“ขึ้นฉ่าย” ผักที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ บ้างก็ว่าหอม บ้างก็ว่าฉุน นิยมนำมาประกอบอาหารเพื่อเพิ่มความหอมและรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นนำมาต้ม ผัด แกง ยำ ฯลฯ ได้หลากหลายเมนู
โดยขึ้นฉ่ายอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค เบตาแคโรทีน เป็นต้น

ขึ้นฉ่าย มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่
1.ขึ้นฉ่ายฝรั่ง ต้นอวบใหญ่ ลำต้นขาวใบเหลืองอมเขียว
2. ขึ้นฉ่ายจีน มีขนาดของลำต้นที่เล็กกว่า ใบค่อนข้างแก่
ส่วนสรรพคุณของขึ้นฉ่ายทั้งสองสายพันธุ์นั้นจะคล้ายกัน คือ
-ช่วยบำรุงหัวใจ ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด เนื่องจากขึ้นฉ่ายเป็นผักที่มีโพแทสเซียมสูง มีส่วนช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด
-ช่วยล้างพิษในร่างกาย ขึ้นฉ่ายถือได้ว่าเป็นสุดยอดผักที่ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยทำให้ร่างกายสะอาด
-ลดความดันโลหิต และควบคุมระดับความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี โดยนำขึ้นฉ่ายมาคั้นสดๆ เอาแต่น้ำ หรือจะใช้ต้นสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำ กรองเอากากออก ใช้รับประทานก่อนอาหารครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือจะรับประทานเป็นสดๆ ร่วมกับอาหารก็ได้เช่นกัน
-ช่วยลดปริมาณของคอเลสเตอรอล ระดับน้ำตาล ไตรกลีเซอไรด์ และไขมันในเส้นเลือด
- ช่วยต้านมะเร็ง เนื่องจากขึ้นฉ่ายมีสารที่ช่วยยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง
-บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ โดยจากการศึกษากับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูกตามจุดต่างๆ ของร่างกาย จำนวน 13 คน ทดลองให้รับประทานผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีส่วนประกอบของขึ้นฉ่ายและสมุนไพรอื่นๆ ในปริมาณ 350 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งหลังอาหาร จำนวน 2 แคปซูล เป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ผู้ป่วยจะไม่ได้รับการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม หลังจบการทดลองรวมทั้งติดตามผลอีกครั้งเมื่อผ่านไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ผลจากการวิเคราะห์อาการปวดและการเคลื่อนไหวบริเวณที่มีอาการปวดในแต่ละตำแหน่ง พบว่าผู้ป่วยมีอาการปวดลดลงและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นหลังการติดตามผล ทั้งยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้สมุนไพรดังกล่าว
-นอกจากนี้ยังช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงจากโรคกระเพาะอาหาร ลดอาการบวม ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ เสริมการทำงานของระบบขับถ่าย ขับปัสสาวะ ดับร้อนในร่างกาย และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบายขึ้น

มีประโยชน์ใช่ว่าจะไม่มีโทษ ข้อควรระวังในการรับประทาน มีดังนี้
-ขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์ในการลดปริมาณการสร้างอสุจิในเพศชาย หากรับประทานมากเกินไปและรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำจะทำให้อสุจิลดลง อาจทำให้เป็นหมันได้
-หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานขึ้นฉ่ายในปริมาณมาก อาจทำให้มดลูกหดตัวและเสี่ยงต่อภาวะแท้ง
- ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับประทานหรือใช้ขึ้นฉ่ายในปริมาณมาก หรือติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจก่อให้เกิดการอักเสบตามมา และอาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงส่งผลให้เกิดอันตราย
-การรับประทานขึ้นฉ่ายในปริมาณมากอาจทำให้ความดันเลือดลดต่ำลง ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำจึงควรรับประทานด้วยความระมัดระวัง
วิธีรับประทานขึ้นฉ่าย
-รับประทานเป็นผักสด หรือนำไปประกอบอาหาร
-นำมาคั้นสดดื่ม โดยใช้ต้นสดประมาณ 100 กรัม นำมาตำหรือปั่นละเอียด จากนั้นกรองเอาเฉพาะน้ำ ดื่มก่อนรับประทานอาหาร ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ
-นำเมล็ดขึ้นฉ่ายมาทำเป็นชาชงดื่ม

ข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก
www.pobpad.com
medthai.com
www.honestdocs.co
โดยขึ้นฉ่ายอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเค เบตาแคโรทีน เป็นต้น
ขึ้นฉ่าย มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่
1.ขึ้นฉ่ายฝรั่ง ต้นอวบใหญ่ ลำต้นขาวใบเหลืองอมเขียว
2. ขึ้นฉ่ายจีน มีขนาดของลำต้นที่เล็กกว่า ใบค่อนข้างแก่
ส่วนสรรพคุณของขึ้นฉ่ายทั้งสองสายพันธุ์นั้นจะคล้ายกัน คือ
-ช่วยบำรุงหัวใจ ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด เนื่องจากขึ้นฉ่ายเป็นผักที่มีโพแทสเซียมสูง มีส่วนช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด
-ช่วยล้างพิษในร่างกาย ขึ้นฉ่ายถือได้ว่าเป็นสุดยอดผักที่ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยทำให้ร่างกายสะอาด
-ลดความดันโลหิต และควบคุมระดับความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี โดยนำขึ้นฉ่ายมาคั้นสดๆ เอาแต่น้ำ หรือจะใช้ต้นสดนำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำ กรองเอากากออก ใช้รับประทานก่อนอาหารครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือจะรับประทานเป็นสดๆ ร่วมกับอาหารก็ได้เช่นกัน
-ช่วยลดปริมาณของคอเลสเตอรอล ระดับน้ำตาล ไตรกลีเซอไรด์ และไขมันในเส้นเลือด
- ช่วยต้านมะเร็ง เนื่องจากขึ้นฉ่ายมีสารที่ช่วยยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง
-บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ โดยจากการศึกษากับผู้ป่วยที่มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูกตามจุดต่างๆ ของร่างกาย จำนวน 13 คน ทดลองให้รับประทานผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีส่วนประกอบของขึ้นฉ่ายและสมุนไพรอื่นๆ ในปริมาณ 350 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งหลังอาหาร จำนวน 2 แคปซูล เป็นระยะเวลา 14 วัน ซึ่งในระหว่างนี้ผู้ป่วยจะไม่ได้รับการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม หลังจบการทดลองรวมทั้งติดตามผลอีกครั้งเมื่อผ่านไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ผลจากการวิเคราะห์อาการปวดและการเคลื่อนไหวบริเวณที่มีอาการปวดในแต่ละตำแหน่ง พบว่าผู้ป่วยมีอาการปวดลดลงและเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นหลังการติดตามผล ทั้งยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงจากการใช้สมุนไพรดังกล่าว
-นอกจากนี้ยังช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงจากโรคกระเพาะอาหาร ลดอาการบวม ช่วยแก้อาการปวดประจำเดือน ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ เสริมการทำงานของระบบขับถ่าย ขับปัสสาวะ ดับร้อนในร่างกาย และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบายขึ้น
มีประโยชน์ใช่ว่าจะไม่มีโทษ ข้อควรระวังในการรับประทาน มีดังนี้
-ขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์ในการลดปริมาณการสร้างอสุจิในเพศชาย หากรับประทานมากเกินไปและรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำจะทำให้อสุจิลดลง อาจทำให้เป็นหมันได้
-หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานขึ้นฉ่ายในปริมาณมาก อาจทำให้มดลูกหดตัวและเสี่ยงต่อภาวะแท้ง
- ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับประทานหรือใช้ขึ้นฉ่ายในปริมาณมาก หรือติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจก่อให้เกิดการอักเสบตามมา และอาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงส่งผลให้เกิดอันตราย
-การรับประทานขึ้นฉ่ายในปริมาณมากอาจทำให้ความดันเลือดลดต่ำลง ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำจึงควรรับประทานด้วยความระมัดระวัง
วิธีรับประทานขึ้นฉ่าย
-รับประทานเป็นผักสด หรือนำไปประกอบอาหาร
-นำมาคั้นสดดื่ม โดยใช้ต้นสดประมาณ 100 กรัม นำมาตำหรือปั่นละเอียด จากนั้นกรองเอาเฉพาะน้ำ ดื่มก่อนรับประทานอาหาร ครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ
-นำเมล็ดขึ้นฉ่ายมาทำเป็นชาชงดื่ม
ข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก
www.pobpad.com
medthai.com
www.honestdocs.co