xs
xsm
sm
md
lg

ถอดองค์ความรู้เพื่อเตรียมรับรอง “น้ำมันกัญชา สูตรอาจารย์ เดชา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

เป็นที่น่ายินดีว่า น้ำมันกัญชาสูตรซึ่งได้มาจากอาจารย์เดชา ศิริภัทร ซึ่งสกัดจากแนฟธา 3 เปอร์เซนต์ ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 97 เปอร์เซนต์ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้เป็นตำรับยาที่มีกัญชาผสมอยู่อีกหนึ่งตำรับ ของกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก

ก่อนหน้านี้มีตำรับยาไทยที่มีกัญชาผสมอยู่ จำนวน 16 ตำรับได้ถูกรับรองโดยกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก แต่ตำรับยาสูตรของอาจารย์เดชานั้นอยู่นอกเหนือตำรับยาไทยสมัยก่อน หากมีการรับรองได้จริงก็แสดงให้เห็นว่าเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มาประยุกต์ใช้จนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์โดยไม่ต้องมีความยุ่งยากมากเกินไป

ถ้าถามความเป็นมาของสูตรนี้ก็คืออาจารย์เดชา ศิริภัทร ได้ไปสอบถามพระที่มีความน่าเชื่อถือว่ามีฌาณหยั่งรู้ ซึ่งสามารถตอบคำถามส่วนตัวที่ไม่น่าจะมีใครรู้ได้ แล้วชี้ชัดว่าให้สกัดโดยใช้แนฟธาและให้ใช้น้ำมันมะพร้าวเพียงแค่ 3 เปอร์เซนต์ ผสมกับน้ำมันมะพร้าว 97 เปอร์เซ็นต์

แต่อาจารย์เดชา ก็ยังไม่ได้เชื่อถือสูตรดังกล่าวจึงมาลองกับตัวเอง พบว่าได้ผลดีทำให้สามารถหลับได้ลึก คุณภาพการนอนดีขึ้น จึงมาขยายผลต่อๆกันมา จนน่าเชื่อได้ว่าอาจจมีคนเข้าฝึกอบรมกับอาจารย์เดชาและรับน้ำมันชนิดนี้ไปใช้แล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ซึ่งไม่ปรากฏว่าผู้ได้รับไปนั้นมีผลร้ายต่อสุขภาพ ในทางตรงกันข้ามกลับมีรายผลทางสุขภาพดีขึ้นหลายประการ โดยอาจารย์เดชา ยืนยันว่าโรคที่สามารถรักษาให้หายได้อย่างเด่นชัดคือ โรคปวดศีรษะไมเกรน โรคนอนไม่หลับ ฯลฯ

ดังนั้น หากมีผู้เคยใช้แล้วได้ผลดี และจะให้ผลดีต่อสุขภาพในวงกว้างรัฐบาลก็ควรจะต้องสานต่อเพื่อทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ให้ได้รวดเร็วขึ้น และมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวนี้จะต้องฝ่าด่านสำคัญ 4 ด้าน ก่อนที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในวงกว้างคือ

1. ต้องมีการสำรวจและสรุปให้ได้ว่าบันทึกผู้ป่วยกว่า 5,000 รายที่เคยใช้น้ำมันกัญชาในรูปแบบดังกล่าวนี้ มีรายงานเป็นผลเสียหรือไม่ อย่างไร?

2. ต้องมีการสำรวจและสรุปให้ได้ว่าบันทึกผู้ป่วยกว่า 5,000 รายที่เคยใช้น้ำมันกัญชาในรูปแบบดังกล่าวนี้ มีรายงานเป็นประโยชน์โรคอะไรบ้าง และมีจำนวนสัดส่วนและประสิทธิผลจริงหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด

3. ต้องมีการพิจารณาในเรื่องผลิตภัณฑ์ปลอดภัยเพียงพอหรือไม่?

4. การทดสอบทางคลีนิกแบบเดินไปข้างหน้านั้นมีผลอย่างไร?

ถ้า 2 ประการแรกพบว่าการใช้น้ำมันกัญชาของอาจารย์เดชานั้นมีความปลอดภัยและเกิดประโยชน์กับประชาชนผู้ใช้แล้ว รัฐบาลก็ควรเร่งสนับสนุนให้ดำเนินการจ่ายแจกกัญชาต่อทันที โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้เกิดความปลอดภัย มีคุณภาพและประสิทธิภาพ และเคารพรูปแบบเดิมของการพึ่งพาตัวเองของชาวบ้าน หลังจากนั้นจึงทยอยเก็บข้อมูลติดตามผลในการใช้น้ำมันกัญชานี้ต่อไป

กรณีของอาจารย์เดชานั้นไม่ใช่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีการฝึกอบรมให้ความรู้และทดลองใช้เพื่อหาจุดพอดีของแต่ละคนด้วย อีกทั้งยังมีเรื่องการอบรมเรื่องศีลธรรมมาเป็นรูปแบบของการใช้งาน และเป็นระบบการปลูกที่ชาวบ้านมีการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยไม่เคยพึ่งงบประมาณแผ่นดิน หรือแอบขายใต้ดินเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตความสอดคล้องระหว่างตำรับยาสูตรของอาจารย์เดชานั้นเทียบกับตำรับยาการแพทย์แผนไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมดังนี้

1. น้ำมันกัญชาของอาจารย์เดชาใช้ปริมาณต่ำมากทำให้ไม่ออกฤทธิ์ทางจิตประสาท หรือเรียกง่ายๆคือ ไม่มึนเมา ซึ่งสอดคล้องกับตำรับยาการแพทย์แผนไทย เพราะทั้งน้ำมันของอาจารย์เดชา และตำรับยาที่มีกัญชาของการแพทย์แผนไทยต่างยึดหลักการไม่ทำให้มึนเมาอันมีที่มาจากศีลของพุทธศาสนาเหมือนกัน

2. น้ำมันกัญชาของอาจารย์เดชาใช้ทีละนิดและสังเกตอาการเพื่อไม่ให้ถึงจุดมีนเมา ซึ่งตำรับยาไทยก็มีการจัดยาตามลักษณะธาตุของที่ไม่เหมือนกัน ด้วยคุณลักษณะเช่นนี้จึงย่อมมีภูมิปัญญาในการปรุงยาที่มีความปลอดภัยให้สอดคล้องเฉพาะรายเช่นกัน

3. น้ำมันกัญชาของอาจารย์เดชาซึ่งผสมกับน้ำมันมะพร้าวของไทย และตำรับยาไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมนนั้นนำมาจากสมุนไพรของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นตัวพืชหรือสารสกัดสำคัญ (ไม่ว่าจะสกัดด้วยวิธีใด) ต่างก็ย่อมได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้ครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 เช่นกัน

4. อาจารย์เดชา ศิริภัทร ได้ถูกรับรองเป็นหมอพื้นบ้าน ที่ผ่านการสอบในการใช้กัญชาของกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ย่อมถือว่าอาจารย์เดชา ศิริภัทรเป็นที่มีความรู้และวิจารณญาณที่จะตัดสินใจแจกยาต่อไปได้

ปัญหาสำคัญในเวลานี้อยู่ที่ “วัตถุดิบ” ที่จะนำมาช่วยที่มารอความหวังจากน้ำมันกัญชาของ อาจารย์เดชา ศิริภัทร เพียงพอหรือไม่ และรัฐบาลมีความจริงใจในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด หรือยังมีความคิดผูกขาดที่จะปลูกกัญชาในระบบปิดที่มีราคาแพง และมีผู้รับจ้างแอบอยู่เบื้องหลังการผูกขาดของภาครัฐหรือไม่?

ดังนั้น อาจารย์เดชา ศิริภัทร จึงตัดสินใจเดินรณรงค์ให้ปฏิวัติกัญชาทางการแพทย์เพื่อผู้ป่วยอย่างแท้จริง โดยจะเริ่มต้นเดินในวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 จากจังหวัดพิจิตร ถึงจังหวัดสุพรรณบุรี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2562 รวมเวลา 20 วัน

ประชาชนที่สนับสนุนอาจารย์เดชา ศิริภัทร สามารถเข้าร่วมการเดินรณรงค์ครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียง เพื่อทวงคืนกัญชาธิปไตยให้เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต


กำลังโหลดความคิดเห็น