจัยในประเทศฟินแลนด์ ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานชีสไม่เพียงแค่ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมที่ดีแก่กระดูกเท่านั้น แต่เชื้อแบคทีเรียบางชนิดอย่างโปรไบโอติกที่อยู่ในชีสยังช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดฟันผุได้อีกด้วย
3.ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เพราะชีสมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณสูง เป็นแหล่งที่มาของโปรตีนที่ดีซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงดูแลเซลล์กล้ามเนื้อที่สึกหรอ ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่น ช่วยปกป้องริ้วรอย ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผมและเล็บ เป็นต้น
4.ลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดน้ำหนักได้
ชีสสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Cholesterol) ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากกรดไขมันบิวไทเรตนั้นมีบทบาทในการยับยั้งการสะสมไขมัน ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง
อีกทั้งชีสมีโปรตีนสูงจึงช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อยู่ท้องนานขึ้น และไม่รู้สึกหิวบ่อย แต่ควรเลือกกินชีสประเภทไขมันต่ำ คอเลสเตอรอลต่ำ โซเดียมต่ำ ในปริมาณที่พอดี
5.ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี ค.ศ. 2010 ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานชีสช่วยทำให้ร่างกายได้รับกรดไขมันทรานส์ปาลมิโทเลอิก (Trans-palmitoleic Acid) เป็นกรดไขมันที่สามารถพบได้ในผลิตภัณฑ์นม โดยกรดไขมันชนิดนี้สามารถลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้กว่า 60%
กินชีสอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ
ควรเลือกชีสที่มีปริมาณโซเดียมน้อย หากใครที่กำลังลดน้ำหนักให้เลือกกิน คอตเทจชีส (Cottage Cheese) หรือ ชีสสด เนื่องจากเป็นชีสที่ทำมาจากนมพร่องมันเนย มีไขมันต่ำแต่ให้โปรตีนสูง ซึ่งชีสชนิดนี้จะไม่เหมือนชีสทั่วไปตรงที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการบ่ม แคลอรีจึงน้อยกว่า
ทั้งนี้ อาจนำมากินคู่กับโปรตีนอย่างเนื้อไก่ ไข่ หรือผัก ผลไม้ ก็จะได้ประโยชน์และดีต่อสุขภาพมากกว่าการกินชีสเปล่าๆ และควรรับประทานในปริมาณที่พอดี เพราะชีสอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ก็จริง แต่หากกินมากไปก็ทำให้น้ำหนักขึ้นได้
อีกทั้งผู้ที่มีปัญหาในโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ควรระวังเรื่องปริมาณการกิน หรือควรเลือกประเภทชีสที่มีปริมาณโซเดียมต่ำ
ข้อมูลอ้างอิงประกอบบางส่วน
www.pobpad.com