การต่อสู้ของภาคประชาสังคมต่อเรื่องการเข้าถึงและการปลูกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ยังมีอุปสรรคอยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพ้นวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการนิรโทษกรรมในการครอบครองกัญชาจะสิ้นสุดลงแล้วนั้น “อะไรจะเกิดขึ้น?” เป็นคำถามที่หลายคนให้ความสนใจมากที่สุด
ตำรวจจะจับคนที่เคยขึ้นทะเบียนของนิรโทษกรรมหรือไม่? น้ำมันกัญชาที่เหลืออยู่จะถูกยึดส่งมอบให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่? และหากน้ำมันกัญชาทีหมดไปแล้วจะหาได้อีกจากที่ไหน? ที่ตั้งคำถามมาทั้งหมดก็เพราะไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า “ผู้ป่วย” จะสามารถใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องหลังวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ได้อย่างไร?
อ.เดชา ศิริภัทร เป็นตัวอย่างของภาคประชาสังคมที่ใช้ความกล้าหาญโดยยึดเอาประโยชน์ของประชาชนและผู้ป่วยเป็นตัวตั้งเหนืออุปสรรคและความเสี่ยงทางกฎหมาย ด้วยการแจกน้ำมันกัญชา เมล็ดกัญชา ต้นกัญชา ในช่วงที่มีการนิรโทษกรรม เมื่อครั้นที่เจ้าหน้าที่รัฐจับกุม ก็ได้เกิดกระแส “เซฟเดชา” ให้กำลังใจจากประชาชนมากมายมหาศาล จนเป็นผลทำให้ภาครัฐต้องกลับลำมาสนับสนุนงานของ อ.เดชา ศิริภัทร อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่า อ.เดชา ศิริภัทร และคณะอาจจะรอดจากการถูกดำเนินคดีความจากนโยบายทางการเมือง แต่ในความเป็นจริงยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยโชคร้ายที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับ อ.เดชา ศิริภัทร ได้ถูกจับกุม ถูกดำเนินคดีความอย่างน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุผลนี้ อ.เดชา ศิริภัทร จึงตัดสินใจขอรณรงค์ครั้งสำคัญเพื่อเปิดเสรีกัญชารักษาโรค โดยจะใช้เวลาเดินทาง 20 วัน จากวัดบางปลาหมอ จังหวัดสุพรรณบุรี ถึงวัดป่าวชิรโพธิญาณ จังหวัดพิจิตร โดยจะเริ่มวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2562 - วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2562
วัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้กัญชาในการรักษาโรคได้อย่างต่อเนื่อง เปิดเสรีกัญชารักษาโรค และปลดกัญชาออกจาบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เพื่อมาใช้สำหรับการรักษาโรค
ตัวอย่าง องค์กรที่จะร่วมจัดงานในครั้งนี้ มูลนิธิข้าวขวัญ มูลนิธิชีววิถี มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิสุขภาพไทย มหาวิทยาลัยรังสิต เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน เครือข่ายผู้ป่วย ซึ่งเชื่อว่าจะมีอีกหลายองค์กรที่ยังกล่าวถึงไม่หมด หรือจะเข้าร่วมมากกว่านี้อีกมากเมื่อถึงงานดังกล่าว
สำหรับการเดินทางนั้นเบื้องต้นจะเดินทางประมาณวันละ 13-14 กิโลเมตร โดยเดินวันละ 2 ช่วง ตั้งแต่ 6.00 น.-10.00 น. และช่วงบ่ายตั้งแต่ 15.00 น. - 18.00 น. ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์จริงอีกครั้ง
การเดินทางครั้งสำคัญนี้จะเป็นการพิสูจน์การทวงคืน “กัญชาธิปไตย” ให้เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนท่านผู้สนใจได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กันอย่างพร้อมเพรียง
ด้วยความปรารนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต
ตำรวจจะจับคนที่เคยขึ้นทะเบียนของนิรโทษกรรมหรือไม่? น้ำมันกัญชาที่เหลืออยู่จะถูกยึดส่งมอบให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่? และหากน้ำมันกัญชาทีหมดไปแล้วจะหาได้อีกจากที่ไหน? ที่ตั้งคำถามมาทั้งหมดก็เพราะไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า “ผู้ป่วย” จะสามารถใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องหลังวันที่ 19 พฤษภาคม 2562 ได้อย่างไร?
อ.เดชา ศิริภัทร เป็นตัวอย่างของภาคประชาสังคมที่ใช้ความกล้าหาญโดยยึดเอาประโยชน์ของประชาชนและผู้ป่วยเป็นตัวตั้งเหนืออุปสรรคและความเสี่ยงทางกฎหมาย ด้วยการแจกน้ำมันกัญชา เมล็ดกัญชา ต้นกัญชา ในช่วงที่มีการนิรโทษกรรม เมื่อครั้นที่เจ้าหน้าที่รัฐจับกุม ก็ได้เกิดกระแส “เซฟเดชา” ให้กำลังใจจากประชาชนมากมายมหาศาล จนเป็นผลทำให้ภาครัฐต้องกลับลำมาสนับสนุนงานของ อ.เดชา ศิริภัทร อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่า อ.เดชา ศิริภัทร และคณะอาจจะรอดจากการถูกดำเนินคดีความจากนโยบายทางการเมือง แต่ในความเป็นจริงยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยโชคร้ายที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับ อ.เดชา ศิริภัทร ได้ถูกจับกุม ถูกดำเนินคดีความอย่างน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุผลนี้ อ.เดชา ศิริภัทร จึงตัดสินใจขอรณรงค์ครั้งสำคัญเพื่อเปิดเสรีกัญชารักษาโรค โดยจะใช้เวลาเดินทาง 20 วัน จากวัดบางปลาหมอ จังหวัดสุพรรณบุรี ถึงวัดป่าวชิรโพธิญาณ จังหวัดพิจิตร โดยจะเริ่มวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2562 - วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2562
วัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้กัญชาในการรักษาโรคได้อย่างต่อเนื่อง เปิดเสรีกัญชารักษาโรค และปลดกัญชาออกจาบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เพื่อมาใช้สำหรับการรักษาโรค
ตัวอย่าง องค์กรที่จะร่วมจัดงานในครั้งนี้ มูลนิธิข้าวขวัญ มูลนิธิชีววิถี มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิสุขภาพไทย มหาวิทยาลัยรังสิต เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน เครือข่ายผู้ป่วย ซึ่งเชื่อว่าจะมีอีกหลายองค์กรที่ยังกล่าวถึงไม่หมด หรือจะเข้าร่วมมากกว่านี้อีกมากเมื่อถึงงานดังกล่าว
สำหรับการเดินทางนั้นเบื้องต้นจะเดินทางประมาณวันละ 13-14 กิโลเมตร โดยเดินวันละ 2 ช่วง ตั้งแต่ 6.00 น.-10.00 น. และช่วงบ่ายตั้งแต่ 15.00 น. - 18.00 น. ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์จริงอีกครั้ง
การเดินทางครั้งสำคัญนี้จะเป็นการพิสูจน์การทวงคืน “กัญชาธิปไตย” ให้เป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง จึงขอเชิญชวนท่านผู้สนใจได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กันอย่างพร้อมเพรียง
ด้วยความปรารนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต